บท
ตั้งค่า

2 ช่วยเหลือ

"แม่บัวไม่ยอมปลุกข้าวหอม แบบนี้ข้าวหอมน้อยใจนะคะ"

ร่างบางในชุดตอนตัวยาวลายการ์ตูนน่ารัก เดินเข้าไปสวมกอดเอวผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน แต่น้ำเสียงแสดงความเง้างอนอย่างชัดเจน

"แม่เห็นเมื่อวานข้าวเดินตากแดดหางานทั้งวัน แม่อยากให้ข้าวพักผ่อน" อรพินท์หมุนตัวมาพูดกับลูกสาวที่พึ่งตื่นนอน ผมนุ่มสลวยชีฟูเล็กน้อย แต่เพียงนางสางไม่กี่ครั้งก็กลับมาตรงสวยเป็นทรงดังเดิม

"แค่ข้าวได้นอนกอดแม่ขวัญ ถึงมันจะแค่หนึ่งชั่วโมง มันก็เหมือนข้าวก็ได้พักผ่อนแล้วค่ะ"

"ปากหวานจริง ๆ นะเรา"

"มาค่ะ ข้าวทำต่อเองดีกว่า แม่บัวมานั่งพักให้สบาย ๆ ตรงนี้ดีกว่านะคะ"

"ไหวแน่นะลูก" อรพินท์เอ่ยถาม เพราะยืนนาน ๆ อยู่หน้าเตาหยิบนู่น หั่นนี่เธอก็เริ่มอ่อนแรงอยู่เหมือนกัน

"ไหวค่ะ แค่นี้สบาย"

"ถ้างั้นขาดเหลืออะไรบอกแม่นะ"

"ได้ค่าาา" ยิ้มหวาน ๆ ส่งให้ผู้เป็นแม่ รอยยิ้มที่หวานถึงดวงตา พาให้คนที่ได้รับยิ้มตามไปด้วย เธออยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้ไปนาน ๆ เสียจริง

"เดี๋ยวข้าวหอมเข็นเองค่ะ แม่บัวเดินตามเฉย ๆ ก็พอ" เสียงหวานเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ ที่เดินเข้ามาช่วยตนเข็นรถเข็นกับข้าว

"ข้าวตัวแค่นี้จะมีแรงเข็นได้ยังไง ให้แม่ช่วยดีกว่า แม่เข็นมาเป็นสิบยี่สิบปีแล้ว ตอนนี้แม่ยังพอเข็นไหว"

"แต่แม่คะ..."

"เร็วสิข้าวหอม มาช่วยแม่เข็น"

"เห้อ ก็ได้ค่ะ แต่แม่อย่าออกแรงเยอะนะคะ"

อรพินท์เพียงส่งยิ้มตอบลูกสาวเท่านั้น เด็กคนนี้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ยังคนนึกถึงแต่คนอื่นเสมอ ทั้งที่ตัวเองก็เอวบางร่างน้อยแค่ลมผัดแรงเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกสาวของเธอจะปลิวไปตามลมหรือไม่

"เอาผัดยอดมะพร้าวสองค่ะ"

"ต้มจืดอีกหนึ่ง"

ยังไม่ทันที่จะจัดร้านเสร็จ ลูกค้าคนแรกของวันก็เดินมาซื้อเสียแล้ว แน่ล่ะ ก็แต่ก่อนร้านกับข้าวรถเข็นของอรพินท์นั้นเป็นที่เลื่องลือเรื่องราคาและรสชาติ ปริมาณที่ได้ก็เกินราคา จนคนในละแวกนั้นติดอกติดใจในกับข้าวของอรพินท์ อีกทั้งลูกค้านั้นจะเยอะมากเป็นพิเศษหากลูกสาวคนสวยของอรพินท์นั้นมาช่วยขาย

จะมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ ก็ล้วนแล้วแต่มาต่อแถวซื้อกับข้าวของเธอทั้งนั้น หากคนไหนมีกำลังทรัพย์หน่อย ก็มักจะจ่ายค่ากับข้าวมาเกินราคาเสมอ ถึงจะปฏิเสธที่จะรับ

แต่ปฏิเสธไปก็เท่านั้น เลยได้แต่รับไว้ ถือเป็นค่ายลโฉมความงดงามของลูกสาวเธอก็แล้วกัน

"น้องข้าวคนสวยพี่แจ๊สขอแบบเดิมครับ"

"แบบเดิมแล้วมันแบบไหนวะไอแจ๊ส"

"โธ่ป้า ก็พะโล้แบบเดิม แต่ให้น้องข้าวหอมนางฟ้าคนสวยของไอแจ๊สเป็นคนตักให้"

"ข้าวหอมต้องรีบไปทำงาน มีแต่ป้าแก่ ๆ ตักให้ จะกินไหม!"

ว่าจบก็เคาะทัพพีตักแกงใส่หม้อเสียงดัง จนแจ๊สที่นังจับแหนรถยนต์อยู่ถึงกับสะดุ้งน้อย ๆ

"กะ กินครับป้า โธ่ แจ๊สก็อยากกินอะไรอร่อย ๆ ให้ชื่นใจก่อนไปทำงานนี่ครับป้า"

"ใครป้าแก ฉันไม่มีหลาน!"

"น้องข้าวหอมดูสิ คุณแม่น้องข้าวหอมดุพี่แจ๊สใหญ่เลย"

"ไม่เป็นไรค่ะแม่ เดี๋ยวข้าวตักให้พี่แจ๊สก่อนแป๊บเดียวก็ได้"

พิมพกานต์ว่าอย่างยิ้ม ๆ เธอรู้ว่าพื้นฐานนั้นแจ๊สเป็นคนจิตใจดี เพียงแต่บุคลิกเรียกหาสิ่งที่ใช้เดินเท่านั้น

"น้องข้าวหอมของพี่แจ๊สน่ารักที่สุด"

"พอ ๆ ไอแจ๊สเลิกเกี้ยวลูกสาวข้าได้แล้ว"

"นี่ค่ะพี่แจ้ส พะโล้ที่มีแต่ไข่พะโล้ไม่เอาผักชี"

"น้องข้าวหอมรู้ใจพี่แจ็สที่สุด มาครับเดี๋ยววันนี้พี่แจ๊สจะไปส่งน้องข้าวหอมไปทำงานเอง บริการถึงที่ส่งฟรีไม่คิดตัง ขอเป็นรอยยิ้มหวาน ๆ ให้พี่แจ๊สชื่นนนนใจก็พอ"

เป้ง!! เสียงเคาะหม้อดังอีกครั้งเมื่อแจ๊สยังไม่ยอมหยุดเกี้ยวลูกสาวตน รู้อยู่หรอกว่ามันเป็นคนแบบนี้แต่ก็อดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้

"ไอ่แจ๊ส!!"

"แม่คะ พอเถอะค่ะ พี่แจ๊สคะถ้าอย่างนั้นรบกวนไปส่งข้าวหอมที่ทำงานทีนะคะ"

"ถ้าข้าวหอมไม่ขอไว้ อย่าหวังเลยไอแจ๊สว่าครั้งนี้แกจะไม่ได้ดื่มเลือดทัพพีข้า"

"แจ๊สไม่กลัวอยู่แล้ว น้องข้าวหอมปกป้องแจ๊สสสส"

"พี่แจ๊ส! พอแล้วค่ะ"

"ครับ ๆ นี่ครับหมวกกันน็อคใส่ไว้ เดี๋ยวพี่แจ๊สพาซิ่ง"

"เบา ๆ นะเว้ยไอแจ๊ส อย่าขับซิ่งข้าวหอมกลัวความเร็ว"

"คร้าบบป้า แจ๊สรู้น่า รับส่งอยู่เกือบตลอด แจ๊สรู้ใจน้องข้าวหอมที่สุดในวินซอยนี้แล้ว"

"งั้นก็อย่ามัวโอ้เอ้ รีบไปได้แล้วเดี๋ยวลูกข้าจะสาย"

บรื้น พูดยังไม่ทันขาดคำรถมอเตอร์ไซต์ก็แล่นออกไปอย่างรวดเร็วผิดกับคำพูดเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง แต่ทว่าขับไปไม่นานแจ๊สก็ผ่อนความเร็วลง

"กลัวรึเปล่า พี่แจ๊สขอโทษนะ"

"พอไหวค่ะ"

"งั้นพี่แจ๊สจะขับช้า ๆ แบบเดิมแล้วกัน แต่น้องข้าวหอมจะถึงช้าหน่อยนะ"

"เพิ่มอีกนิดก็ได้ค่ะ ข้าวยังพอไหวอยู่"

"แน่นะ"

"ค่ะ" พิมพกานต์พยักหน้า เพราะหากช้ากว่านี้เธอได้เข้างานสายแน่ และถ้าเข้างานสายก็ไม่วายที่จะถูกหัวหน้างานสุดเค็มหักเงินอีก

"งั้นพี่แจ๊สซิ่งละนะ" บรื้นนน หญิงสาวขอมาเขาก็จัดให้ตามคำขอ แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความเร็วมากขึ้นจนน่าตกใจ เขาเพิ่มเท่าที่สัมผัสได้ว่าคนที่ซ้อนท้ายเขาอยู่นั้นรับไหว

"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง"

"ยิ้มหว๊าน ๆ" แจ๊สตอบสวนออกไป ซึ่งก็ทำให้พิมพกานต์ฉีกยิ้มให้อย่างจริงใจ

"เลิกงานแล้วยืนรอพี่แจ๊สที่ป้ายนะน้องข้าวหอมเดี๋ยวพี่แจ๊สซิ่งมารับ อย่ากลับคนเดียวมันอันตราย"

"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ วันนี้ข้าวเลิกงานดึก" ดึกที่ว่าคือเกือบจะตีสองเลยทีเดียว เธอไม่อยากรบกวนคนตรงหน้ามากเกินไป ในใจเธอรู้ดีว่าพี่แจ๊สคนนี้นั้นคิดอย่างไรกับเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถตอบรับในสิ่งที่เขาต้องการได้ สิ่งที่เธอทำได้เพื่อตอบแทนเขาก็คือคอยรักษาระยะห่าง

ไม่ให้ความหวังให้เขาต้องเจ็บปวด

"ไม่เอาอะ พี่แจ๊สเป็นห่วง ดึก ๆ แบบนั้นยิ่งอันตราย เดี๋ยวพี่แจ๊สจะพาเพื่อนมารอรับน้องข้าวหอมแล้วกัน"

"แต่ว่า"

"เจอกันนะ" บรื้น

"พี่..." จะพูดบอกเขาก็เห็นแต่ควันรถแล้ว พิมพกานต์เลยตัดใจเดินเข้าร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่ อันที่จริงเธออยากสมัครในตำแหน่งผู้ช่วยเชพ แต่ทางร้านรับแค่คนที่มีใบรับรองจากสถาบันเท่านั้น ที่นี่เป็นร้านอาหารที่ค่อนข้างมีระดับพอตัว เธอจะมาหวังอะไรอยู่อีก อันที่จริงถ้าเป็นร้านอาหารธรรมดาเธอก็สามารถพอจะสมัครเป็นแม่ครัวได้ไม่ยาก

แต่ร้านแถวบ้านงานก็เต็มหมดแล้ว ถ้าจะสมัครก็ต้องห่างกว่าบ้านไปหลายสิบโล ก็มีแต่ร้านอาหารที่แสนจะหรูหรานี่ที่ประกาศรับสมัครงานตอนที่เธอกำลังหางาน นำเงินมาช่วยค่ารักษาพยาบาลของแม่บัวของเธอ และในตอนนั้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่เธอต้องตัดสินใจหยุดเรียนกะทันหัน หลังจากรู้ตัวแล้วว่าทุกอย่างคงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอคงจะไม่สามารถกลับเข้าไปเรียนดั่งที่ฝันไว้ได้แล้ว

แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับชีวิตแม่บัวของเธอ เพราะถ้าหากไม่มีแม่บัวแล้ว เด็กกำพร้าอย่างเธอก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้จะไปตกระกำลำบากเป็นเด็กไร้บ้านอยู่ที่ไหน ถึงเรื่องจะเป็นอย่างนั้นแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อความฝัน พอแม่มีอาการดีขึ้นมากแล้ว สามารถกลับมาอยู่บ้าน ช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เธอก็เริ่มหางานเพิ่มอีก ทำงานเก็บเงิน เผื่อว่าวันหนึ่งเธอจะได้กลับไปเรียนอีกครั้ง... ได้ทำความฝันของตัวเองและแม่บัวของเธอให้เป็นจริง...

"เร็ว ๆ รีบไปแต่งตัวได้แล้ว ชักช้าอืดอาดแบบนี้อยากโดนไล่ออกรึไง!"

"ค่ะ ไปแล้วค่ะ" ร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนสีเข้ม รีบวิ่งกระหืดกระหอบไปหาผ้ากันเปื้อนมาใส่ล้างจานทันที รวมถึงคนอื่น ๆ ที่รีบไปแต่งตัวทำงานของตนเอง เธอรู้มาว่าเจ้าของร้านนั้นใจดีเอามาก ๆ แต่ทำไมผู้จัดการถึงได้ทั้งดุ ทั้งเคี้ยว ทั้งเค็มแบบนี้นะ

"ปล่อยนะ" เสียงหวานร้องออกมาทันที เมื่อเธอกำลังเดินไปรอแจ๊สที่จุดรอรถประจำทาง อยู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาดึงตัวเธอเข้าไปหา

"สวยแบบนี้ปล่อยไปก็เสียได้ตายห่าสิวะ"

"สาม.."

"หึ พี่สามเองจ้ะน้องข้าวหอมคนสวย"

"ชะ ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย" ร่างบอบบางพยายามดิ้นให้หลุดจากการกระทำอันหยาบคายของคนตรงหน้า พร้อมกับส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนฟ้าจะแกล้งกัน เพราะไม่มีวี่แววว่าจะมีคนมาทางนี้เลยแม้แต่น้อย แถมเธอเลิกงานเป็นคนท้าย ๆ กว่าเธอจะล้างจานและเก็บของเสร็จทุกคนก็กลับบ้านกันหมดแล้ว ส่วนคนที่เหลืออยู่ ก็คงจะกลับคนละทาง

'ไม่นะ มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ มันต้องไม่เป็นแบบนี้...ใครก็ได้ช่วยข้าวด้วย พี่แจ๊ส แม่บัว ฮึก' ร่างบางถูกอีกฝ่ายฉุดดึงไปยังรถกระบะที่จอดอยู่

พิมพกานต์ร้องขอความช่วยเหลือตลอดทางจนเสียงแหบแห้ง พร้อมทั้งยังคอยดิ้นให้หลุด แต่แรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถทำอะไรสามได้เลย อีกทั้งเธอยังหมดพลังไปกับการทำงานอีกด้วย

"เฮ้ย! จะทำอะไร" และในที่สุดฟ้าก็เห็นใจคนน่าสงสารอย่างเธอ พิมพกานต์รีบร้องขอความช่วยเหลือทันที เมื่อมีคนขับรถผ่านมา พร้อมทั้งยังลดกระจกพูดคุยด้วย

"ช่วยด้วยคะ เค้าจะทำร้ายฉัน ช่วยฉันด้วย"

"เรื่องของผัวเมียอย่ามายุ่ง!!"

"ไม่นะคะ ฉันไม่ใช่เมียเขา ได้โปรดช่วยฉันด้วย"

"หุบปาก" มือหนาง้างเตรียมจะตบ คนที่พูดไม่หยุด แต่กลับถูกเท้าปริศนาถีบกระเด็นไปเสียก่อน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่มันจอมรถมาแซ่ไม่เข้าเรื่องนั่นเอง

"เป็นอะไรไหมครับ"

"ไม่เป็นคะ ฉันไม่เป็นไร"

"ระวังค่ะ!!" มือบางออกแรงผลักคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ออกทันที ก่อนจะหันตัวไปรับท่อนไม้ของสามที่ฟาดมาแทนเขา

"มึง!!"

ผลั๊วะ ผลั๊วะ เขาว่าจะปล่อยไปเฉย ๆ ไม่เข้าเรื่องแล้วแท้ ๆ แต่มันก็ยังไม่ยอมหยุด แบบนี้เขาคงปล่อยไว้ไม่ได้ หมัดหนัก ๆ ประเคนให้ไอเศษสวะคนนั้นไม่ยั้ง ก่อนรีบกลับมาดูหญิงสาวที่วิ่งมารับท่อนไม้แทนตน

"คุณ คุณ ได้ยินผมไหม"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel