บท
ตั้งค่า

23 อาการน่าสงสัย

“รูปคุณธีร์หรอ...รูปคุณธีร์...รูปคุณธีร์” เฟื่องฟ้าพึมพำเบา ๆ ก่อนจะกวาดสายตาหารูปนายหัวหนุ่มไปด้วย

“อืม เหมือนจะมีนะ คุณธีร์ค่อนข้างเก็บตัวน่ะ คงอาจจะไม่ชอบถ่ายรูปด้วย”

“จะว่าไป ห้องนอนกับห้องทำงานคุณธีร์ก็มีแต่ป้าสายหยุดคนเดียวที่ได้เข้าไปทำความสะอาด”

“คุณธีร์ของเฟื่องดูลึกลับจังเลยนะ” พิมพกานต์ว่าขึ้น แม้จะเสียดายที่ได้เจอรูปของคุณธีร์...แต่มันก็ดีสำหรับเธออยู่อย่างหนึ่งก็คือพี่ธีร์ยังคงเป็นพี่ธีร์คนธรรมดาของเธอคนเดิม แม้หลักฐานที่มีจะยังไม่ได้การันตีว่าคุณธีร์กับพี่ธีร์ของเธอเป็นคนเดียวกันร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความเป็นไปได้มากเลยทีเดียว ที่ระหว่างทั้งสองคนจะเป็นแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น

“ใช่ลึกลับมาก ๆ เลยล่ะ ยิ่งช่วงเดือนสองเดือนมานี้ เฟื่องแทบไม่เห็นคุณธีร์เลย กับข้าวก็ช่วยป้าสายเตรียมไว้รอ แต่ก็ไม่เห็นคุณธีร์มากินเลย ได้เอาไปฝากไอโบ้ที่บ้านตลอด ตอนนี้ตัวอ้วนจนจะเดินไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เพราะอาหารแต่ละอย่างของคุณธีร์มีแต่ดี ๆ ทั้งนั้น เพราะคุณธีร์เป็นคนกินอยาก ถ้าไม่ถูกปากก็จะไม่กินเลย”

“มะ ไม่กลับมากินเลยหรอ” จากที่ดีใจอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที

พิมพกานต์ก็ต้องกลับมาคิดหนักอีกครั้ง เมื่อได้ฟังสิ่งที่เฟื่องฟ้าพูด เพราะพี่ธีร์ของเธอเองก็เป็นคนกินยากเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าพี่ธีร์กับคุณธีร์เป็นคนเดียวกันจริง ก็เป็นไปได้ที่พี่ธีร์กินข้าวกับเธอที่บ้านแล้วเลยไม่กลับมากินที่นี่อีก ส่วนที่เฟื่องไม่เห็นเพราะพี่ธีร์อยู่บ้านกับเธอตลอดหลังจากที่เลิกงาน มีบ้างที่ไปทำงานต่อกับคุณธีร์ในตอนดึก

แต่ส่วนใหญ่แล้วก็อยู่กับเธอ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงเฟื่องจะไม่เห็นก็ไม่แปลก ความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างหยุดลงเมื่อเสียงเฟื่องฟ้าดังขึ้นอีกครั้ง

“ใช่ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ คุณธีร์ชอบหายไปแบบนี้แหละ อย่างที่เฟื่องบอกคุณธีร์เป็นคนลึกลับ บางครั้งก็ไปกินบ้านพี่หมอก บางครั้งก็หายไปทำงานที่กรุงเทพ บางครั้งก็หายเงียบไปเลยก็มี”

“แบบนี้เองสินะ”

“อื้ม แต่เฟื่องว่าตอนนี้เรารีบไปทำงานกันเถอะ เดี๋ยวถ้าถึงเที่ยงกลับ กินข้าวอิ่ม ๆ มา เฟื่องฟ้าเฟื่องได้ขี้เกียจแน่เลย”

“พอขี้เกียจก็จะทำไม่สะอาด และพอทำไม่สะอาดป้าสายจะว่า”

“โอเค โอเค งั้นเราไปทำกันเถอะ”

หลังจากนั้นทั้งสองสาวก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่ทั้งหลังด้วยกัน กว่าจะเสร็จก็เที่ยงพอดี เฟื่องฟ้าจึงชวนพิมพกานต์ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านเมื่อมาเยี่ยมป้าสายอีกครั้งหลังกินข้าวเสร็จ

ร่างบางในชุดผ้าถุงกล่อมขาและเสื้อคอกระเช้า ที่ไหล่มีผ้าคลุมผืนบางคลุมอยู่ ยืนรับลมทะเลในยามค่ำคืน เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังคลอเบา ๆ พร้อมกับสายลมเย็น ช่วยให้ผ่อนคลายไม่น้อย รวมถึงทำให้คิดถึงใครบางคนที่อยู่อีกฝั่งของทะเลนี่ด้วย ใครบางคนที่พาเอาหัวใจของเธอไปด้วย...

เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่เธอมายืนรับลมทะเลคนเดียว

ไร้ซึ่งเขาข้างกายอย่างในวันวาน

“พี่ธีร์ทำอะไรอยู่คะ ตอนนี้พี่ธีร์จะคิดถึงข้าวบ้างรึเปล่า” มือบางจับสร้อยไข่มุกที่เขาให้ไว้ ก่อนจะพูดขึ้น ในตอนนี้มันเปรียบเสมือนตัวแทนของเขา มีหลายครั้งที่เธอคิดถึงเขามาก ๆ ไม่รู้จะทำยังไง เธอก็ได้แต่พูดระบายกับมัน บ้างก็พูดกับสายลม พูดกับท้องทะเล แต่ไม่มีสักครั้งเลยที่เธอจะได้พูดกับเขา... เพราะเธอไม่รู้ว่าจะติดต่อเขาได้ยังไง

“เกือบสองเดือนแล้วนะคะ ที่เราไม่ได้เจอกัน...”

“รีบกลับมานะคะ ข้าวมีเรื่องจะเล่าให้พี่ธีร์ฟังเยอะเลย...” มือบางยกขึ้นลูบไล้หน้าท้องแบบราบ ที่ตอนนี้มีอีกชีวิตอาศัยอยู่เบา ๆ ก่อนรอยยิ้มหวานละมุนจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า

.

“งานก็เสร็จนานแล้ว นายหัวไม่กลับเกาะหรอครับ” หมอกถาม หลังจากประชุมใหญ่จบไป และก็มีประชุมยิบย่อยอีกสามครั้ง นายหัวของเขาก็อยู่จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นต่อ จนตอนนี้ทุกอย่างเป็นปกติแล้ว แต่นายหัวของเขาก็ไม่ยอมกลับสักที

เขายอมรับว่านายหัวของเขานั้นเป็นคนเก่งสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ได้เพียงพริบตาเดียว ทั้งยังทำบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว ที่มีตัวเองเป็นผู้สืบทอดคนสุดท้ายได้อย่างดีเยี่ยม แต่บางครั้งความคิดนายหัวก็ซับซ้อนมากไปหน่อยจนเขาไม่สามารถที่จะเข้าถึงมันได้ ไม่สิ แทบจะทุกครั้งเลยก็ว่าได้

ไม่แปลกที่คนที่คิดจะเข้ามาเล่นแง่ วางแผนที่จะโกงกินนายหัว ถึงได้แพ้ราบคาบตั้งแต่ยังไม่ทันไปเริ่มลงมืออะไร หรือลงมือได้ไม่ถึงไหนก็ถูกเปิดโปงจนหาทางหนีทีไล่กันแทบไม่ทัน

“...”

“แต่ว่าที่เกาะเหมือนจะมีข่าวดีนะครับ” เห็นนายหัวหนุ่มไม่ยอมตอบ หมอกจึงพูดต่อ ซึ่งสิ่งที่พูดได้รับความสนใจจากนายหัวหนุ่มไม่น้อย

“ข่าวดี?” แก้วไวน์ที่หมุนควงอยู่ในมือหยุดชะงัก ก่อนจะถูกชลธียกขึ้นจิบ หลังจากที่เขาพูดจบ

“ใช่ครับข่าวดี...คนที่นายหัวให้คอยตามดูเธอ เหมือนตอนนี้เธอเหมือนจะมีอาการแปลก ๆ”

“ยังไง”

“เหมือนเธอจะแพ้ท้องครับ แต่พวกที่ตามดูก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ผมว่าเรื่องนี้นายหัวควรจะรู้ไว้” เพื่อประกอบการตัดสินใจในการกลับเกาะให้เร็วขึ้น เขาต่อประโยคนี้ในใจ เมียท้องทั้งที มีใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน แต่ทว่าคำตอบที่ได้กลับทำคิ้วเข้มย่นเข้าหากัน

“หึ” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนที่ชลธีจะพูดต่อ

“มึงกลับไปดูความเรียบร้อยก่อนแล้วกัน...อีกสองเดือนกูจะตามลงไป”

“ครับ?”

“...”

“ได้ครับ ถ้ามีอะไร ผมจะรีบส่งข่าวมาบอกนายหัว”

“เรื่องที่เธอท้อง หาวิธีพาเธอไปตรวจดูให้แน่ใจ ไม่ก็พาหมอที่ฝั่งมาตรวจ”

“ครับ”

“มันกำลังเริ่มขึ้นแล้วสินะ” ชลธีว่าขึ้นขณะยืนถือแก้วไวน์มองวิวด้านนอก ผ่านผนังกระจกของห้องนอนบนโรงแรมสุดหรูของเขา

กลับมาที่เกาะเอื้องดาว

เหมือนอย่างเช่นทุกวันที่พิมพกานต์จะเดินทางกลับบ้านหลังเล็กท้ายเกาะของเธอหลังจากทำงานเสร็จ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะข่าวที่ได้รับมาจากเฟื่องเมื่อตอนเที่ยง เฟื่องบอกกับเธอว่าหมอกกำลังจะกลับมาคงจะมาถึงวันนี้ในช่วงเย็น...ถ้าหมอกกลับมาแสดงว่าพี่ธีร์ของเธอก็ต้องกลับมาด้วย เธออดใจรอที่จะเจอเขาไม่ไหวแล้ว

“คิดถึงพี่ธีร์จัง...ถ้าข้าวเจอข้าวจะกอดพี่ธีร์ให้แน่น ๆ เลย” เสียงหวานเอ่ยพึมพำคนเดียวระหว่างเดินกลับบ้าน

“คุณข้าวครับ”

“คะ” เสียงเรียกชื่อที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พิมพกานต์ต้องหันไปมอง

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยน่ะครับ”

“คุยกับข้าวหรอคะ?” ร้อยวันพันปีไม่เห็นเขาจะอยากคุยกับเธอเลย พาเธอมาอยู่ที่นี่อธิบายนิด ๆ แล้วก็หายไปเลย แล้วอยู่ ๆ ก็อยากมาคุยกับเธอนี่นะ ชักจะแปลก ๆ แล้วสิ

“ครับ เรื่องของนาย...เอ่อไอธีร์น่ะครับ”

“พี่ธีร์ทำไมหรอคะ” ชื่อของคนที่เธอเฝ้าคิดถึงที่ออกมาจากปากของหมอก ทำให้เธอรีบเดินเข้าไปใกล้หมอกมากขึ้น พร้อมกับสอดสายตาหาเขา

“คือว่าไอธีร์มันต้องอยู่ทำงานต่อน่ะครับ มันฝากผมมาบอกคุณ...คงอีกเดือนสองเดือนกว่าจะกลับ”

“...”

“แล้วมันก็ฝากถามคุณเรื่อง เอ่อ เรื่องลูกด้วยครับ”

“เดือนสองเดือนเลยหรอคะ” เสียงหวานพึมพำราวกับคนละเมอ หลังจากรู้ว่าเขาจะไม่กลับมาในเร็ววันนี้ ก็เหมือนหูเธอดับไปชั่วขณะ ไม่ได้ยินในสิ่งที่หมอกพูดต่อจากนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ใช่ครับ แต่วันนี้เหมือนว่าตอนเย็นมันจะติดต่อมาหาผมนะครับ มันบอกจะขอคุยกับคุณ” มาพูดเรียกนายหัวว่ามันแบบนี้ ทำเขารู้สึกกระดากปากไม่น้อย ... แต่จะให้ทำยังไงได้มันเป็นความต้องการของนายหัวนี่ ใครจะขัดได้กัน

“...”

“คุณข้าวครับ คุณโอเครึเปล่า” เห็นเธอเงียบอีกเป็นครั้งที่สอง พร้อมกับใบหน้าหวานที่ซีดลงเรื่อย ๆ หมอกจึงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ข้าวโอเคค่ะ...” พรึบ

“คุณข้าว! คุณข้าวได้ยินผมไหมครับ” มือหนาตบเข้าที่ใบหน้าซีดขาวในอ้อมแขนของตนเบา ๆ พร้อมกับเรียกชื่อให้เธอได้สติ

“คุณข้าวครับ คุณข้าว” เห็นท่าไม่ดี หมอกจึงช้อนตัวพิมพกานต์ขึ้นอุ้มทันที ก่อนที่เขาจะพาเธอไปยังบ้านหลังเล็กท้ายเกาะของเธอ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่นึงมองเขาอยู่ ดวงตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำตา...

“ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้ครับ” คุยกับผู้เป็นนายจบหมอกก็รีบวางสายในทันที เมื่อเห็นพิมพกานต์เริ่มขยับตัว

“ให้ผมช่วยนะครับ” ว่าพร้อมกับขยับตัวเข้าไปช่วยเธอให้นั่งพิงผนังห้อง

“ข้าวมาอยู่ที่บ้านได้ยังไงคะ...” พิมพกานต์โน้มศีรษะน้อย ๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเอ่ยถามหมอกต่อ

“เอ่อ ผมอุ้มคุณมาน่ะครับ เห็นคุณเป็นลมผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง เลยอุ้มคุณมาที่นี่ก่อน”

“ขอบคุณนะคะ ลำบากคุณเลย”

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ตอนนี้คุณข้าวรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

“ยังมึน ๆ หัวอยู่นิดหน่อย แต่ข้าวรู้สึกดีขึ้นมากแล้วนะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วครับ เมื่อกี้ผมพึ่งคุยกับไอธีร์มันไป มันบอกว่าถ้าคุณรู้สึกตัวแล้วให้โทรกลับหามันหน่อย”

“คุณข้าวสะดวกจะคุยกับมันไหมครับ”

“สะดวกค่ะ ข้าวสะดวก”

“นี่ครับ ผมต่อสายให้แล้ว” ว่าจบก็ยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาวตรงหน้า แต่ทว่าเธอถือสายรอไปสักพักจนสายตัดไปแล้วก็ยังไม่มีคนรับ

“ผมลืมบอกไปน่ะครับ ว่าที่นี่ค่อนข้างเป็นจุดอับสัญญาณ คงต้องรอนานหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้น ข้าวขอยืมโทรศัพท์คุณออกไปคุยข้างนอกได้ไหมคะ”

“ได้ครับ” หมอกตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ขอบคุณนะคะ” หลังจากได้รับคำอนุญาตจากหมอกแล้ว พิมพกานต์ก็ขยับตัวลุกขึ้น แม้จะมีอาการเซน้อย ๆ แต่เธอก็กลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับโทรศัพท์ของหมอก

“รับสิคะ...” สัญญาณตัดไปแล้วถึงสองครั้งแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนปลายสายจะกดรับ ทำเอาพิมพกานต์ใจหายไม่น้อย ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่อในที่สุดเขาก็กดรับ

“มีอะไร”

“พี่ธีร์คะ ข้าวเองค่ะ”

“ข้าวหรอ ข้าวเป็นยังไงบ้าง ไอหมอกบอกพี่ว่าข้าวเป็นลม ตอนนี้ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ”

“ใจเย็น ๆ ค่ะ ข้าวไม่ได้เป็นอะไรแล้วค่ะ”

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงเราแทบแย่”

คำพูดของคนปลายสายทำเอาพิมพกานต์ยิ้มไม่หุบ ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบของเขาบ้าง

“แล้วพี่ธีร์ล่ะคะ สบายดีรึเปล่า”

“พี่สบายดี แต่ว่างานที่นี่ค่อนข้างหนัก ทำให้พี่ไม่ค่อยมีเวลาติดต่อไปหาข้าวเลย”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่พี่ธีร์สบายดี ข้าวก็หายห่วงแล้วค่ะ...แล้วเรื่องอาหารล่ะคะ อยู่นั่นอาหารถูกปากรึเปล่า”

“ก็พอกินได้ แต่พี่อยากกินฝีมือข้าวมากกว่า...แล้วก็อยากกินข้าวด้วย”

“คนบ้า”

“ก็คนมันอยากมีลูกนี่ครับ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่เขาจะพูดต่อ

“ไม่รู้ว่าที่ทำไปรอบที่แล้วลูกจะมาเกิดรึยัง... นี่ก็อีกหลายเดือนกว่าจะได้กลับ ชาตินี้ไอธีร์มันจะได้อุ้มลูกเหมือนคนอื่นเขาไหม”

“คิก ๆ”

“หัวเราะอะไรครับ พี่แค่อยากมีลูกมันตลกมากเลยหรอครับ”

“เปล่าค่ะ...ว่าแต่พี่ธีร์อยากมีลูกมากขนาดนั้นเลยหรอคะ”

“ที่ผ่านมาพี่ยังไม่ชัดเจนหรอครับ”

“ชัดค่ะ ชัดมาก ๆ ด้วย” การที่เขาพาเธอทำรักตลอดคืนถึงเช้าคงเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีทีเดียว

“หึ”

“แล้วพี่ธีร์ละคะ หัวเราะอะไร”

“เปล่าครับ พี่แค่คิดน่ะบางทีพี่อาจจะไม่สมควรเป็นพ่อของลูกใครก็ได้ ลูกเลยไม่ยอมมาเกิดสักที...บางทีที่มันไม่สำเร็จอาจจะเป็นเพราะพี่”

“อย่าโทษตัวเองไปเลยนะคะ... พี่ธีร์เหมาะสมที่สุดแล้วค่ะที่จะเป็นพ่อของลูกข้าว...”

“เพราะงั้นมาช่วยข้าวดูแลลูกคนนี้ ที่กำลังจะลืมตาดูโลกในอีกหลายเดือนข้างหน้านะคะ ดูแลเขาให้เติบโตมีชีวิตที่ดี มีความครัวที่อบอุ่น มีอนาคตที่สดใส”

“ข้าวกำลังจะบอกพี่ว่าข้าวท้อง...ใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ ข้าวท้อง” หลังจากที่เธอบอกเขาไปว่าตัวเองท้อง เสียงตะโกนดีใจของเขาก็ดังออกมาไม่หยุด จนเธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ไม่ผิดจากที่คิดเลยจริง ๆ ว่าหลังจากที่เขารู้เขาจะดีใจมาก ๆ ก่อนที่เสียงดีใจของเขาจะเงียบไป พร้อมกับสายที่ถูกตัดไปด้วย

“พี่ธีร์! พี่ธีร์ พี่ธีร์ได้ยินข้าวไหมคะ”

ตึด ตึด ตืด

“อย่าบอกนะว่าสัญญาณตัดไปอีกแล้ว”

“ไว้ค่อยยืมโทรศัพท์คุณหมอกติดต่อหาพี่ธีร์ใหม่ก็แล้วกัน...”

อีกคนก็ได้แต่เศร้าใจ เพราะยังไม่ทันได้คุยกับเขาให้หายคิดถึง ยังไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เขาฟัง ยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าเธอรักและคิดถึงเขามากแค่ไหน แต่อีกคนกับโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงกว้างอย่างไม่ไยดี

“หึ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel