บท
ตั้งค่า

17 ของแทนใจ

“หนูข้าวอยากไปไหนต่อรึเปล่าลูก” หลังจากทำบุญตักบาตรกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว สายหยุดจึงเอ่ยถามหญิงสาวที่เดินทางข้ามฝั่งมาด้วยกัน

“โธ่ป้า ไม่ถามเฟื่องบ้างล่ะ เฟื่องก็มาด้วยนะ” เฟื่องฟ้าว่าอย่างน้อยใจ

“เองน่ะมาบ่อยแล้ว แต่หนูข้าวเขาพึ่งเคยมาน้อยใจอะไรนังนี่” พูดพร้อมกับทำท่าจะเข้าไปตี จนเฟื่องฟ้าต้องวิ่งไปหลบหลังพิมพกานต์เลยทีเดียว

“ข้าวช่วยเฟื่องด้วย ป้าสายจะตีเฟื่อง"

“พอแล้วค่ะป้าสาย ข้าวคิดออกแล้วค่ะว่าข้าวอยากไปไหน...ข้าวอยากไปตลาดค่ะ”

“ตลาดหรอ?”

“ใช่ค่ะ”

“งั้นก็ดีเลย เดินจากนี่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว”

“เดี๋ยวค่ะ ข้าวเปลี่ยนใจแล้วดีกว่า เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” จากที่กำลังเดินตามป้าสายไป จำต้องหยุดชะงัก ก่อนจะพูดบางอย่างขึ้นมา เมื่อนึกอะไรขึ้นได้

“ทำไมล่ะลูก อยู่ใกล้ ๆ ตรงนี้เองนะ เดินไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว

เดินเล่นซื้อของแล้วค่อยกับก็ได้ วันนี้ป้าลางานให้หนูข้าวแล้ว กลับไปก็มีแต่นั่งหายใจทิ้งเปล่า ๆ”

“คือว่า...ข้าวไม่มีเงินค่ะ ข้าวไม่อยากรบกวนป้าสายกับเฟื่อง” นี่คือเหตุผล แม้จะไม่ใช่คนใช้เงินเก่งอะไร ออกจะประหยัดมาก ๆ แต่ถ้าได้เดินตลาดเห็นวัตถุดิบในการอาหารแปลก ๆ ก็คงจะเกิดความอยากได้ขึ้นมาบ้าง เธอกลัวว่าจะเผลอแสดงท่าทางให้ป้าสายเห็น แล้วจะลำบากป้าสายซื้อให้

“รบกงรบกวนอะไรกันหนูข้าว ป้ารักป้าเอ็นดูหนูข้าวเหมือนคนในครอบครัว เงินแค่เล็กน้อยป้าให้หลานสาวป้าได้อยู่แล้ว อีกอย่างป้าเองก็ตัวคนเดียว ทำงานรับใช้ครอบครัวคุณธีร์มาตั้งแต่ยังสาว เงินที่ป้ามี ก็ไม่ค่อยจะได้ใช้ เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างคุณธีร์ก็ให้ป้าเบิกจ่ายเอาหมด”

“แต่ว่าป้าสายค่ะ...”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นจ้ะ ถ้าหนูข้าวเกรงใจไว้เงินเดือนออกค่อยเอามาคืนป้าก็ได้ อีกไม่กี่วันก็เงินเดือนออกแล้ว”

“ใช่ ๆ ข้าวรับไปเถอะ ไม่ต้องคืนป้าแกก็ได้ เฟื่องเองก็ยังไม่เคยคืนเลยเหมือนกัน ป้าสายแกรวยจะตาย” ว่าจบก็หัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะถูกสายหยุดฟาดที่ต้นแขนให้

“โอ้ยป้า ตีเฟื่องทำไมเนี่ย”

“สมควร” การพูดคุยหยอกล้อทีเล่นทีจริง ของสองป้าหลานทำให้พิมพกานต์อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ก่อนจะพากันเดินไปยังตลาดนัดกันต่อ โดยที่สายหยุดให้เงินพิมพกานต์ไว้จับจ่ายซื้อของมากถึงสองพันบาท

สายหยุดกับเฟื่องฟ้านั้นคนที่นี่ต่างก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่หญิงสาวอีกคนที่เดินมาด้วยกันกลับสร้างความสงสัยให้พ่อค้าแม่ค้าและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเป็นอย่างมาก บางคนอดใจไม่ไหวถึงกับต้องถามกันเลยทีเดียวว่าสาวสวยที่เดินมาด้วยกันนั้นคือใคร

“หลานสาวฉันเอง พึ่งมาอยู่ด้วยกันเมื่อต้นเดือน” ซึ่งไม่ว่าใครจะถามสายหยุดจะตอบแบบนี้เสมอ ตามด้วยพิมพกานต์ที่ ยกมือไหว้และส่งยิ้มทักทาย

“สวัสดีค่ะ”

“มีหลานสาวสวยขนาดนี้ทำไมไม่บอกกันบ้างวะสาย ข้าจะให้ลูกชายไปจีบ”

“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว หลานสาวคนนี้ข้าหวงมาก”

“ว่าแต่แม่หนูเถอะ สวยขนาดนี้มีผัวรึยัง” หนึ่งในเหล่าแม่ค้าหาได้สนใจคำพูดของสายหยุดไม่ กลับหันไปถามพิมพกานต์แทน

“เอ่อคือว่า...”

“จะไปมีได้ยังไงวะ ก็บอกไงว่าข้าหวงมาก” ยังไม่ทันที่พิมพกานต์จะพูดจบ สายหยุดก็ชิงตอบไปเสียก่อน ทำให้พิมพกานต์ได้แต่ส่งยิ้มให้เท่านั้น

“ไป ๆ ข้าจะพาหลาน ๆ ไปซื้อของต่อแล้ว” ว่าจบก็เดินนำหลานสาวทั้งสองไปซื้อของต่อทันที เธอล่ะเบื่อจริง ๆ กับพวกคำถามซอกแซกแบบนี้ ไม่รู้จะอยากรู้อะไรกันนักหนา

“ข้าวอยากได้อะไรเพิ่มอีกรึเปล่า” เป็นเฟื่องฟ้าที่เอ่ยถาม หลังจากเดินซื้อของกันมาสักพักใหญ่แล้วเธอเห็นข้าวหอมซื้อของเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารมากกว่า ดูทรงแล้วคงจะทำมื้อพิเศษแน่ ๆ

“ไม่แล้วล่ะ ข้าวว่าข้าวได้ของครบแล้ว” พูดจบก็มองของในมืออย่างยิ้ม ๆ

“แล้วเฟื่องล่ะ เฟื่องได้ครบหรือยัง”

“เฟื่องว่าจะไปดูมีดพกสักหน่อยน่ะ เห็นว่าวันนี้มีช่างทำมีดฝีมือดีมาขาย” พูดไปก็หน้าแดงไป นี่เป็นเหตุผลที่เธอตามข้าวหอมกับป้าสายมาที่ฝั่งด้วย

“ถ้าอย่างงั้นเองไปดูมีดกับหนูข้าวแล้วกันนังเฟื่อง ป้าจะไปหาดูเสื้อผ้าสักหน่อย ไม่ได้มาเดินตลาดนานเสื้อผ้าสวย ๆ เยอะแยะไปหมด”

“จ้ะป้า”

“งั้นไปเจอกันที่ท่าเรือนะ

...

“หนูมาดูมีดจ้ะ” เดินมาถึงร้านขายมีดเฟื่องฟ้าก็ถามลุงคนขายทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

“สนใจแบบไหนล่ะนังหนู ซื้อไปทำกับข้าวรึ”

“เปล่าจ้ะลุง”

“แล้วซื้อไปทำอะไรล่ะ” คนขายเริ่มงง ก่อนจะนึกอะไรออก

“ซื้อไปให้ผัวหรอ”

“มะ ไม่ใช่จ้ะ ไม่ใช่ผัว พ พี่ชายจ้ะพี่ชาย ฉันมาหาดูมีดพกให้พี่ชาย”

“พี่ชายก็พี่ชาย”

“ใช่จ้ะพี่ชาย แฮะ ๆ”

“ถ้าเป็นมีดพก ลุงเหลืออยู่สองอันพอดี อันนี้อย่างดีเลยนะ” ว่าจบก็ส่งมีดพกสองเล่มให้เฟื่องฟ้าเลือก ก่อนจะหันไปถามหญิงสาวอีกคน

“แม่หนูคนนี้ล่ะ มาดูมีดพกกับเขาด้วยรึ”

“ปะ...ค่ะ ข้าวก็อยากได้ติดตัวไว้สักอัน” ตอนแรกตั้งใจจะปฏิเสธ แต่พอหน้าใครบางคนลอยเข้ามาในหัว เธอจึงอยากได้บ้างเช่นกัน

“งั้นเฟื่องเอาด้ามนี้แล้วกัน อันนี้ก็ของข้าว” ว่าจบก็ส่งมีดเล่มสวย ตัวด้ามเป็นไม้สีอ่อนเนื้อดีให้ ส่วนตัวเธอนั้นเอาด้ามไม้สีเข้ม โดยที่ใบมีดนั้นคมกริบเหมือนกัน แถมยังน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับพกติดตัวไปไหนมาไหนเป็นอย่างมาก

