26 ซาตานร้าน nc18+
“พี่ธีร์จะทำอะไร อย่านะคะ ข้าวกำลังท้องอยู่นะ”
แขนเรียวยกขึ้นมาโอบกอดหน้าท้องนูนน้อย ๆ ของตัวเองเพื่อปกป้องอีกชีวิตไว้ทันที ก่อนจะถูกเขาดึงออกและรวบมือเธอไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวของเขา
“หุบปาก! ฆาตกรอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องหรือต่อรองอะไรทั้งนั้น”
“ฮึก”
“หน้าที่ของผู้หญิงไร้ค่าอย่างเธอคือนอนอยู่เฉย ๆ ให้ฉันเอา”
“พี่ธีร์...”
หลังจากตวาดใส่เธอด้วยอารมณ์ฉุนเชียวแล้ว ดูเหมือนคนใต้ร่างก็เริ่มสงบลง ก่อนจะถูกเขาใช้เข็มขัดพันธนาการแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ เธอจึงกลับมาต่อต้านอีกครั้ง
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็อยู่เฉย ๆ” ชลธีว่าเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางของตัวเองออก เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวย
“อ้ะ ข้าวเจ็บ ฮึก เบา ๆ ได้ไหมคะ” แรงที่เขากระชากเสื้อผ้าของเธอออก ทำให้พิมพกานต์เอ่ยขอร้องเขา เพราะเธอรู้สึกเจ็บ แต่ก็ทำได้เพียงขอร้องเขาเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์ขัดขืนซาตานร้ายอย่างเขาได้ ก็ได้แต่นอนนิ่งให้เขาทำตามอำเภอใจเพื่อปกป้องชีวิตน้อย ๆ ในท้อง
“ฉันต้องสนใจ?” ย้อนถามเสียงเรียบ พร้อมกับใบหน้าไร้ความรู้สึก สายตาไร้ซึ่งความรัก ความเห็นใจ ความสงสาร ความเมตตา ความอ่อนโยน มีแต่สายตาดูแคลนเท่านั้นที่เขาใช้มองเธอ
“พี่ธีร์จะไม่สนใจข้าวก็ได้ค่ะ... แต่อย่างน้อยเด็กในท้องก็เป็นลูกของพี่ธีร์ พี่ธีร์ช่วยอ่อนโยนสักนิดได้ไหม ฮึก” พิมพกานต์เงยหน้าพูดบอกเขาทั้งน้ำตา หวังให้เขาเห็นใจ เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีอารมณ์รักรุนแรง
แต่ตอนนี้เธอท้องอยู่ หากเขาไม่สนใจเธอ ก็สนใจลูกบ้าง ลูกที่เขาพร่ำบอกกับเธอเสมอว่าอยากมี...
“ลูกหรอ”
“เธอรู้รึเปล่าว่าฉันความคิดที่อยากมีลูกไม่เคยมีอยู่ในหัวฉันเลยสักครั้ง” จากที่คร่อมเธออยู่ ชายหนุ่มร่างสูงก็ย้ายตำแหน่งมาหนอนหนุนแขนตัวเองอยู่ข้าง ๆ ร่างกายเปลือยเปล่าของเธอแทน ก่อนจะพูดต่อ
เมื่อเห็นเธอเอาแต่ร้องไห้อย่างเจ็บปวด เพราะมันคือสิ่งที่เขาต้องการ
“พี่ขุนกับพี่กิ่งอยากมีลูกมาก แต่เพราะปัญหาบางอย่างทำให้พี่ขุนกับพี่กิ่งมีลูกไม่ได้...เพราะงั้นพี่ขุนเลยมาขอร้องให้ฉันแต่งงาน มีเมียเป็นตัวเป็นตน แต่ฉันก็ไม่ยอมและปฏิเสธ”
“ไม่ว่าพี่ขุนจะพูดโน้มน้าวใจฉันยังไงฉันก็ปฏิเสธ ปฏิเสธทุกครั้งที่พี่ขุนพูดเรื่องนี้”
“เธอรู้ไหมว่าพี่ขุนอยากมีลูกมาก ขนาดวันที่พี่ขุนตายยังเป็นวันที่พี่ขุนไปปรึกษาหมอเรื่องมีลูก” นัยน์ตาคมเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถ้าเขายอมมีลูกให้พี่ขุนตั้งแต่แรกเรื่องมันก็คงไม่เป็นอย่างนี้ แถมเส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุยังเป็นเส้นทางที่ใช้มาหาเขาอีก
หลังจากปรึกษาหมอพี่ขุนก็คงจะมาโน้มน้าวใจเขาเรื่องลูกอีก เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ขุนอยากมีลูกมากขนาดนี้ พี่ขุนทำทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะมีลูก เหนื่อยจากการหาทาง ผิดหวังจากความล้มเหลวเรื่องลูกพี่ขุนก็ไม่เคยบอกเขาเลยสักครั้ง... จนกระทั่งพี่ขุนตายไป เรื่องทุกอย่างมันก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา แต่มันก็สายเกินไปแล้ว สายเกินไปแล้วที่จะแก้ไข มีแต่เดินหน้าต่อไปเพื่อทำสิ่งที่พี่ขุนขอไว้ให้สำเร็จเท่านั้น
“พี่ธีร์ มะ ไม่ได้จะใช้ลูกเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นข้าวหรอกใช่ไหมคะ” พิมพกานต์เอ่ยถามเขาเสียงแผ่ว ตอนนี้แค่คำพูดไม่กี่คำของเขาก็ทำร้ายหัวใจเธอแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดีแล้ว... หากเขาเอาลูกมาเกี่ยวด้วย หากเขาทำร้ายลูกด้วย... เธอจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปยังไง เธอคงอยู่ไม่ไหวแน่ ๆ เพราะแค่นี้เธอก็แทบหมดแรงจะใช้ชีวิตต่อแล้ว เธอมีเขาเป็นที่พึ่ง ให้เขาเป็นแสงสว่างในชีวิตอันมืดมนที่เหลืออยู่ กลับกลายเป็นว่าแสงสว่างสุดท้ายของเธอในตอนนี้กลายเป็นความมืดมิดที่น่ากลัวและวกกลับมาทำร้ายเธอแทน...
“ฉันมีกันกับพี่ขุนแค่สองคนพี่น้อง กับธุรกิจครอบครัวอีกมากมาย” เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของเธอ แต่พูดบางอย่างขึ้นมาแทน
“พี่กิ่งรักเด็ก พี่ขุนเองก็ด้วย เพราะพี่ขุนมีลูกไม่ได้ และฉันก็ไม่อยากมีลูก ทำให้พี่ขุนกลัวว่าธุรกิจที่สืบทอดกันมาจะไม่มีใครสานต่อ”
“แต่ตอนนี้มีคนที่จะสานต่อมันแล้ว...ซึ่งก็คือเด็กที่อยู่ในท้องเธอ”
“ถึงนิสัยแม่จะไม่ดี แต่รูปร่างหน้าตาผิวพรรณจัดว่าใช้ได้ เพราะงั้นเธอจึงเหมาะที่จะเป็นแม่พันธุ์ให้กับฉัน” พูดจบก็ขยับตัวขึ้นคร่อมร่างบางเปลือยเปล่าไว้ทันที พร้อมกับใช้สายไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่ลิ้นหนาของเขาจะเลียริมฝีปากเบา ๆ ซึ่งการกระทำของเขาทำคนตัวเล็กเนื้อตัวสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว
เขาไม่เหลือคราบของพี่ธีร์ที่แสนดีของเธอเลย...ในตอนนี้เขาเหมือนซาตานร้าย ทั้งสีหน้าและแววตาของเขามันดูน่ากลัวไปหมด
“กลัวหรอ” ชลธีเอ่ยถามเสียงเรียบ ทั้งยังแสยะยิ้มหลังจากพูดจบ
“ค่ะ ข้าวกลัว” ถ้าเขาถามเธอว่าเธอกลัวเขาไหม เธอก็จะบอกเขาไปตามตรง เพราะตอนนี้เขาดูน่ากลัวมากจริง ๆ โดยที่ในใจแอบหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเขาจะเห็นใจเธอขึ้นมาบ้าง
“หึ”
“รู้ใช่ไหมข้าวหอม ว่าตอนเอากันฉันเป็นคนยังไง” ชลธีว่าขึ้น พร้อมกับเรียวลิ้นยาวที่ปาดเลียซอกคอขาวของเธอ ก่อนจะดูดหนัก ๆ จนเกิดรอยรักสีแดงช้ำเป็นวง
“อรึก” คำพูดหยาบคายที่ออกมาจากปากเขาทำเอาพิมพกานต์สะอึก ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพูดอะไรแบบนี้กับเธอ เขามักจะพูดอ่อนโยนกับเธอเสมอไม่ว่าอารมณ์ของเขาจะรุนแรงแค่ไหน เขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ สินะ ไม่สิ เขาไม่ได้เปลี่ยนไป นี่คือตัวตนจริง ๆ ของเขาต่างหาก
“อ้ะ” เปลือกตาบางปิดเข้าหากันแน่น เมื่อนิ้วเรียวยาวของเขากรีดกรายไปตามตัวของเธอ ก่อนจะกรีดลงบนรอยแยกของกลีบเนื้อนุ่มด้านล่าง
“ยังแน่นเหมือนเดิม หึ” ชลธีกระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ ก่อนจะจับเอาแก่นกายที่คับแน่นอยู่ภายใต้ กางเกงสแลคเนื้อดีสีดำ ออกมาทักทายเธอ
“ขะ ข้าวเจ็บ มันเจ็บ” เขาสอดใส่โดยที่ไม่บอกให้เธอได้เตรียมใจ ทั้งยังไม่ได้เล้าโลมเธอเหมือนอย่างเคย มีแค่สอดใส่นิ้วเข้าออกอยู่ครู่เดียวเท่านั้น ทำให้ปากทางรักไม่มีน้ำหล่อลื่นเพียงพอที่จะทำรักโดยไม่เสียดสีสร้างความเจ็บปวดให้แก่กัน
“กรี๊ดดด” แทนที่เขาจะฟังในสิ่งที่เธอพูด เขากลับส่งเอ็นอุ่นร้อนเข้าไปที่เดียวจนมิดลำ ทำให้พิมพกานต์ส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด เธอหายห่างจากเรื่องนี้ไปค่อนข้างนาน ทั้งการกลับมาทำมันอีกครั้ง เขายังไม่เล้าโลมให้เธอมีอารมณ์ร่วมด้วยมาก ๆ เหมือนอย่างเคย ทำให้ในตอนนี้เธอมีแต่ความเจ็บปวดเท่านั้น ไร้ความเสียวซ่านอย่างที่เคย
“หนวกหู!” ว่าจบก็โน้มตัวลงปิดปากคนใต้ร่างที่กรีดร้องอยู่ทันที หากเป็นเสียงครางหวาน ๆ เขาจะไม่ว่าเลยสักคำ
พับ พับ พับ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้อง พร้อมกับเสียงคำรามของชลธีที่ดังออกมาเป็นครั้งคราวเมื่อเขาสุขสม สุขสมภายใต้น้ำตาของหญิงสาวที่นอนรับอารมณ์ของเขา อย่างไม่มีทางขัดขืนได้ ได้แต่ปล่อยให้เขากระทำรักตามอำเภอใจ สายตาตัดพ้อเสียใจ ที่มองเขา เขาก็ไม่คิดจะเห็นใจ ซ้ำความดิบเถื่อนและรุนแรงยังเพิ่มขึ้นอีก
รอยรักสีกุหลาบปรากฏทั่วร่างกาย มีเพียงส่วนของหน้าท้องเท่านั้นที่เขาละเว้นมันไว้
“ฉันไม่ปล่อยให้ลูกฉันเป็นอะไรแน่นอน แต่เธอ...หึ” ชลธีว่าขึ้นเสียงเรียบเมื่อเห็นสายตาที่เธอเอาแต่มองจ้องหน้าท้องตัวเองด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อมือถูกเขามัดไว้ด้วยเข็มขัด
เห็นเธอเป็นแบบนั้นมันสร้างความหงุดหงิดใจให้เขาไม่น้อย ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นและสิ่งที่เขาพูดขึ้นมันก็ทำร้ายหัวใจที่บอบช้ำอยู่แล้วของเธอ อีกเช่นกัน
พับ พับ พับ
กิจกรรมรักยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จบ จนเธอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าแล้วเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมัน เหมือนกับเขาอดอยากมาแรมปี มีเท่าไหร่เขาระบายใส่เธอไม่ยั้งมือ แต่ก็ยังคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกน้อยอยู่บ้าง
“อ่าส์” ในที่สุดเขาก็ยอมหยุดมัน หลังจากได้ปล่อยน้ำรักใส่เธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนตอนนี้มันล้นทะลักไหลย้อนไปตามเรียวขาขาว ที่ตอนนี้มีรอยแดงเป็นจ้ำ ๆ สายตาคมมองจ้องเหล่าลูกน้อยของเขาที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปเกิด เพราะตอนนี้มีคนที่แข็งแรงกว่าใครเพื่อนตั้งแต่สี่เดือนก่อนได้ฟันฝ่าอุปสรรค จนสามารถเข้าไปอยู่ในตัวของเธอ ฟูมฝักจนเป็นตัวอ่อน
นอนคดอยู่ในท้องของเธอแล้ว
สายตาค่อย ๆ เลื่อนขึ้นก่อนจะหยุดมองใบหน้าสวยหวานที่เคยอมชมพูซับสีเลือด แต่ตอนนี้กลับซีดเผือด เหงื่อเม็ดเล็กเกาะตามใบหน้า บ่งบอกได้ดีว่าเธอนั้นเหน็ดเหนื่อยจากการกระทำของเขามากแค่ไหน
“มันเป็นสิ่งที่เธอต้องชดใช้” เขาพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นเดินตรงไปชำระร่างกายในห้องน้ำ อย่างไม่คิดจะสนใจ เธอที่นอนหนาว และเหนอะจากเหงื่อและคราบน้ำรัก จากการร่วมรักกับตนเลยแม้แต่น้อย
.
“เป็นอะไรของเราเนี่ย เดินหนีพี่ทำไม” หมอกว่าขึ้น หลังจากกำลังจะเดินสวนกัน แต่เธอกลับหันหลังเดินหนีเข้ากลับทางเดิมก่อน
“เฟื่องไม่ได้หนี” เฟื่องฟ้าว่าขึ้น พร้อมกับเดินเร็ว ๆ เพื่อจะหนีเขาต่อ
“ไม่ได้หนีก็หยุดเดิน” หมอกว่าเสียงเรียบ พร้อมกับขายาว ๆ ที่ก้าวตามคนตัวเล็ก เพียงเขาเดินเร็ว ๆ ไม่กี่ก้าวเขาก็ตามเธอทันแล้ว แต่เขาอยากให้เธอหยุดด้วยความเต็มใจมากกว่า
“ไม่หยุด ทำไมเฟื่องต้องฟังพี่ด้วย”
“ก็เราบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วทำไมถึงจะหยุดคุยกับพี่ไม่ได้”
“พี่นั่นแหละ มาตามเฟื่องทำไม ทำไมไม่ไปดูแลลูก...อ้ะ” เฟื่องฟ้ายอมหันหลังพูดกับเขา แต่พอหยุดเดินและหันหลังกลับปะทะเข้ากับอกแกร่งของเขาอย่างจัง
“ลูก? ลูกอะไรของเรา ลูกหมาหรอ” หมอกถามด้วยความมึนงง ให้เขาไปดูแลลูกอะไร เขาไม่มีเมียสักหน่อย อย่าว่าแต่เมียเลยแฟนสักคนก็ยังไม่มี มีแต่หมาที่บ้านนั่นแหละที่พึ่งคลอดลูก
“ลูกหมาบ้านป้าพี่สิ!” ได้ยินเขาพูดแบบนั้น เฟื่องฟ้าก็แห้วใส่เขาด้วยความหงุดหงิดใจ หนอยไม่ให้ข้าวหอมบอกคนอื่นเรื่องที่มีความสัมพันธ์แล้วยังมาทำเฉไฉไม่รู้เรื่องลูก หาว่าเป็นลูกหมาอีก มันใช้ได้ที่ไหน เสียแรงที่แอบรักมาหลายปี
“นี่! พูดกับผู้ใหญ่ให้มันเพราะ ๆ หน่อย”
“ผู้ใหญ่ที่ไม่น่านับถือ เฟื่องไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย!” ว่าจบก็ยกมือขึ้นกอดอกไว้แน่น
“ไม่พูดดีก็ไม่พูดดี แล้วทีนี้เราจะบอกพี่ได้รึยังว่าเราเดินหนีพี่ทำไม” หมอกว่าเสียงเรียบ พร้อมกลับใช้สายตาหรี่มองคนตรงหน้าอย่างจับผิด
“เฟื่องไม่ได้หนี เฟื่องแค่ไม่อยากยุ่งกับคนมีครอบครัวแล้ว”
“มีครอบครัวแล้ว หมายถึงพี่หรอ?” หมอกชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อกี้เธอก็พูดถึงเรื่องลูก ตอนนี้ก็ยังมาหาว่าเขามีครอบครัวแล้วอีก มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว
“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เลย เฟื่องรู้นะว่าพี่กับข้าวคบกันอยู่ ไม่สิตอนนี้พี่กับข้าวมีลูกด้วยกันแล้ว เฟื่องไม่รู้ว่าเรื่องของพี่กับข้าวมันเกิดขึ้นนานรึยัง”
“แต่เฟื่องขอร้องพี่อย่ามายุ่ง อย่ามาเข้าใกล้เฟื่องอีก เจอหน้ากันก็ไม่ต้องทัก ทำเป็นเหมือนคนแปลกหน้าต่อกันไปเลย หรือจะทำเป็นไม่รู้จักเฟื่องเลยก็ได้”
“เฟื่องขอให้ชีวิตรักของพี่กับข้าวมีแต่ความสุข ลาก่อนค่ะ” ว่าจบก็วิ่งหนีเขาไปในทันที
“เดี๋ยวสิ...” ด้านหมอกเขาได้แต่ยืนมองเธอวิ่งหนีไปอยู่อย่างนั้น โดยไม่คิดที่จะตามไปอธิบายให้เธอได้เข้าใจ
