22 ภาพถ่ายครอบครัว
“พี่ธีร์”
“หืม” เสียงพูดราวกับคนละเมอของพิมพกานต์ทำให้สายหยุดและเฟื่องฟ้าต้องหันมอง ก่อนจะหันไปมองหน้ากันอย่างอัตโนมัติ
เพราะชื่อที่พิมพกานต์พูดถึงนั้นก็คือชื่อของเจ้าของเกาะแห่งนี้ แต่ว่าทำไมถึงได้เรียกอย่างสนิทสนมแบบนั้น
“ข้าวรู้จักคุณธีร์ด้วยหรอ”
“คุณธีร์?”
“เฟื่องหมายถึงผู้ชายในรูปคนนี้หรอ” ว่าจบนิ้วเรียวก็ชี้ไปยังรูปภาพที่มีพี่ธีร์ของตน ร่วมเฟรมอยู่กับป้าสายและชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่รู้สึกคุ้นหน้ามาก ๆ
“ใช่ นี่คุณธีร์ หรือนายหัวที่คนที่เรียกกัน ส่วนข้างป้าสายอีกคนคือคุณขุนเขา พี่ชายของคุณธีร์ เสียชีวิตไปเมื่อสี่ปีก่อน”
“หนูข้าวมีอะไรรึเปล่า” เห็นหน้าซีด ๆ ของหญิงสาวที่ตนเอ็นดูหลังจากฟังสิ่งที่เฟื่องพูด สายหยุดก็อดห่วงไม่ได้
“มะ มีอะไรค่ะ ขะ ข้าวไม่มีอะไร” เหมือนมีค้อนหนัก ๆ ทุบเข้าที่หัวหลังจากฟังสิ่งที่เฟื่องฟ้าพูด ขะ เขาไม่ใช่พี่ธีร์คนธรรมดาบ้าน ๆ แสนจะติดดินของเธอ เขาเป็นเจ้าของเกาะ มีอำนาจมากมาย... ที่ผ่านมาเขาโกหกงั้นหรอ แต่ทำไมล่ะ ทำไมเขาต้องโกหกเธอด้วย... ทำไมกัน...
“แน่ใจนะ เฟื่องว่าข้าวดูแปลก ๆ ไปนะ”
“สงสัยเมื่อคืนจะนอนน้อยไปน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้านไปพักผ่อนนะหนูข้าว” สายหยุดว่าขึ้น เมื่อเด็กสาวไม่ต้องการที่จะพูดมัน เธอก็จะไม่ซักไซ้ เธอเชื่อว่าถึงเวลาข้าวหอมจะมาบอกเธอเอง
“งั้นวันนี้เฟื่องก็ต้องทำความสะอาดบ้านคนเดียวสิ”
“อะไรของแกนังเฟื่อง ทำความสะอาดบ้านคนเดียวอะไร นังเข็มก็ทำด้วย”
“วันนี้นังเข็มมันลาจ้ะป้า มันไม่มา เมื่อวานฉันก็บอกป้าไปแล้ว”
“วันนี้ฉันเห็นว่าคนงานมีน้อยก็เลยไปพูดกับคนที่โรงครัวจะขอยืมตัวข้าวมาช่วยงานนิดหน่อย แฮะ แต่ก็ยังไม่ได้บอกข้าวเลย ว่าจะไปบอกเอาที่โรงครัวหลังจากเยี่ยมป้าเสร็จ แต่ว่าก็มาเจอกันที่นี่ซะก่อน” พูดพลางกับยกมือขึ้นลูบศีรษะแก้เก้อ เธอก็ไม่อยากทำแบบนี้ แต่การเก็บกวาดบ้านหลังนี้ทั้งหลังเป็นอะไรที่น่ากลัวสำหรับเธอมากจริง ๆ แม้ว่าคุณธีร์จะไม่อยู่ก็ตาม
“ข้าวช่วยเฟื่องทีนะ เฟื่องไม่อยากทำคนเดียว นะ ๆ” พูดกับคนอื่นเธอก็แทนฉัน ๆ หมด แต่พอพูดกับข้าวหอมหรือพี่หมอก...เธอต้องแทนตัวเองด้วยชื่อตลอด... อย่างไม่มีเหตุผล รู้แค่ว่ามันเป็นไปอย่างอัตโนมัติ
“มันจะดีหรอ” แม้ว่าอยากจะลองพิสูจน์เพิ่มว่าจริง ๆ พี่ธีร์กับคนในรูปนั้นเป็นคนคนเดียวกันจริง ๆ หรือแค่คนหน้าเหมือน แต่ใจลึก ๆ มันก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ กลัวว่าถ้าเขาเป็นคนเดียวกับคุณธีร์เจ้าของเกาะจริง ๆ เขาคงจะสูงส่งเกินกว่าผู้หญิงธรรมดา ๆ อย่างเธอจะเอื้อมถึง ผู้หญิงกำพร้าที่ไม่มีอะไรติดตัวเลย... มีแค่ตัวและหัวใจที่มีเพียงเขาอยู่เต็มทั้งสี่ห้อง
“ดีสิ ดีมาก ๆ ด้วย ตอนนี้คุณธีร์ไม่อยู่ อีกนานเลยจะกลับ ไม่แน่อาจจะเป็นเดือน ข้าวช่วยเฟื่องหน่อยนะ นะ นะ ถ้าข้าวช่วยเฟื่อง ข้าวอยากได้อะไร ต้องการอะไร ขอแค่ข้าวบอกมาเฟื่องพร้อมช่วยเสมอ ไม่มีเกี่ยงเลย” ว่าจบก็คุกเข่าอ้อนวอนคนตรงหน้า พร้อมกับทำสายตาปริบ ๆ เรียกร้องคะแนนความสงสาร ให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็เธอกลัวจนขึ้นสมองเลย
นี่นา
“ช่วยมันหน่อยนะหนูข้าว ถือซะว่าทำบุญทำทาน” เห็นเฟื่องฟ้าคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนพิมพกานต์ขนาดนั้นแล้ว สายใจก็ได้แต่ส่ายหัว แม้ว่าจะไม่เคยเห็นตัวเป็น ๆ แต่เธอเองก็เคยสัมผัสได้ว่ามันมีอะไรอยู่ภายในบ้างหลังใหญ่หลังนี้...
ทุกคนต่างก็เฝ้าดูคุณธีร์ของเธอเติบโตไม่ไปไหน เด็กชายที่มีแต่บาดแผลในจิตใจ เด็กชายที่โตมาท่ามกลางความอ้างว้างเดียวดาย
ขาดความรักความอบอุ่นจากครอบครัวตั้งแต่อายุสิบขวบ มีเพียงพี่ชายคนเดียวเท่านั้นที่คอยดูแลคุณธีร์ ไม่สิทั้งคู่ต่างดูแลกันและกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เหลือเพียงคุณธีร์คนเดียว เพราะพี่ชายมาด่วนจากไปเสียก่อน
ทว่าตอนนี้คุณธีร์นั้นเติบใหญ่จนสามารถเป็นที่พึ่งพิงของคนทั้งเกาะได้แล้ว ก่อนคุณขุนเขาจากไปเธอเชื่อว่าคุณขุนเขานั้นรู้ดีอยู่แล้วในเรื่องนี้ รวมถึงคุณ ๆ ทั้งหลายเองก็คงจะเห็นมันเช่นกัน แต่ที่ยังไม่ไปไหนก็คงจะเป็นห่วง... เรื่องที่คุณธีร์นั้นอยู่อย่างโดดเดี่ยว ขาดคนเคียงข้าง แม้ในหน้าที่การงานจะประสบความสำเร็จ แต่ด้านความรักนับว่ากำพร้ามากทีเดียว...
คนรักที่คิดว่ามีความเป็นไปได้จะตบแต่งสร้างครอบครัวที่ดีไป
ก็ทิ้งคุณธีร์ไปตามหาความฝัน... ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เธอสงสารคุณธีร์ของเธอเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะได้มีครอบครัวอย่างคนอื่นเขาแล้วแท้ ๆ กลับต้องมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง และเรื่องนี้มันก็ทำให้หัวใจของคุณธีร์ปิดตายมากขึ้น ไม่ว่าคุณขุนเขาจะโน้มน้าวยังไง คุณธีร์ก็ไม่เคยจะคล้อยตามเลยสักครั้ง... พอคุณขุนเขาลาไกลแบบนี้แล้ว... ความหวังของเธอก็แทบจะเป็นศูนย์
“ก็ได้ค่ะ ข้าวจะช่วยเฟื่องทำความสะอาด”
“แต่ว่าที่นี่มีผีหรอคะป้าสาย” เห็นท่าทางตื่นกลัวของเฟื่องฟ้าแล้ว พิมพกานต์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ผีเผออะไร นังเฟื่องมันเพ้อเจ้อ”
“เพ้อเจ้ออะไรป้า ก็ฉันเคยเห็นจริง ๆ หนิ เหมือนในรูปเป๊ะเลย ถ้าไม่ใช่ผีแล้วจะเป็นอะไรล่ะ”
“ป้าอยู่มาจะห้าสิบปีแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไร ไป ๆ ไปทำความสะอาดได้แล้ว” พูดพร้อมกับโบกมือไล่ทั้งสองสาวให้ออกไป
“แต่ฉันเห็น...”
“นังเฟื่องหยุดได้แล้ว พาหนูข้าวไปทำความสะอาด ถ้ากลัวมากก็รีบทำให้เสร็จ จะได้รีบกลับ”
“ไม่เห็นต้องไล่เลย ก็คนมันกลัวนี่นา” เฟื่องฟ้าบ่นอุบ ก่อนจะเดินนำพิมพกานต์ออกไป
“เราแบ่งกันทำดีไหมเฟื่อง จะได้เสร็จเร็ว ๆ” พิมพกานต์ว่าขึ้นหลังจากได้อุปกรณ์ทำความสะอาดแล้ว
“ไม่เอา ทำไปด้วยกัน เฟื่องกลัว” ใบหน้าใสส่ายไปมา ปกติเธอก็ไม่ได้กลัวขนาดนี้ แต่วันนี้ทำไมรู้สึกกลัวไปหมดก็ไม่รู้ เธอรู้สึกว่ามีพลังงานบางอย่างวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เหมือนคุณ ๆ กำลังมองมาในตอนเด็กเลย เธอจำความรู้สึกนี่ได้ แม้ว่าตอนนั้นเธอจะยังเด็กมาก็ตาม...
แต่ว่าคุณ ๆ จะมองมาที่เธอทำไม... เธอทำความสะอาดที่นี่มาตั้งแต่เด็ก เข้า ๆ ออก ๆ ที่นี่เป็นประจำเพราะแม่เป็นแม่บ้าน ตั้งแต่ที่คุณ ๆ เสีย เธอก็สัมผัสไม่ได้ถึงความรู้สึกนี้อีก พอวันนี้เธอพาข้าวหอมมาด้วย... ความรู้สึกนั้นมันก็กลับมาอีกครั้ง เพราะฉะนั้นใช่แล้วคุณ ๆ ไม่ได้มองเธอ ท่านมองข้าวหอม!
“เฟื่องเป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่า เฟื่องไม่ได้เป็นอะไร” ตอบข้าวหอมไปพลางคิดในใจ ว่าทำไมพวกคุณ ๆ ถึงต้องพากันมาดูข้าวหอมกันด้วย...
“งั้นเราจะเริ่มจากห้องไหนกันก่อนดีล่ะ”
“เฟื่องว่าห้องโถงก่อนแล้วกัน เฟื่องจะได้แนะ ๆ คุณ ๆ ที่เคยอยู่บ้านนี้ให้ข้าวรู้จักด้วย”
“ฮือ เคยอยู่บ้านนี้หรอ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินตามเฟื่องฟ้าไป
“ใช่แล้ว เคยอยู่บ้านนี้ ไม่สิเอ่อ...” ตอนนี้ก็อาจจะยังอยู่ ประโยคหลังนั้นเธอต่อขึ้นในใจก่อนจะพูดต่อ
“คือว่าพวกคุณ ๆ ท่านเสียชีวิตกันไปเมื่อหลายปีก่อนน่ะ หลายปีมาก ๆ น่าจะยี่สิบปีได้” พูดพร้อมกับเดินไปด้วย ก่อนจะหยุดอยู่ที่รูปถ่ายรวมครอบครัวขนาดใหญ่กลางห้อง
“คุณ ๆ เสีย...หมายถึงคนในรูปทั้งหมดนี้เสียชีวิตพร้อมกันหรอ” พิมพกานต์ว่าขึ้น พร้อมกับมองไปยังภาพถ่ายรวมสมาชิกครอบครัวราว ๆ สิบชีวิตในภาพ
“ใช่แล้วล่ะ...คนในรูปทั้งหมดนี่เสียชีวิตเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน” เฟื่องฟ้าอธิบาย
“นะ แน่ใจหรอ... หลายคนยังดูหนุ่มอยู่เลยนะ แถมยังมีเด็กด้วยตั้งสองคน” เสียงของพิมพกานต์ติดขัดในทันที เมื่อรู้ว่าคนรูปที่เธอกำลังมองอยู่นั้นไร้ซึ่งลมหายใจกันหมดแล้ว ในใจอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความรู้สึกของญาติผู้เสียชีวิตในรูป หากเธอ เธอก็คงจะเจ็บปวดมาก ๆ ขนาดเธอเสียแม่บัวคนเดียวเธอยังใช้เวลาอยู่เป็นปีกว่าจะตั้งตัวได้ขนาดนี้ แล้วคนที่สูญเสียทั้งครอบครัวแบบนี้ล่ะ... หัวใจเขาจะบอบช้ำมากแค่ไหน
“เฟื่องก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่ามันคือเรื่องจริง... ไม่มีใครรอดเลยสักคน...เว้นแต่เด็กชายสองคนที่ข้าวกำลังพูดถึง”
“คนนี้คนพี่ ส่วนคนนี้คนน้อง...มีแค่เขาสองคนพี่น้องเท่านั้นที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้น”
“อุบัติเหตุหรอ”
“ใช่ แต่เฟื่องก็ไม่รู้รายละเอียดหรอกนะ เรื่องนี้ต้องไปถามป้าสาย รู้แค่ว่าคุณธีร์กับคุณขุนเขารอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์เลยล่ะ”
“คุณธีร์กับคุณขุนเขา...” คำพูดของเฟื่องฟ้าทำให้พิมพกานต์ละเมอชื่อทั้งสองชื่อนี้ออกมาเบา ๆ
มันเป็นชื่อเดียวกับคนในรูปที่ห้องป้าสาย...และหนึ่งในชื่อนั้นก็เป็นชื่อของเขา...พี่ธีร์ของเธอที่หน้าเหมือนคุณธีร์คนในรูปที่ห้องป้าสายมาก
“นี่คนนี้คุณขุนเขา” เฟื่องฟ้าว่าพลางชี้ไปยังรูปที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันมากนัก
“คะ คุณขุนเขางั้นหรอ” พอได้เห็นรูปภาพที่ถ่ายในช่วงไม่ถึงสิบปีของขุนเขา พิมพกานต์ก็เหมือนกับหาเสียงตัวเองไม่เจอ
คุณขุนเขา...เธอจำเขาได้แล้ว...เขาคือผู้ชายที่ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่เขาจะจากไปพร้อมกับกระดาษโน้ตเล็ก ๆ บอกให้เธอไม่ต้องรู้สึกผิด
“ใช่แล้วนี่คือคุณขุนเขาพี่ชายของคุณธีร์ แต่ว่าข้าวคงจะไม่ได้มีโอกาสได้เจอกับคุณขุนเขาแล้วล่ะ”
“ทำไมหรอ” เห็นเฟื่องฟ้าทำหน้าเศร้า พิมพกานต์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“...ก็เพราะคุณขุนเขาเสียไปตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้วน่ะ”
“สะ เสียแล้วงั้นหรอ” ขะ เขาตายแล้วอย่างนั้นหรอ... คนดี ๆ อย่างเขาทำไมถึงได้ ด่วนจากไปแบบนี้ล่ะ คิดถึงความเป็นคนดีและเป็นสุภาพบุรุษของเขาแล้ว ใบหน้าหวานก็เศร้าลงในทันที
“ใช่ เพราะอุบัติเหตุน่ะ ข้าวรู้จักหรอ... หรือว่าข้าวเคยเห็น จริงสิ ข้าวอาจจะเคยเห็นก็ได้ เพราะคุณขุนเขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนคุณธีร์ทำงานอยู่ที่เกาะนี่”
“คุณขุนเขาเคยช่วยชีวิตข้าวไว้น่ะ เมื่อหลายปีก่อน”
“จริงหรอ...อืมมมนี่เป็นเรื่องปกติของคุณขุนเขาเลยล่ะ คุณขุนเขาน่ะเป็นคนอบอุ่น ใจดี ใจเย็น นิ่งสงบเหมือนสายน้ำมาก ๆ ชอบช่วยเหลือคนอื่น เป็นที่สุดของความเป็นสุภาพบุรุษเลยล่ะ”
“แตกต่างจากคุณธีร์”
“ทำไมหรอ” ทำครั้งที่มีชื่อของคุณธีร์ มันทำให้พิมพกานต์อดไม่ได้ที่จะถามเพื่อเก็บข้อมูล...ว่าเขานั้นใช่คนคนเดียวกันกับพี่ธีร์ของเธอรึเปล่า
“ก็คุณธีร์นะ อารมณ์รุนแรง ใจร้อน นิ่ง เงียบ พูดนะ นับคำได้เลยล่ะ ยิ่งคุณขุนเขาเสียนะ เฟื่องแทบจะไม่ค่อยได้ยินเสียพูดคุยปกติ ๆ ของคุณธีร์เลย รอยยิ้มยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะหน้าฉาบนิ่งเป็นรูปแบบเดิมอยู่ตลอดเวลา”
“ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่คุณธีร์ก็ใจดีมาก ๆ เลยนะ มีเมตตากับทุกคนบนเกาะ ดูแลทุกคนเป็นอย่างดีเหมือนคนในครอบครัว ถึงจะมีอารมณ์ร้าย ๆ บ้างแต่ก็ไม่เคยทำร้ายคนในเกาะด้วยกันเอง มีแต่พวกเลว ๆ ที่มาแอบทำอะไรไม่ดีที่เกาะนี้เท่านั้นที่จะถูกคุณธีร์ลงโทษ”
“อีกอย่าง เพราะเรื่องต่าง ๆ ที่คุณธีร์ต้องเจอ ต้องแบกรับ คนในเกาะต่างก็พอจะรู้กัน เลยไม่มีใครโกรธเกลียดคุณธีร์ มีแต่รักคุณธีร์ เป็นห่วงคุณธีร์กันทั้งนั้น”
“ถ้าข้าวบังเอิญเดินไปเจอคุณธีร์ที่ไหน ซึ่งโอกาสน้อยมาก ๆ แล้วเจอคุณธีร์ทำหน้าบึ้ง อารมณ์ไม่ดี ข้าวก็เดินออกมาห่าง ๆ นะ อย่าไปถือสาคุณธีร์เลย”
“เพราะแบบนี้คนที่นี่เลยเปรียบคุณขุนเขาเหมือนสายน้ำเย็น ส่วนคุณธีร์ก็เปรียบเหมือนไฟ ต่างขั้วกันสุด ๆ แต่ถึงเป็นแบบนั้นคุณขุนเขากับคุณธีร์ก็รักกันมากนะ เพราะมีกันอยู่สองพี่น้องนี่เนอะ”
“ถ้างั้นข้าวขอดูรูปคุณธีร์ได้รึเปล่า” พิมพกานต์รีบถามหารูปคุณชลธีนายหัวของเกาะที่ทุกคนเรียกกันทันที จากข้อมูลที่ได้รับมาเป็นไปได้น้อยมาก ๆ ที่คุณธีร์ของเกาะนี่จะเป็นคนเดียวกันกับพี่ธีร์ของเธอ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนหน้าเหมือนก็ได้ เพราะพี่ธีร์ของเธอนั้นพูดเก่ง อบอุ่น และใจดีสุด ๆ ต่างจากที่เฟื่องเล่ามาลิบลับเลย ต่างจนเธอคิดว่าคงไม่มีทางเป็นคน คนเดียวกันได้แน่ ๆ แต่เพื่อความมั่นใจเธอก็อยากดูรูปของคุณธีร์ชัด ๆ
“รูปคุณธีร์หรอ...”