“ขอบคุณนะ”

“ลุงหนูกับเพื่อนซื้อตั้งสองเล่มลดได้รึเปล่า” หลังจากได้มีดที่ถูกใจแล้ว เฟื่องฟ้าก็ขอต่อราคาทันที

“สองเล่มนี้ลุงลดให้เหลือสามพันห้าแล้วกัน แถมสักลายให้ฟรีคนละลาย”

“สามพันสี่”

“นี่ลดไปพันนึงแล้วนะ ยังจะต่ออีกหรอ”

“เอาน่าลุง เห็นแก่เพื่อนคนสวยของหนู เพื่อนหนูพึ่งมาอยู่ที่นี่ พึ่งได้มาเดินตลาดเป็นครั้งแรก ลด ๆ ให้หน่อยก็แล้วกัน”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับลดให้เอ็งวะ”

“เอาน่าลุง ลดอีกสักร้อย นะ นะ”

“เออ ๆ ลดอีกสักร้อย ก็ลด” สุดท้ายแล้วคุณลุงคนขายก็ต้องยอมในที่สุด ก่อนทั้งสองจะสั่งลวดลายที่ตัวเองต้องการและให้ลุงแกะสลักตัวด้ามให้ ซึ่งใช้เวลาเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว ดีที่ที่ร้านมีคนช่วยลุงแกะสลักอยู่หนึ่งคน และคุณลุงและช่างอีกคนมีความชำนาญ ทำให้ประหยัดเวลาไปมากโข เพราะถ้าคุณลุงทำคนเดียวไม่แน่อาจจะกินเวลาถึงสองชั่วโมงก็เป็นได้

“เฟื่องเก่งจัง ต่อราคาคุณลุงได้ตั้งพันกว่าบาท” ระหว่างทางเดินกลับท่าเรือพิมพกานต์ก็พูดขึ้น

“ติดมาจากป้าสายน่ะ รายนั้นนะ ต่อเก่งกว่าเฟื่องอีก” พอเฟื่องฟ้าว่าจบสองสาวก็มองหน้ากัน ก่อนจะพากันหัวเราะน้อย ๆ

“ว่าแต่เฟื่องมีพี่ชายด้วยหรอ”

“เปล่าหรอก มีดนี้เฟื่องจะเอาไปให้หวานใจน่ะ” พูดจบหน้าก็เริ่มแดงไปถึงใบหู ทำให้พิมพกานต์อดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้

“หืม หวานใจหรอ ใครกันนะ”

“ไม่รู้แล้ว ป่านนี้ป้าสายรอนานแล้วเรารีบไปกันเถอะ” ว่าจบก็เดินเร็ว ๆ นำไปทันที เพราะเธอเขินจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว ทิ้งให้พิมพกานต์ได้แต่ส่ายหัว ก่อนจะรีบเดินตามไป

...

“พี่ธีร์โกรธข้าวหรอคะ” พิมพกานต์ถามขึ้นหลังจากกลับมาจากฝั่ง เธอก็แยกย้ายกับป้าสายและเฟื่อง เพื่อกลับมาทำอาหารมื้อพิเศษให้เขาได้ทาน วัตถุดิบเธอคัดสรรมาอย่างดีมีแต่ของมีดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งนั้น แต่ทว่าพอเขาทันกับไม่ยิ้มแย้มเหมือนก่อน เอาแต่นั่งทานเงียบ ๆ ตั้งแต่เขากลับมาจากทำงานเขาพูดกับเธอไม่ถึงสิบประโยคด้วยซ้ำ...

พอกินเสร็จเขาก็พาเธอมาเดินย่อยรับลมเหมือนเคย

“เปล่าครับ”

“ข้าวเห็นพี่ธีร์ไม่ค่อยพูดข้าวก็คิดว่าพี่ธีร์จะโกรธข้าวเรื่องเมื่อเช้าซะอีก” สิ่งที่เธอพูดทำให้เขาหยุดเดิน ก่อนที่มือหน้าจะจับไหล่มลของเธอให้เธอหันหน้ามามองเขา

“พี่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยนะ”

“เรื่องไม่สบายใจหรอคะ...บอกข้าวได้รึเปล่า” พิมพกานต์จับมือหนาของเขามาบีบเบา ๆ ก่อนจะเอามาแนบแก้มของตัวเองไว้ “คืนนี้พี่ต้องไปทำงานกับคุณธีร์น่ะ พี่เป็นห่วงไม่อยากให้ข้าวนอนคนเดียว...ทั้งที่พึ่งแต่งงานกันแท้ ๆ แต่พี่ไม่มีเวลาให้ข้าวเลย” ชลธีว่าเสียงเศร้า

“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวเข้าใจ มันเป็นงานนี่คะ” พูดจบก็ถูแก้มกับมือหนาของเขาเบา ๆ

“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจพี่”

“เป็นภรรยาก็ต้องเข้าใจสามีสิคะ มีอะไรก็แบ่งปันกันร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน” ดวงตากลมใสเต็มไปด้วยความรักจ้องมองเขา ก่อนที่มืออีกข้างที่ว่างจะหยิบบางอย่างออกมาจากขอบผ้าซิ่นที่เธอทัดเอาไว้

“อะไรครับ” ความเย็นวาบที่มือทำให้ชลธีต้องละสายตาจากเธอ ก่อนจะก้มลงมองของที่เธอวางไว้บนมือหนาของเขา

“มีดพกค่ะ”

“หืม?” หลังจากได้ยินสิ่งที่คนตัวเล็กพูดจบ เขาก็หยิบสิ่งที่เธอเรียกมันว่ามีดพกขึ้นมาดู ก่อนจะพบกับรูปแกะสลักเป็นรอยไหม้ดำ ๆ เล็ก ๆ ตัดกับสีข้าวของเนื้อไม้ ตรงด้านจบคล้ายกับต้นหญ้าสลักอยู่

“ของแทนใจจากข้าวค่ะ มันควรจะเป็นเครื่องประดับหรือแหวน แต่ข้าวคิดว่าถ้าให้มีดพกกับพี่ธีร์มันจะเป็นประโยชน์กับพี่ธีร์มากกว่า”

เมื่อเห็นเขามองมีดพกที่เธอมอบให้อย่างสนใจ พิมพกานต์จึงพูดต่อ

“ส่วนรอยตรงด้ามมีดที่พี่ธีร์กำลังมองอยู่ มันเป็นรูปต้นข้าวค่ะ ข้าวให้คุณลุงสลักให้ มันจะได้เป็นเหมือนตัวแทนของข้าว เวลาพี่ธีร์หยิบมีดมาใช้ หรือมองมันพี่ธีร์จะได้นึกถึงข้าว” พูดเองก็เขินเอง จนต้องเสมองไปทางอื่น

“ขอบคุณนะครับ” ว่าจบก็รวบเอาเอวบางของคนตัวเล็กเข้ามากอด ก่อนจะก้มลงกดจูบหนัก ๆ ที่หน้าผากมน

“หน้าผากข้าวช้ำหมดแล้วค่ะ” หลังจากเขาผละออกพิมพกานต์ก็บ่นอุบ พร้อมกับลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ

“งั้นจูบอย่างอื่นแทนก็ได้ครับ”

“คะ?? ... อื้อออ” ทันทีที่ปากหนาของเขาเข้าครอบครองริมฝีปากบางของตัวเอง เธอก็เข้าใจทันทีว่าจูบอย่างอื่นที่เขาว่านั้นหมายถึงอะไร

ลิ้นร้อนไล่ควานหาควานหาความหวานในโพรงปากนุ่มที่ไม่ว่าจะเข้ามาลิ้มชิมกี่ทีก็ไม่รู้เบื่อ ก่อนจะผละออกอย่างเสียได้ ไล่ริมฝากปากหนามาดูดที่ต้นคอขาวหนัก ๆ หนึ่งทีเพื่อฝากรอยรัก สร้างความวาบหวามให้คนตัวเล็กไม่น้อย

“อาส์ พี่ธีร์” จูบอันร้อนแรง บวกกับจูบหนัก ๆ ที่ซอกคอส่งท้ายของเขา ทำเอาเธอแข้งขาอ่อนแรงในทันที หากมือไม่ได้เกาะที่บ่าของเขาไว้เพื่อเป็นหลักยึด เธอคิดว่าตัวเองคงได้ร่วงไปกองอยู่ที่พื้นแน่

“พอแค่นี้ก่อนครับ ไว้คืนนี้พี่เสร็จจากงานแล้วจะกลับมาต่อให้จบ”

“ข้าวจะรอนะคะ” พูดพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุ๊บปากเขาเบา ๆ แต่พอจะผละออกเขากับรั้งเอวบางของเธอเขาไปประชิดตัวก่อนจะจูบเธออีกรอบ สรุปแล้วเขาจูบเธอช้ำทั้งหน้าผากและปาก /// ก่อนที่เขาจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระและขอตัวไปทำงานเมื่อมันเริ่มจะสายแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel