บท
ตั้งค่า

18 อดีตเพื่อน

เหล่าชายฉกรรจ์นับสิบกำลังคนย้ายสิ่งของบางอย่างอยู่หลังเกาะ ทำกันอย่างเป็นระบบระเบียบราวกับว่าซักซ้อมมาเป็นอย่างดี จนชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่เงียบเผยรอยยิ้มน่ากลัวออกมา

“บุกเลยไหมครับ” เห็นผู้เป็นนายยืมกำมือแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนไปตามท่อนแขนแกร่งหมอกจึงถามขึ้น

“ยัง” ชลธีตอบเพียงเท่านั้นก่อนจะยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าต่อ ดวงตาคมวาวโรจน์อย่างน่ากลัว หากได้เห็นคงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเป็นแน่ ขนาดว่าอยู่ในความมืดลูกน้องที่มาด้วยกันยังรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ทั้งยังสวดส่งพวกที่กำลังขนย้ายสิ่งผิดกฎหมายอยู่ในใจ มันเล่นผิดคนแล้ว

“ที่นายหัวสั่งไว้ก่อนหน้านี้จัดการเรียบร้อยแล้วครับ” ลูกน้องอีกคนเข้ามารายงาน

“ดี รอให้พวกมันขนของขึ้นเรือแล้วจัดการได้เลย”

“ครับ”

“ส่วนพวกที่เหลือ ฆ่าไม่เลี้ยง!!”

อีกด้าน

“ขนของครบแล้วใช่ไหม”

“ครับ”

“ทิ้งคนไว้ฝากของขวัญให้ไอธีร์มันหน่อย”

“ส่วนที่เหลือก็ขนกลับขึ้นฝั่งไป”

“แล้วนายล่ะครับ”

“กูจะอยู่รอดูผลงานหน่อยแล้วค่อยกลับ” พูดจบก็เตรียมตัวเดินไปยังเรือสปีดโบ๊ทส่วนตัวของตัวเอง แต่ยังเดินไม่ถึงไหนเสียงระเบิดก็ดังขึ้นซะก่อน พร้อมกับเรือขนส่งของเขาที่ไหม้เป็นจุน เปลวไฟที่กำลังมอดไหม้เรือมูลค่านับสิบล้านของตนอยู่ทำให้จิรเมธตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

“ไอ้ธีร์มึง!!!!!!!”

แปะ แปะ แปะ

เสียงปรบมือที่ดังขึ้นทำให้จิรเมธต้องหันไปมอง ก่อนจะโกรธมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่ามันมาจากชลธี ศัตรูคู่แค้นของเขา

“มึง ฝีมือมึงใช่ไหม”

“...” ชลธีเพียงยักไหล่ตอบเท่านั้น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเรื่อย ๆ อย่างไม่นึกกลัว

ด้านลูกน้องของจิรเมธเมื่อเห็นซาตานในร่างคนเดินเข้ามาก็เริ่มพากันมือไม้อ่อนแรง ใครต่างก็รู้เกียรติศักดิ์ของนายหัวหนุ่มคนนี้ดี ถ้าไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ก็อย่ามายุ่งวุ่นวายกับเกาะเอื้องดาวนี้ แต่ถึงจะกลัวยังไงเงินค่าจ้างที่จิรเมธมอบให้มันก็สูงลิ่วทำให้พวกเขาใจกล้ามากขึ้น แม้มันจะเสี่ยงแต่มันก็คุ้ม...แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันคุ้มกับการเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่รึเปล่า เพราะมีหลายต่อหลายครั้งที่ทำงานสำเร็จ และไม่ได้รับอันตรายทำให้พวกเขาเริ่มใจกล้ามากขึ้น เมื่อไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรอย่างที่ร่ำลือกัน

แต่ตอนนี้พวกเขาเริ่มจะเข้าใจอะไร ๆ มากขึ้นแล้ว เพียงแค่ชลธีเดินเข้ามายังไม่ได้ออกอาวุธอะไรเลยสักอย่างเดียว พวกเขาก็กลัวจนเหงื่อแตกพลั่กแล้ว รังสีสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวของชลธีทำให้พวกเขารู้สึกกลัวจนแทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว

“ทำไมมึงถึงได้...”

“หึ กูไม่ใช่คนโง่ มึงก็รู้”

“แต่มึงก็ยังถูกกูหลอกซุกของไว้ในถ้ำของมึงตั้งหลายรอบ”

“กูถูกหลอก หรือมึงโง่กันแน่ ที่ไม่รู้ว่าทั้งเกาะนี้กูสอดส่องดูแลอยู่ตลอด มึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันจะเล็ดลอดสายตากูไปได้งั้นหรอ”

“มึงรู้มาตลอด”

“...” ชลธีเพียงยักไหล่ตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น

“มึงหลอกให้กูขนของมาไว้ทีละเยอะ ๆ แล้วมึงก็ทำลายของกู ไอธีร์มึง! กูจะฆ่ามึง” พูดจบก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปหาชลธีที่ยืนล้วงกระเป๋าสบาย ๆ อยู่ ก่อนจะฮุกหมัดใส่ แต่ทว่าชลธีกลับหลบได้ทัน ทำให้จิรเมธนั้นเกือบเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น

“ฉลาดแล้วสินะ” มือหนายกขึ้นปัดไหล่เบา ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจิรเมธ ผลั๊วะ ขายาว ๆ ถีบเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง จนจิรเมธนั้นถลาล้มลงไปกับพื้นทรายหลายวา

“อย่าให้ไอ้พวกชั่วนี้ได้มีชีวิตรอดออกไปแม้แต่คนเดียว!!” เสียงทุ้มประกาศกร้าว ก่อนจะเดินเข้าไปหาจิรเมธที่กำลังประพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอยู่

เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณเมื่อมีการเข้าปะทะกันระหว่างลูกน้องของจิรเมธและชลธี แน่นอนว่าลูกน้องของชลธีนั้นย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะมีการชำนาญในพื้นที่รู้จักหาที่หลับหลีกวิถีกระสุนได้มากกว่า

ส่วนเจ้านายทั้งสองนั้นก็เข้าปะทะกันแบบตัวต่อตัว ไม่มีลูกน้องคนไหนกล้าสอดตัวเข้าไปยุ่งเลยแม้แต่คนเดียว เพราะต่างฝ่ายต่างก็กลัวว่าหากเข้าไปยุ่งแล้วไม่รู้ว่าจะเป็นการช่วยเจ้านายของต้นหรือทำร้ายกันแน่

“กูจะให้โอกาสมึงเป็นครั้งสุดท้าย” เสียงทุ้มลอดไรฟันเอ่ยบอกคนที่ตนกำลังนั่งคร่อมทับบีบคออยู่

“แน่จริงมึงก็ฆ่ากูสิ ฆ่ากูเลย” คนที่นอนเสียเปรียบกำลังแพ้พูดขึ้น

“...” ชลธีไม่ตอบอะไร เพียงแต่มองอีกฝ่ายนิ่งเท่านั้น

“เพราะถ้ามึงไม่ฆ่ากู กูนี่แหละจะเป็นคนฆ่ามึงเอง!” พูดจบมีดปลายแหลมที่ซุกซ่อนไว้ด้านหลังก็พุ่งตรงเข้าสู้ตำแหน่งหัวใจของชลธีทันที

ฟิ้ว

“กูให้โอกาสมึงแล้วนะไอเมศ” ชลธีว่าเสียงเหี้ยม ก่อนจะมองต้นแขนที่มีเลือดไหลซึมออกมาจากการโดนปลายมีดของจิรเมธเฉือนเข้าเมื่อครู่ หากเขาหลบไม่ทันอาจได้ไปพบครอบครัวที่ล่วงลับไปแล้ว

ส่วนจิรเมธนั้นได้แต่กัดฟันทันรับความเจ็บปวด เมื่อชลธีเบี่ยงหลบและจับเขาพลิกตัว มือหนาของชลธีจับแขนของเขาไขว้หลังก่อนจะบีบล็อกไว้แน่น

“มีดนี้กูพึ่งได้มา ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้เร็วขนาดนี้” ชลธีพูดพร้อมกับค่อย ๆ กรีดปลายมีดลงบนแผ่นหลังอดีตเพื่อนรัก ที่เขาไม่ฆ่ามันให้ตายทั้งที่มีโอกาสหลายต่อหลายครั้งเพราะว่าเขายังเห็นว่ามันเป็นเพื่อน อย่างน้อย ๆ ในตอนเด็กเราก็เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน แต่มันก็ไม่คิดจะกลับตัว ทั้งยังพยายามที่จะฆ่าเขาหลายต่อหลายครั้ง

“อร้ากกกก” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของจิรเมธไม่ทำให้ชลธีนึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย เพราะหัวใจของเขามันด้านชาไปแล้ว มันยังคิดจะฆ่าเขาได้ทั้งที่เขาให้โอกาสมันหลายต่อหลายครั้งอย่างไม่คิดจะสำนึก...เพราะงั้นเขาก็ฆ่ามันได้เหมือนกัน ไม่มีแล้วความเป็นเพื่อน จบกันแต่เพียงเท่านี้

ใบมีดแหลมคมที่กำลังปาดลงบนต้นขอของอดีตเพื่อนรักจำต้องหยุดชะงักเมื่ออยู่ ๆ ก็มีกลุ่มควันมากมายมาบดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็นของเขา

“คุณธีร์หลบก่อนครับ” หมอกที่เห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งเข้ามาหาเจ้านายหนุ่มทันที ก่อนจะถูกชลธีผลักไปอีกทางเมื่อมีกระสุนหนึ่งนัดพุ่งมา

ผลัก

“ทุกคนหาที่หลบ!!” เสียงเข้มตวาดลั่นไปทั่วบริเวณ ด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกน้อง เมื่อวิสัยทัศน์ถูกบดบัง จากกลางคืนที่มองเห็นยากแล้ว พอมีกลุ่มควันเข้ามาการมองเห็นก็ยิ่งยากเข้าไปอีก

แม้จะได้แสงจันทร์มาช่วยบ้าง แต่มันก็ยังยากที่จะทำการใด ๆ อยู่ดี

อีกอย่างเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าไอ้จิรเมธนั้นมันมีแผนอะไรรึเปล่า ดีไม่ดีมันอาจบ้าระห่ำสั่งการให้กวาดยิงก็เป็นได้

“นายหัวบาดเจ็บตรงไหนไหมครับ”

“กูไม่เป็นไร” ปากก็พูดกับลูกน้องคนสนิท แต่สายตายังคงจรดจ้องไปที่กลุ่มควันที่ตอนนี้ค่อย ๆ จางลงบ้างแล้ว ก่อนจะกวาดมองไป

รอบ ๆ

“เหอะ” เสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นทำให้ชลธีแสยะยิ้มขึ้นมาทันที ก่อนจะออกค่ำสั่งให้ลูกน้องเดินสำรวจดูรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าเริ่มปลอดภัยแล้ว เพราะคนวงการมันหนีขึ้นเรือไปแล้ว และมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเมื่อเดินไปดูจุดที่ต่อสู้กับจิรเมธแล้วไม่เห็นมันนอนอยู่ ก่อนจะมีลูกน้องวิ่งเข้ามารายงานว่าคนของจิรเมธนั้นตายหมดแล้ว มีแค่ศพของลูกน้องคนสนิทของจิรเมธกับตัวของจิรเมธเท่านั้นที่หาไม่เจอ

หลังจากนั้นชลธีก็อยู่คำสั่งต่อเล็กน้อย พร้อมกับบอกลูกน้องที่ได้รับบาดเจ็บให้ไปทำแผลให้เรียบร้อยถ้าหนักมากก็ให้ขึ้นฝั่งไปหาหมอ

“หายหัวจะไม่ทำแผลหน่อยหรอครับ” หมอกว่าขึ้นเมื่อสังเกตเห็นต้นแขนของนายหัวหนุ่ม มีเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาจนเสื้อยืดสีขาวนั้นเปียกชุ่มไปหมด

“กูจะกลับบ้าน” ชลธีว่าเสียงเรียบก่อนจะเดินต่อ อย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับบาดแผลที่แขนเลยแม้แต่น้อย แผลแค่นี้ไกลหัวใจเขาเยอะ ถึงมันจะใกล้ มันก็ไม่มีอะไรเจ็บปวดเท่ากับการอยู่ตัวคนเดียวไร้ญาติ

บนโลกใหญ่นี้อีกแล้ว

“งั้นเดี๋ยวผมไปเตรียมอุปกรณ์ทำแผลให้นะครับ”

“เอาไปให้กูที่บ้านของเธอ” ชลธีพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินไปยังบ้านหลังน้อยที่มีใครบางคนนอนรอเขาอยู่

แต่คำพูดเพียงเท่านั้นของชลธีทำให้หมอกอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะคิดไปไกลว่านายหัวที่ไร้หัวใจของตนนั้นเริ่มเปิดรับใครเข้ามาบ้างแล้ว โดยไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพียงแผนของนายหัวของตนเท่านั้น

...

“นอนรึยังครับ เปิดประตูให้พี่หน่อย” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนตัวเล็กที่นอนหลับสนิทอยู่ภายในห้อง พร้อมกับก่นด่าตัวเองในใจ ว่าไม่น่าไปบอกให้เธอปิดประตูลงกลอนให้แน่นหนาเลย ลำบากตัวเองต้องมายืนตากยุงรอให้เธอมาเปิดประตู เพราะว่าเขาเรียกอยู่นานสองนานแล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างไหนเสียที จนไอหมอกที่เดินเอากล่องปฐมพยาบาลจากบ้านใหญ่มาให้และเดินกลับไปแล้วเธอก็ยังไม่ออกมา

“พี่ธีร์หรอคะ” คนที่นั่งกอดเข่าปิดหูปิดตาด้วยความหวาดกลัวค่อย ๆ ลดมือลงก่อนจะพูดขึ้น เมื่อได้ยินเสียงแว่ว ๆ เหมือนเป็นเสียงของเขาคนที่เธอต้องการมากที่สุดในตอนนี้

“ครับพี่เอง ข้าวพึ่งตื่นหรอ ออกมาเปิดประตูให้พี่ได้รึเปล่า

พี่กลับมาจากทำงานแล้วนะ”

“รอสักครู่นะคะ” เมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นเสียงเขา พิมพกานต์ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เขา และทันทีที่ประตูเปิดออกเธอก็โผเข้ากอดเข้าไว้แน่น

“มีอะไรรึเปล่าครับ” เสียงสะอื้นไห้ที่ดังอยู่กับอกทำให้ชลธีต้องเอ่ยปากถาม ก่อนจะดันตัวเธอเข้าไปข้างในพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลในมือ

“ทีนี้เล่าให้พี่ฟังได้ยังครับว่าเกิดอะไรขึ้น” หลังจากประคองคนตัวเล็กมานั่งบนที่นอนได้แล้ว และเห็นว่าเธอเริ่มสงบลงชลธีก็ถามขึ้น

“ข้าวกลัวค่ะ ข้าวได้ยินเสียงปืน เสียงปืนดังติด ๆ กันหลายนัดเลย” น้ำเสียงสั่น ๆ เวลาพูดบ่งบอกได้อย่างดีว่าเธอนั้นรู้สึกกลัวมากแค่ไหน

“หึ”

“ถ้าเรื่องเสียงปืนมันเป็นงานที่พี่ไปทำวันนี้ครับ”

“งานหรอคะ?” พอได้ยินเขาพูดแบบนั้น พิมพกานต์ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา ก่อนจะถามด้วยความสงสัยในทันที งาน งานอะไรกันทำไมต้องใช้ปืนด้วย

“พี่คนมาขนยาเสพติดอยู่ด้านหลังป่า คุณธีร์ก็เลยพาลูกน้องไปจัดการ พี่เลยต้องไปด้วย”

“ละ แล้วพี่ธีร์เป็นอะไรไหมคะ บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” พอได้ยินว่าเขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย พิมพกานต์ก็ไม่สนใจที่มาที่ไปของเสียงปืนนั่นอีก เธอสนใจแต่ความปลอดภัยของเขาเท่านั้น เมื่อเขาไม่ยอมตอบเธอก็มองสำรวจไปตามตัวเขาแทน ก่อนจะพบว่าที่ต้นแขนนั้นมีเลือดไหลซึมออกมา จนเสื้อสีขาวของเขานั้นเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด

“เลือด! พี่ธีร์ได้รับบาดเจ็บนี่คะ แล้วทำไมไม่ทำแผลคะ คุณธีร์อะไรนั่นไม่ดูแลลูกน้องเลยหรอคะ ลูกน้องบาดเจ็บขนาดนี้ทำไมถึงยังปล่อยให้กลับบ้านมาได้” เสียงเล็กว่าขึ้นด้วยความเป็นห่วง ก่อนน้ำเสียงจะเปลี่ยนเป็นขุ่นมัว เมื่อนึกไปว่านายหัวที่คนรักของตัวเองทำงานด้วยนั้นไม่ยอมดูแลลูกน้องเลย ทั้งที่บาดเจ็บจนเลือดไหลขนาดนี้

“รอข้าวอยู่ที่บ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวข้าวจะไปขออุปกรณ์ทำแผลจากป้าสายให้” พิมพกานต์พูดรัวเป็นชุดด้วยความเป็นห่วงคนรัก พร้อมกับก่นด่าคนที่เรียกตัวเขาไปใช้งานด้วย ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นเพื่อไปหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล มาทำแผลให้เขา แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวไปไหน ข้อมือเล็ก ๆ ก็ถูกมือหนาของเขาจับไว้เสียก่อน ก่อนที่เขาจะออกแรงกระตุกเบา ๆ ตัวเธอก็ปลิวติดมือเขาไปจนตอนนี้เธอนั่งทับอยู่บนตักของเขา โดยที่เอวมีแขนอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของเขากอดไว้อยู่

“ใจเย็น ๆ ก่อนครับ คุณธีร์ไม่ได้ไม่ดูแลพี่ แต่พี่ขอกลับบ้านมาเอง” ชลธีรีบแก้ในทันที ต้อนที่เธอว่าเขาไม่ดูแลลูกน้อง หางตาเขากระตุกเลยทีเดียว ก่อนจะพูดต่อ

“พี่เอากล่องยามาแล้วครับ อยากเอามาให้เมียทำแผลให้เอง” เขาว่าอย่างยิ้ม ๆ

“คนบ้า! เลือดออกขนาดนี้แล้วยังมีเวลามาหยอดข้าวอีก”

“ปล่อยให้เลือดหมดตัวเลยดีไหมคะ”

“ถ้าอยากเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาวพี่ก็ไม่ว่าอะไรครับ”

“ชิห์” เสียงหวานจิ้จ๊ะในลำคอน้อย ๆ ก่อนจะลุกออกจากตักของเขา ไปหยิบเอากล่องปฐมพยาบาลที่ว่ามาทำแผลให้เขา ดีที่แผลนั้นไม่ลึกมาก แต่ขนาดว่าไม่ลึกเลือดเขายังออกเยอะจนเสื้อยืดสีขาวชุ่มไปด้วยเลือดขนาดนี้ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามันบาดลึกกว่านี้เขาจะเป็นอย่างไร แค่คิดก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้แล้ว เพราะงานแต่ละงานที่เขาทำนั้นมันอันตราย ๆ ทั้งนั้นเลย แล้วแบบนี้เวลาที่เขาออกไปทำงานเธอจะหลับลงได้อย่างไรกัน เมื่อคนรักนั้นลำบาก แต่เธอกลับนอนสบาย ๆ อยู่บ้าน...

กลางดึกในวันเดียวกัน

“ไม่นะ เฮือก!!”

“ฝันร้ายอีกแล้วหรอ” ว่าจบก็ดึงเอาร่างบางของภรรยามากอด

“ค่ะ แพรฝันเรื่องเดิมอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรนะครับ มันเป็นแค่ความฝัน”

“นอนนะ ผมจะอยู่ตรงนี้ข้าง ๆ คุณเอง”

“ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel