บท
ตั้งค่า

24 เด็กชายภรัณยู

หลังจากวันนั้นที่คิดว่าจะได้พูดคุยกับเขาอีก เขาก็ติดต่อกลับมาอีกเลย แม้แต่เธอขอร้องให้หมอกช่วยติดต่อให้ ผลก็เป็นแบบเดิมคือ

ไม่สามารถติดต่อเขา แต่หมอกก็บอกกับเธอว่าเขายุ่งกับงานอยู่ ซึ่งเธอก็พยายามจะเข้าใจ

บางครั้งเขาก็ฝากหมอกมาถามเธอว่าเธอกับลูกเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งในทางร่างกายนั้นเธอสุขสบายดี อาหารบำรุงคนท้องดี ๆ หลายอย่าง หมอกก็คอยเอาให้เธออยู่เสมอ บอกว่าเขาฝากมา ของบำรุงต่าง ๆ ที่เขาฝากหมอกนำมาให้ ทั้งยังมีหมอที่มาตรวจดูให้ถึงบ้าน จากการพามาของหมอกซึ่งก็เป็นการฝากฝังของเขาอีกเช่นกัน แน่นอนว่าในด้านสภาพร่างกายจะได้รับการดูแลอย่างดี

แต่สภาพจิตใจของเธอกลับย่ำแย่ลงไปทุกที เธออยากได้ยินเสียงเขา อยากได้อ้อมกอดอุ่น ๆ จากเขา นี่ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว...และมันก็เลยเวลาที่เขาบอกว่าเขาจะกลับมา แต่เขาก็ยังไม่กลับมาสักที เขาจะรู้บ้างไหมว่าเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน...

“ฮึก ข้าวคิดถึงพี่ธีร์... เมื่อไหร่พี่ธีร์จะกลับมาหาข้าวกับลูกคะ” และก็เป็นอีกคืนที่เธอนอนหลับไปพร้อมน้ำตาด้วยความคิดถึงและโหยหาเขา

ด้านชายหนุ่มร่างสูงหลังจากเห็นเธอร้องไห้จนหลับไปแล้วเขาก็ปรากฏตัวในความมืด ขายาว ๆ ก้าวไปหาหญิงสาวที่นอนหลับมาพริ้มโดยที่มือโอบประคองหน้าท้องของตัวเองอยู่ หากไม่รู้ว่าเธอท้องมาก่อน เขาก็คงคิดว่าเธอเป็นคนปกติ เพราะหน้าท้องเธอแทบจะไม่ยื่นออกมาเลย

มุมปากหนายกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่เขาจะย่อตัวลงนั่งมองเธอด้วยสายตาอ่านไม่ออก อันที่จริงเขากลับมาแล้วตั้งแต่สองวันก่อน เพียงแต่เขากลับมาเงียบ ๆ มาไม่ได้บอกใคร และไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็นเท่านั้น มีแต่ไอ้หมอกคนเดียวที่รู้เรื่องนี้

“หึ คิดถึงฉันมาเลยสินะ” ชลธีว่าเสียงเรียบ ก่อนที่มือหน้าจะยกขึ้นรูปไล้ไปตามรอยน้ำตาที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าสวยหวาน เขายอมรับเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ไม่ว่าจะคิ้วเรียวที่ลับกับปลายจมูกรั้นของเธอ ริมฝีปากอมชมพูเป็นกระจับ ดวงตากลมรีสุกใสเป็นประกายยามมองเขาด้วยความรัก

ทุกสิ่งที่อยู่บนใบหน้าเธอมันเป็นมันเข้ากันอย่างลงตัว รวมถึงเรือนร่างของเธอด้วยเช่นกัน ผมนุ่มยาวสลวย อกอวบพอดีมือ สะโพกกลมกลึง ที่เขาชอบสัมผัส แต่มันก็แค่นั้น ไม่ว่าเธอจะสวยงามอย่างไร แต่จิตใจเธอมันก็โหดเหี้ยม โหดเหี้ยมเกินกว่าจะเป็นแม่ของใครได้

“เวลาความสุขของเธอใกล้จะจบลงแล้ว...ต่อจากนี้ไปฉันจะเป็นคนลากเธอลงนรกเอง ข้าวหอม”

“อื้อ พี่ธีร์หรอคะ” เหมือนได้ยินเสียงแว่ว ๆ เป็นเสียงของคนที่เธอเฝ้ารอเฝ้าคิดถึงดังเข้ามาให้หัว ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่ลูบไล้บริเวณหน้าท้อง เปลือกตาบางค่อย ๆ เปิดขึ้น พร้อมกับมือบางที่เอื้อมไปเปิดไปที่หัวเตียง หวังเป็นอย่างมากว่าจะได้พบเขา แต่ทว่ากลับพบกับความว่างเปล่า

“ฝันไปสินะ”

“หึ” เห็นสีหน้าเศร้าหมองของคนที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะคิดว่าเขามาหา คนที่หลบอยู่ในที่มืดก็อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มอย่างพอใจ ยิ่งเธอรักเขามากเท่าไหร่ โหยหาเขามากเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น และนั่นมือคือสิ่งที่เขาต้องการ เธอจะต้องเจ็บปวดเหมือนที่เขาเป็น

...

“ข้าว ข้าวได้ยินเฟื่องรึเปล่า” เฟื่องฟ้าเอ่ยถามคนตรงหน้าที่เอาแต่เหม่อ เขี่ยข้าวในจานไปมา

“มะ มีอะไรหรอ”

“เฟื่องแค่จะถามว่าดีขึ้นรึยัง”

“ดีขึ้น?”

“ก็อาการหน้ามืด เวียนหัว เหม็นอาหารของข้าวไง ช่วงนี้เฟื่องไม่ค่อยเห็นข้าวเป็นแบบนั้นแล้ว ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”

“อื้ม ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ขอบคุณนะที่เป็นห่วง” พิมพกานต์ว่าพลางส่งยิ้มให้เฟื่องฟ้า

“ดีขึ้นก็ดีแล้วล่ะ ถ้าข้าวไม่ดีขึ้น เฟื่องว่าถ้าถึงวันขึ้นฝั่งเฟื่องจะพาข้าวไปหาหมอ เผื่อว่าเป็นอะไรมาจะได้รักษาทัน”

“ขอบคุณนะ แต่ข้าวว่าข้าวไม่เป็นอะไรแล้ว” ถ้าขึ้นฝั่งไปตรวจนั้นไม่ดีแน่ ทุกคนที่นี่จะรู้ว่าเธอท้อง... ท้องโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขานั้นถูกปิดเงียบเป็นความลับ

ไม่มีใครรับรู้เรื่องนี้นอกจากหมอก และเธอก็ไม่กล้าที่จะบอกใครเพราะเขาขอเอาไว้ อีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่อยู่ ถึงบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อที่เธอพูดอยู่ดี... แม้คนที่นี่จะเป็นกันเอง เป็นมิตรและอัธยาศัยดี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นอย่างนั้น

“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะนังเฟื่อง หนูข้าวมีอาการยังไงนะ” สายหยุดที่เดินมาหาหลานสาวที่ตนเอ็นดูทั้งสองหูผึ่งในทันที หลังจากได้ยินสิ่งที่เฟื่องฟ้าพูด เธอผ่านร้อนผ่านหนาวมาก เธอรู้ดีว่าอาการพวกนี้มันคืออะไร

“ปะ ป้าสาย”

“ว่ายังไงเฟื่อง ป้าถามว่าหนูข้าวมีอาการยังไง” ว่าจบก็นั่งตรงที่นั่งข้าง ๆ ของข้าวหอม พร้อมกับมองสำรวจหญิงสาวไปด้วย นานแล้วที่เธอเจ็บออด ๆ แอด ๆ เป็น ๆ หาย ๆ ทำให้ช่วงนี้เธอไม่ค่อยได้มาพูดคุยกับหลานสาวทั้งสองมากนัก

มีบ้างที่ได้สนทนากันตอนที่ทั้งสองไปเยี่ยม หรือได้คุยกับเฟื่องฟ้าตอนทำงานที่บ้านใหญ่ แต่ก็เพียงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเมาท์มอยกันทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มามองสำรวจหรือพูดถึงเกี่ยวกับอาการของข้าวหอมเลย ไม่สิเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าวหอมป่วย เพราะทุกครั้งที่ไปหาข้าวหอมก็ดูมีน้ำมีนวล ดูสุขภาพดี ไม่เหมือนคนเจ็บไข้ได้ป่วยเลยสักนิด ถ้าเป็นเฟื่องฟ้าก็ว่าไปอย่าง รายนี้สีหน้าอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

“ขะ ข้าวไม่ได้เป็นอะไรแล้วค่ะป้าสาย” เป็นพิมพกานต์ที่ตอบแทน

“ป้าว่ามันถึงเวลาที่หนูข้าวต้องเล่าให้ป้าฟังแล้วนะ”

“ป้าสายรู้...” พิมพกานต์เหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอ เมื่อได้ยินป้าสายหยุดพูดออกมาแบบนั้น แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาป้าสายรู้มาโดยตลอดว่าเธอกับพี่ธีร์นั้นอยู่ได้กันอย่างนั้นหรอ

สายหยุดเพียงพยักหน้าตอบเท่านั้น เพื่อรอฟังสิ่งที่หนูข้าวหอมของเธอพูดต่อ

“ข้าวท้องค่ะ...”

“แล้วพ่อของเด็กล่ะหนูข้าว” สายหยุดถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและอบอุ่น โดยที่หญิงสาวอีกคนนั่งฟังอยู่ด้วยหัวใจอาบเลือด

“พ่อของเด็ก...ข้าวยังบอกตอนนี้ไม่ได้ค่ะ ข้าวยังบอกไม่ได้...” พิมพกานต์ส่ายหน้าไปมาน้อย ๆ เธอบอกเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ เธอสัญญากับเขาไว้แล้ว เธอไม่อยากผิดสัญญา เธอรู้ว่าการถูกหลอกและไม่รักษาสัญญานั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน และมันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

“ข้าวรอแม่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่กลับมารับ แม่ไปซื้อของตรงนั้นแป๊บนึง”

“นานไหมคะกว่าคุณแม่จะกลับมา”

“ไม่นานจ้ะ แม่ไปแป๊บเดียว หนูยืนรอแม่อยู่ตรงนี้อย่าไปนะ”

“ค่ะ คุณแม่รีบกลับมาหาข้าวหอมนะคะ”

“จ้ะ” เด็กหญิงตัวเล็กถักผมเปียได้แต่ยืนมองผู้เป็นแม่หันหลังเดินจากไปโดยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ยืนรออยู่อย่างนั้น รออย่างไม่มีกำหนด จากนาทีเป็นชั่วโมง จากชั่วโมงเป็นหลายชั่วโมง ตั้งแต่เช้าจนเกือบจะมืดค่ำ...

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอถูกทิ้งหลังจากได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวอุปถัมภ์ไม่ถึงสองปีเท่านั้น

“แต่หนูข้าวของป้าไม่โดนข่มขู่ ข่มเหง บังคับหรือโดนรังแกมาใช่ไหมจ๊ะ...ป้าขอโทษนะที่ต้องถามแบบนี้ เพราะป้าเป็นห่วง ถ้าหนูข้าวโดนข่มขู่มาหนูข้าวบอกป้าได้เลยนะ ป้าพร้อมจะช่วย”

“ไม่ค่ะ ข้าวไม่ได้โดนข่มขู่หรือโดนบังคับ...ข้าวรักเขา...มันเกิดจากความรักและข้าวก็เต็มใจ” ว่าจบก็ยกมือลูบหน้าท้องตัวเองอย่างอ่อนโยน พร้อมกับรอยยิ้ม

“แบบนั้นก็ดีแล้วจ้ะ นี่คงเป็นข้าวดีสินะป้าจะมีหลานแล้ว ไม่สิเหลนถึงจะถูก”

“ขอบคุณนะคะ”

“เรื่องดีแบบนี้คงต้องฉลองกันหน่อย เองว่าไหมนังเฟื่อง” ว่าแล้วก็หันไปถามหลานสาวอีกคนที่นั่งเหม่ออยู่

“ได้ยินที่ป้าพูดไหมเฟื่อง”

“ปะ ป้าว่าอะไรนะ”

“ป้าบอกว่าเรามาฉลองกันดีกว่า ที่หนูข้าวท้องไง เองว่าดีไหม”

“ดะ ดีจ้ะ เฟื่องว่าดี ฟะ เฟื่องเองก็จะได้เป็นน้าแล้ว” ว่าจบก็พยายามส่งยิ้มให้ป้าสายหยุดและข้าวหอม เธอพยายามแล้วที่จะไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี เธอไม่ควรจะมาร้องไห้ แต่มันเจ็บปวดเหลือเกิน...

“เฟื่องโอเครึเปล่า หน้าเฟื่องดูซีด ๆ นะ” พิมพกานต์เอ่ยถาม

“เฟื่องโอเค เฟื่องขอตัวไปทำงานก่อนนะ” ว่าจบก็หยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะเซน้อย ๆ และทันทีที่เธอหันหลัง น้ำตาก็หยดแหมะอาบแก้มนวลทันที...มันจบแล้วความรักตลอดสิบปีที่ผ่าน มันจบแล้วจริง ๆ แต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นข้าวหอมเธอก็รู้สึกยินดีด้วย ยินดีกับความรักของเขามากจริง ๆ

“นังเฟื่องมันเป็นอะไรของมัน”

“นั่นสิคะ”

“มันคงจะทำงานเหนื่อย ๆ เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น” สายหยุดว่าขึ้น แต่ในใจกลับไม่คิดอย่างนั้นท่าทางของหลานสาวคนนี้มันแปลก ๆ เหมือนกับคนมีอะไรในใจ ‘เป็นอะไรของเองนะนังเฟื่อง มีอะไรทำไมไม่บอกป้า’

“วันนี้ป้าได้ยินว่าโรงครัวไม่มีงานแล้ว” สายหยุดถาม

“ใช่ค่ะ ข้าวกับเฟื่องว่าจะไปหาป้าสายที่บ้านใหญ่ แต่ป้าสายก็มาหาพวกเราซะก่อน แล้วเฟื่องก็ไปทำงานต่อแล้ว”

“หนูข้าวพอจะทำงานไหวรึเปล่า พอจะช่วยไปปัดกวาดเช็ดถูหน่อยได้ไหม” แม้ไม่อยากจะใช้คนท้องแต่ครั้งนี้มันจำเป็นจริง ๆ เธอรู้สึกป่วย ๆ อีกแล้ว กลัวว่าถ้าทำคนเดียวอาจจะเป็นลมล้มไปได้ แก่ ๆ แบบนี้แล้วยิ่งหาอะไหล่ยาก

พยายามรักษาตัวเองไว้ให้อยู่นาน ๆ อย่างน้อยก่อนจะไปเธอก็อยากเห็นนายหัวของเธอมีคนดูแล มีคนเคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุข หรือถ้ามันเป็นไปได้ ก็อยากเห็นนายหัวมีครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณหนูตัวน้อยให้เธอได้ช่วยเลี้ยงดู

“ได้ค่ะ ช่วงนี้เจ้าตัวเล็กไม่ค่อยดื้อแล้ว” อาการแพ้ท้องของเธอลดลงไปมากแล้วจริง ๆ อาจเป็นเพราะถึงช่วงที่อาการแพ้ท้องจะเริ่มลดแล้วก็เป็นได้ เพราะเธอเริ่มเข้าสู่เดือนที่สี่ของการตั้งครรภ์แล้ว

“นี่เป็นห้องทำงานของนายหัว ปกติป้าจะเข้ามาทำความสะอาดคนเดียว เพราะนายหัวไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา แต่ว่าวันนี้เป็นกรณีพิเศษ ป้ารู้สึกไม่ไหวจริง ๆ ป้าเลยอยากให้หนูข้าวช่วย” เดินมาถึงหน้าห้องของนายหัวหนุ่ม สายหยุดก็แนะนำในทันที ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน พร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดในมือ

“จะไปตามไอหมอกมาช่วย มันก็คงยุ่งอยู่กับงาน นังเฟื่องก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ วันนี้ป้าขอรบกวนหนูข้าวหน่อยนะ”

“ข้าวยินดีค่ะ” พอเข้ามาในห้องของนายหัวหรือของคุณธีร์แล้ว ความสงสัยที่เคยมีก็กลับมาอีกครั้ง การเข้ามาทำความสะอาดในครั้งนี้ เธออาจจะพบอะไรที่เป็นการยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้ ว่านายหัวกับพี่ธีร์ของเธอไม่ใช่คนเดียวกัน

“นี่รูปนายหัวของป้าตอนเด็กล่ะ” เดินเข้ามาในห้องสายหยุดก็หยิบเอากรอบรูปเล็ก ๆ บนชั้นวางขึ้นมาทำความสะอาด ก่อนจะพูดขึ้น

“เด็กชายภรัณยู หรอคะ...” เพียงพิมพกานต์พึมพำเบา ๆ หลังจากเดินเข้ามาดูรูปที่ป้าสายหยุดถืออยู่ เธอจำได้ว่านายหัวของเกาะนี้ชื่อชลธีหนิ อีกคนก็ชื่อคุณเขาหรือชลธารอะไรสักอย่าง ไม่ยักกะเคยได้ยินคนที่ชื่อภรัณยู

“ใช่จ้ะ เด็กชายภรัณยู นายน้อยอาทิตย์ กับคุณชลธี เป็นคนเดียวกัน” พูดพร้อมกับลูบไล้ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่หล่อเหลาตั้งแต่เด็กของชลธี

“คุณธีร์เปลี่ยนชื่อหรอคะ”

“ใช่จ้ะ ชื่อภรัณยูเป็นชื่อที่คุณปู่ของคุณธีร์ตั้งให้ แต่พอคุณธีร์โตมาหน่อยก็เปลี่ยนชื่อเป็นชลธีให้คล้องกับชลธารพี่ชายของขุนธีร์”

“คุณขุนเขาใช่ไหมคะ”

“ใช่จ้ะ”

“แล้วทำไมถึงเปลี่ยนล่ะคะ ข้าวว่ามันก็เพราะดีออก ภรัณยู”

“คงจะเป็นเพราะอุบัติเหตุในตอนนั้น”

“อุบัติเหตุที่ทำให้คุณ ๆ เสียชีวิตแล้วมีแค่คุณธีร์กับคุณขุนเขาที่รอดใช่ไหมคะ”

“ใช่จ้ะ ว่าแต่ทำไมหนูข้าวถึงรู้เรื่องนี้” เรื่องนี้คนในเกาะต่างก็รู้ดี แต่ข้าวหอมนั้นพึ่งมาอยู่ ทำให้เธอแปลกใจไม่น้อย

“ตอนข้าวช่วยเฟื่องทำความสะอาดครั้งก่อน เฟื่องเล่าให้ข้าวฟังค่ะ แต่ก็ไม่ได้เล่าว่าเป็นอุบัติเหตุอะไร” ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธออยากรู้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่คนอยากรู้เรื่องของคนอื่น...แต่ครั้งนี้มันเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดเธอ

“ป้าก็ไม่รู้รายละเอียดมาก แต่ถ้าหนูข้าวอยากฟังป้าก็จะเล่าให้ฟัง”

“วันนั้นเป็นวันที่ฝนตก...คุณธีร์และคุณ ๆ เดินทางมาเยี่ยมนายหัวเมฆากับคุณดาว คุณปู่กับคุณย่าของคุณธีร์ที่เกาะ แต่นายหัวเมฆากับคุณดาวออกไปรอรับที่ร้านอาหารที่ครอบครัวทานกันเป็นประจำ...

ระหว่างทางกลับบ้านเกิดอุบัติเหตุถนนลื่น ทำให้รถพลิกคว่ำ เจ้าหน้าที่ช่วยคุณขุนเขากับคุณธีร์ออกมาได้ แต่ยังไม่ทันจะได้ช่วยคนอื่นออกมา รถก็ระเบิดทั้งคัน...”

“ถึงจะช่วยออกมาได้ แต่คุณธีร์กับคุณขุนเขาก็อาการหนักมาก รักษาตัวอยู่หลายเดือนกว่าจะหาย เรื่องที่ป้ารู้มามันก็เป็นมาอย่างนี้”

“ส่วนเรื่องคุณขุนเขานังเฟื่องมันคงจะเล่าให้หนูฟังด้วยแล้วใช่ไหม” สายหยุดเอ่ยถาม ซึ่งพิมพกานต์ก็พยักหน้าตอบ คุณธีร์นั้นน่าสงสารอย่างที่เฟื่องพูดจริง ๆ เขาคงจะเจ็บปวดมากเลยสินะ ขนาดเธอฟังยังรู้สึกปวดหน่วงในใจเลย

“คุณธีร์น่ะ แบกรับความเจ็บปวดและภาระต่าง ๆ มากมายตั้งแต่ยังเด็ก ป้าอยากให้คุณธีร์ได้พบกับความรัก มีครอบครัวที่อบอุ่นอย่างคนอื่นเขาบ้าง...” จากที่หวังจะได้ข้าวหอมมาเป็นยาใจให้ ตอนนี้เธอก็หมดหวังแล้ว ข้าวหอมนั้นมีเจ้าของแล้ว

“ข้าวเชื่อว่าคุณธีร์ของป้าจะพบความสุขที่แท้จริงในสักวันค่ะ” จากที่ฟังทั้งป้าสายและเฟื่องเล่า ก็อดเห็นใจเขาไม่ได้ คนคนนึงทำไมถึงได้พบกับความสูญเสียมากมายขนาดนี้ เขาทนรับมันไหวได้ยังกัน...

“ป้าก็เชื่ออย่างนั้น เล่าจบแล้วเรามาเก็บกวาดกันต่อดีกว่าจะได้เสร็จเร็ว ๆ”

“ค่ะ”

“แต่ว่าป้ามีบางอย่างต้องบอกหนูข้าว” เก็บกวาดไปได้สักพักสายหยุดก็พูดขึ้นอีก

“คะ?”

“ชื่อเก่าของคุณธีร์ อย่าพูดให้คุณธีร์ได้ยินนะ อย่าพูดมันออกมาเลยจะดีที่สุด”

“ทำไมหรอคะ”

“คุณธีร์ไม่ชอบน่ะ ไม่ชอบให้ใครเรียกชื่อเก่า ป้าเองก็เรียกไม่ได้”

“ขนาดนั้นเลยหรอ” พิมพกานต์ถามกลับ ซึ่งป้าสายหยุดก็พยักหน้าตอบรับเป็นการยืนยัน ก่อนทั้งสองจะแยกย้ายกันไปทำความสะอาดต่อ ซึ่งใช้เวลาอีกไม่ถึงห้านาทีก็คงจะเก็บกวาดห้องทำงานนี้เสร็จ

“หนูข้าว ป้ารบกวนหนูไปทำความสะอาดห้องนอนของคุณธีร์ต่อทีนะ”

“ป้ารู้สึกมึน ๆ หัว ป้าขอนั่งพักอยู่ตรงนี้หน่อย เดี๋ยวถ้ารู้สึกดีขึ้นแล้วป้าจะตามไป” สายหยุดว่าขึ้น ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาหนังในห้องทำงานของชลธี พร้อมกับยกมือพัดวีไปมา

“มันจะดีหรอคะ ป้าสายกับเฟื่องบอกข้าวว่าคุณธีร์ไม่ชอบให้ใครเข้าไปในห้อง มีแค่ป้าสายเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต ถ้าข้าวเข้าไป...” มาทำความสะอาดห้องทำงานอย่างน้อยก็มีป้าสายอยู่ด้วย แต่ไปทำความสะอาดห้องนอน เธอต้องไปก่อนคนเดียวถ้าเกิดว่าเจ้าของห้องกลับมามันคงไม่ดีแน่

“คุณธีร์ยังไม่กลับมา หนูสาวสบายใจได้ หรือถ้าเกิดอะไรขึ้น ป้าจะรับผิดชอบเอง” เห็นสีหน้ากังวลของพิมพกานต์แล้วสายใจก็พูดขึ้น

“ถ้างั้นข้าวไปก่อนนะคะ ถ้าป้าสายมีอะไรก็เรียกข้าวได้เลยนะคะ” พูดจบก็หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดติดมือ ก่อนจะเดินไปยังประตูที่เชื่อมติดกันที่ป้าสายบอก

“ข้าวหอม แกทำได้” เดินเข้ามาในห้องพิมพกานต์ก็พูดให้กำลังตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มงาน ป้าสายบอกว่าห้องของคุณธีร์นั้นไม่มีอะไรให้ต้องทำมาก ปัดกวาดเช็ดถูนิด ๆ หน่อย ๆ ก็สะอาดแล้วเพราะช่วงนี้คุณธีร์ไม่อยู่ ซึ่งจากการกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องมันก็ดูสะอาดดีอยู่แล้ว ข้าวของจัดวางเป็นระเบียบ สะอาดจะมีฝุ่นเกาะอยู่บ้าง แต่มันก็เล็กน้อยมากจริง ๆ จนแทบจะมองไม่เห็น

หลังจากมองสำรวจเพื่อเลือกพื้นที่ ที่จะทำความสะอาดก่อนหลังแล้ว พิมพกานต์ก็เริ่มลงมือทันที ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ทุกอย่างก็แล้วเสร็จ ก่อนจะเก็บของเพื่อออกจากห้องไปหาป้าสายที่นั่งรออยู่ห้องทำงานของเขา แต่ทว่ายังไม่ทันได้ไปไหน สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับกรอบรูปที่ถูกคว่ำอยู่หน้าชั้นวางโทรทัศน์

เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดเธอให้เดินเข้าไปหยิบมันตั้งขึ้น ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้ตอนทำความสะอาดเธอไม่เห็นมันเลยด้วยซ้ำ และทันทีที่หยิบมันขึ้นมา ดวงตากลมก็เบิกกว้างในทันทีกับรูปที่เห็น มือที่ถือรูปอยู่มันสั่นจนในที่สุด มันก็ร่วงหล่นลงจากมือเธอ

เพล้ง!!!

“ทำอะไร”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel