บท
ตั้งค่า

16 เกือบไป

“พี่ธีร์ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ พี่ธีร์จะกลับมาหาข้าวตามที่สัญญาไว้ใช่ไหมคะ...ฮึก” รอนาน ๆ ก็พาให้คิดไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะคิดถึงเขา คิดถึงจนบางครั้งต้องนอนร้องไห้ เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเป็นได้ขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเธอขาดความรักจากแม่บัวมานาน พอมาเจอเขาหัวใจก็กลับมาเต้นแรง มีชีวิตชีวาอีกครั้ง

และยิ่งพอเขาขอแต่งงาน เราแต่งงานกันในแบบของเขา เธอก็เอาหัวใจตัวเองไปผูกไว้ที่เขา หวังให้เขาช่วยดูแลหัวใจดวงน้อยของเด็กกำพร้าคนนี้ พอมันเป็นแบบนี้เธอถึงรู้สึกเจ็บเพราะเขามาก แต่ก็รู้สึกดีเพราะเขามาก ๆ เช่นกัน

และสุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็นอนหลับไปพร้อมน้ำตาในที่สุด อย่างเช่นทุกค่ำคืนที่ผ่านมา .

เกือบรุ่งสางของวันใหม่ชายหนุ่มร่างสูงค่อย ๆ เดินฝ่าความมืดตรงไปยังบริเวณที่หญิงสาวร่างบอบบางนอนกอดตัวเองอยู่ ก่อนจะสอดตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน พร้อมกับดึงเอาเธอมากอด ด้านคนตัวเล็กเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นก็ขยับตัวเข้าหาทันที ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดตอบเขาเช่นกัน รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าราวกับว่ากำลังฝันดีอยู่

“หึ” .

“อ้ะ” คนที่กำลังขยับตัวตื่นตามเวลาปกติที่ตื่นเป็นประจำต้องร้องเสียงหลงในทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรแข็ง ๆ ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อตนกำลังนอนซบอยู่กับหน้าอกแกร่งเปลือยเปล่า ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อมองไล่ไปเรื่อย ๆ ก็เห็นว่าเป็นเขาคนที่เธอคิดถึงอยู่ตลอด ซึ่งเขาเองก็มองเธออยู่ก่อนแล้วเช่นกัน

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

“เมื่อคืนน่ะ”

“ทำไมไม่ปลุกข้าวล่ะคะ”

“พี่เห็นข้าวนอนหลับสบาย เลยไม่อยากกวน”

“แต่ถ้าวันหลังกลับมาต้องปลุกข้าวนะคะ รู้ไหมคะว่าข้าวเป็นห่วงพี่ธีร์มากแค่ไหน ข้าวถามป้าสาย ป้าสายบอกว่าคนงานที่ขึ้นไปเก็บรังนกกลับมาตั้งแต่เช้ามืดแล้ว แต่ตอนเช้าข้าวก็ยังไม่เห็นพี่ธีร์กลับมา ข้าวนั่งทำกับข้าว นั่งรอพี่ธีร์จนดึกดื่นค่ำมืด พี่ธีร์ก็ยังไม่กลับมา ฮึก ยิ่งเฟื่องบอกว่างานที่พี่ธีร์ทำอันตรายมาก ๆ รู้ไหมคะว่าข้าวเป็นห่วงมากแค่ไหน ฮือ ๆ”

“พี่ขอโทษ ไว้วันหลังพี่จะปลุกเรานะ ไม่ร้องนะครับ” มือหนายกขึ้นลูบหลังให้เธอ พร้อมกับตบเบา ๆ เพื่อปลอบขวัญ

“งั้นข้าวไปทำข้าวเช้าให้พี่ธีร์กินดีกว่าค่ะ” หลังจากถูกชลธีปลอบจนเริ่มสงบลงแล้วพิมพกานต์ก็ว่าขึ้น

“พี่ธีร์ขึ้นเขาไปหลายวัน คงจะไม่ได้ทานอาหารอร่อย ๆ แน่เลย” ว่าจบก็เตรียมจะลุกขึ้น แต่กลับถูกเขารวบเอวไว้ให้ล้มลงบนอกแกร่งของเขา ก่อนที่เขาจะพลิกตัวคร่อมเธอไว้แทน

“พี่หิวข้าว”

“ข้าวรู้แล้วค่ะ ข้าวก็กำลังจะไปทำกับข้าวให้พี่ที่ไงคะ อื้อ” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี ริมฝีปากบางก็ถูกเขาฉกฉวยไปจูบเสียแล้ว เขาจูบเธออยู่นานกว่าจะยอมผละออก น้ำลายสีใสยืดเป็นทางยาว แต่เขากลับเอาแต่มองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ข้าวนี้ต่างหาก” นิ้วแกร่งชี้ไปที่คนตัวเล็กที่อยู่ใต้ร่าง

“ตะ แต่นี่ยังเช้าอยู่เลยนะคะ”

“เราจะผิดสัญญาหรอ” สายตาคมที่ใช้มองเธอวูบไหวน้อย ๆ ราวกับว่ากำลังตัดพ้อเสียใจ ก่อนจะพูดต่อ

“คุณธีร์ใช้งานพี่เสร็จพี่ก็รีบมาหาข้าวเลยนะ ข้าวยังจะใจร้ายกับพี่อีก พี่เสียใจนะ”

“แต่ว่าเราต้องไปทำงานนะคะ” เห็นสีหน้าและแววตาของเขาแล้วเธอก็ปฏิเสธไม่ลง แต่ทว่าก็ไม่อาจให้สิ่งที่เขาต้องการได้เช่นกัน เพราะเราทั้งคู่ต่างมีหน้าที่การงานที่ต้องทำ

“ไม่นานครับ พี่สัญญา” พูดพร้อมกับค่อย ๆ สอดมือเข้าไปในชายเสื้อคอกระเช้าสีเข้มของหญิงสาวใต้ร่าง ชุดที่เธอใส่มันง่ายต่อเรื่องอย่างว่าเป็นอย่างมาก ผ้าถุงดึงไม่กี่ทีก็หลุด เสื้อนี่ก็เหมือนกัน เลิกขึ้นไม่กี่อึดใจก็หลุดแล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจพี่ธีร์เลยค่ะ” พูดจบก็หันหน้าหนีเขาด้วยความเขินอาย ก่อนที่ความรู้สึกแปลก ๆ จะเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเขาเริ่มสัมผัสลูบไล้ที่หน้าท้องแบนราบของตน มือหยาบค่อย ๆ ไล่มาเรื่อย ๆ ก่อนจะกอบกุมเนินเนื้อนุ่มด้านบนที่ไร้สิ่งใดห่อหุ้มเพราะคนตัวเล็กนั้นโนบรา

ยิ่งง่ายสำหรับเขาไปใหญ่ พร้อมกับอีกมือที่สอดเข้าไปใต้ผ้าถุงเพื่อรุกล้ำเนินเนื้อสามเหลี่ยมด้านล่าง

ความคับแน่นที่สัมผัสได้ทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เพราะเขาไม่เคยเชื่อตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเธอไม่เคยผ่านมือชายใดมา

“พ พี่ธีร์คะ ข้าวเจ็บ อ๊า” พอพูดบอกเขาไปแบบนั้น ยอดอกสีหวานก็ถูกปากหนาของเข้าเข้าครอบครอง เขาดูดดึงราวกับทารกหิวนมแม่ก็ไม่ปาน ส่วนนิ้วร้าย ก็ค่อย ๆ ขยับเข้าไปในร่องรักแสนขับแน่นช้า ๆ

ด้านชลธีนั้นเขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่กลายร่างเป็นซาตานร้ายกลืนกินหญิงสาวตรงหน้า

“ดีขึ้นไหมครับ” ชลธีถามเสียงทุ้ม

“ดีขึ้นแล้วค่ะ มันไม่ค่อยเจ็บแล้ว” ตอบคำถามเขาไปหน้าก็แดงไป ทำไมเขาถึงได้ถามตรง ๆ แบบนี้กันนะ

“งั้นต่อไปจะเป็นของจริงแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มมีอารมณ์ด้วยบ้างแล้วชลธีก็เริ่มเผด็จศึกในทันที เขาเบื่อที่จะมาเล้าโลม เพราะท่าทีเสแสร้งไร้เดียงสาของผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน

“หนูข้าว หนูข้าวตื่นรึยังนี่ป้าสายเองนะ”

“พ พี่ธีร์คะมีคนมาค่ะ” แขนเรียวยกขึ้นผลักเขาออกอย่างอัตโนมัติก่อนจะดึงเอามาห่มมาคลุมกายไว้

ก๊อก ก๊อก

“หนูข้าวเปิดประตูให้ป้าหน่อย” ด้านคนที่อยู่ข้างนอกก็คอยเคาะประตู พร้อมกับส่งเสียงเรียกไม่หยุด เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจากคนข้างใน

“พี่ธีร์ไปหลบอยู่ในห้องน้ำก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวข้าวจะออกไปเอง” เมื่อสถานการณ์มันคับขันแบบนี้มีเพียงอย่างเดียวที่เธอนึกออก

“อย่างนั้นก็ได้ครับ” คนที่ยังไม่อยากให้ความลับถูกเปิดเผยก็ปฏิบัติตามโดยง่าย เพียงแต่รู้สึกหงุดหงิดเท่านั้นที่มันไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่การกระทำของเขากลับทำให้เธอคิดไปอีกทาง คิดว่าเขาคงจะไม่พอใจ หรือไม่ก็โกรธเธอเป็นแน่ที่อยู่ ๆ ก็หยุดขึ้นมากลางคันแบบนี้ แต่จะให้เธอทำยังไงได้ก็สถานการณ์มันเป็นแบบนี้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนั้น เมื่อป้าสายยังเคาะประตูไม่หยุด

ลับหลังร่างสูงของเขาไปแล้วเธอก็รีบหยิบเอาเสื้อและกางเกงชั้นในที่ถูกเขาถอดออกไปตอนไหนก็ไม่ทราบมาสวมใส่ทันที ก่อนจะหยิบเอาผ้าคลุมสีหวานมาคลุมไหล่ไว้ เพราะตอนนอนเธอนั้นโนบรา ตอนเกือบจะมีอะไรกับเขาเมื่อครู่ทำให้เขารุกล้ำเธอได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะติดนิสัยตอนอยู่คนเดียวแท้ ๆ ทำให้ไม่ค่อยได้ระวังตัว อีกอย่างเขาก็ไม่อยู่หลายวัน ทำให้เธอชะล่าใจ แต่จะให้ทำไงได้ ก็โนบรามันสบายกว่านี่นา

“หนูข้าว อยู่รึเปล่าลูก” เมื่อเรียกหลายครั้งแล้วก็ยังเงียบ ทำให้สายหยุดคิดเป็นอย่างอื่น

“อยู่ค่ะป้าสาย” ประตูบ้านเล็กถูกเปิดออก พร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า

“ทำไมป้าเรียกถึงไม่ตอบล่ะลูก”

“คือว่า...พอดีข้าวถ่ายหนักอยู่ในห้องน้ำน่ะค่ะเลยไม่ได้ยิน”

“ว่าแต่ป้าสายมาหาข้าวแต่เช้ามีธุระอะไรรึเปล่าคะ”

“วันนี้จะมีเรือขึ้นฝั่งน่ะจ้ะ เมื่อวานป้าก็ลืมบอกหนูข้าวไป”

“ได้กลับบ้านสักทีเนอะ” สายหยุดว่าอย่างยิ้ม ๆ ในที่สุดหญิงสาวแสนสวยที่หลงถิ่นก็จะได้กลับบ้านแล้ว เสียดายที่คุณธีร์ไม่ได้เห็นหนูข้าวคนนี้

“เอ่อ ป้าสายคะ...คือข้าวไม่อยากกลับบ้านแล้วค่ะ ข้าวอยากอยู่ที่นี่ต่อ...ป้าสายจะว่าอะไรไหมคะ” ถ้ากลับบ้านตอนนี้เท่ากับว่าเธอทิ้งพี่ธีร์ของเธอไว้ที่นี่ ทิ้งความสุขและหัวใจของตัวเองไว้ ทั้งยังผิดสัญญาที่มีต่อเขา ว่าจะอยู่ที่นี่กับเขาสร้างครอบครัวด้วยกัน แล้วแบบนี้เธอจะกลับบ้านได้อย่างไร หากกลับไปเธอก็อยากให้เขาไปกับเธอด้วย

“ทำไมหรอจ้ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า หรือว่ามีคนขู่อะไรหนูข้าวของป้า ไม่ให้หนูข้าวของป้ากลับบ้าน บอกป้าได้นะ ป้ายินดีช่วย”

“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือว่า...ข้าวคิดว่าข้าวตกหลุมรักที่นี่แล้วน่ะค่ะ”

“ป้าสายจำได้ไหมคะ ที่ข้าวเคยเล่าให้ฟัง” พิมพกานต์พูดพลางดึงมือของสายหยุดมากุมไว้ ก่อนจะพาสายหยุดไปนั่งที่ม้านั่งหน้าบ้าน

“เรื่องที่หนูเรียนอยู่กรุงเทพมาก่อนน่ะหรอจ้ะ” มีเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นที่เธอจำได้ว่าหนูข้าวหอมนั้นเล่าให้เธอฟัง แต่ว่ามันเกี่ยวอะไรกับการไม่กลับบ้านกันล่ะ

“ใช่ค่ะ อย่างที่ป้าสายรู้ว่าข้าวหอมเรียนที่กรุงเทพและอยู่ที่นั่น ก่อนจะเกิดเรื่องเข้าใจผิดจนได้มาอยู่ที่นี่” เมื่อเห็นว่าป้าสายนั้นดูจะตั้งใจฟังเธอจึงเล่าต่อ

“อยู่ที่กรุงข้าวหอมเรียนคหกรรมค่ะ ข้าวหอมมีความฝันว่าอยากเป็นเชฟ อยากทำอาหารอร่อย ๆ ให้คนอื่นได้ทานและตอนนี้ความฝันข้าวหอมก็เป็นจริงแล้วค่ะ ข้าวหอมได้ทำงานอยู่โรงครัว ได้ทำอาหารอร่อย ๆ ให้คนงานทาน...”

“แต่ว่าถ้าหนูข้าวกลับไปเรียนป้าว่าหนูอาจจะได้เป็นเชฟโรงแรมดังเลยนะ แบบนั้นไม่ดีกว่าหรอลูก” เป็นเชฟโรงแรมดังทำอาหารให้คนมากหน้าหลายตากิน ทั้งยังได้ทำเมนูหลากหลาย ต่างจากเป็นเชฟโรงครัวที่นี่เป็นไหน ๆ มีแต่อาหารง่าย ๆ บ้าน ๆ พื้น ๆ

“ดีกว่ามันก็ดีกว่าค่ะ...แต่ถ้ากลับไปเรียนข้าวต้องอยู่คนเดียว...แม่ข้าวพึ่งเสียไปเมื่อปีก่อนค่ะ”

“ที่จริงแล้วข้าวเป็นเด็กกำพร้า แต่ว่าแม่บัวรับข้าวไปเลี้ยง ข้าวถึงได้มีโอกาสเติบโต ได้รับการดูแลเอาใจใส่ เลี้ยงดูอย่างดีจากแม่บัว แล้วก็ได้รับความรักที่เหมือนรักจากแม่จริง ๆ เหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป”

“ตั้งแต่เด็กข้าวโหยหาความรักมาตลอด พอมีแม่บัวทุกอย่างในชีวิตของเด็กกำพร้าคนนึงก็เริ่มดีขึ้น แต่พอแม่บัวเสียไปข้าวก็เหมือนเด็กไม่รู้จักโต โหยหาความรัก อ้อมกอดอุ่น ๆ เหมือนอ้อมกอดของแม่บัว” พอเล่ามาถึงตรงนี้ก็เริ่มน้ำตาคลอ เธอนับถือป้าสายเป็นเหมือนคนในครอบครัวคนนึง เพราะแบบนี้มันเลยทำให้เธอกล้าเล่าเรื่องราวในอดีตของตัวเองให้ป้าสายฟัง

“แต่ตอนนี้ข้าวเจอมันแล้วค่ะ คนที่นี่น่ารักใจดี เหมือนครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งของข้าว โดยเฉพาะป้าสาย...ฮึก มันทำให้ข้าวไม่อยากกลับไปอยู่คนเดียวอีก... ป้าสายจะว่าอะไรไหมคะถ้าข้าวจะขออยู่ที่นี่”

หมับ

“โธ่ หนูข้าว” พอได้ยินพิมพกานต์เล่าเรื่องราวในอดีตมาแบบนี้แล้ว สายหยุดก็ไม่อาจอยู่เฉยได้อีก มือเหี่ยวย่นดึงเอาร่างบางของหญิงสาวตรงหน้ามากอดทันที ก่อนจะลูบหลังเบา ๆ

“ถ้าคิดถึงแม่ อยากกอดแม่ ก็ถือว่าป้าเป็นแม่อีกคนของหนูก็แล้วกันนะลูก”

“ขอบคุณนะคะป้าสาย ขอบคุณที่เข้าใจข้าว”

“งั้นวันนี้เราขึ้นฝั่งไปทำบุญตักบาตรกันดีไหมลูก หนูเคยบอกป้าหนิว่าชอบทำบุญ” หลังจากกอดปลอบกันสักพักสายหยุดก็พูดขึ้น

“ถ้าขึ้นฝั่งไปจะมีที่ให้ทำบุญตักบาตรด้วยหรอคะ” พอได้ยินเรื่องทำบุญดวงตากลมสวยก็เป็นประกายทันที ไม่ต่างอะไรจากทำอาหารเลยแม้แต่น้อย ทำให้สายหยุดนึกเอ็นดูไม่ได้ ‘เด็กคนนี้จะทำให้เธอเอ็นดูไปถึงไหนนะ’

“ใช่จ้ะ แต่ว่าป้าก็ไม่ค่อยไปบ่อยนักหรอก ป้าแก่แล้วนั่งเรือนาน ๆ ก็ปวดเมื่อย... แต่เพื่อหนูข้าววันนี้ป้าจะไปตักบาตรเป็นเพื่อนหนูต้อนรับชีวิตใหม่บนเกาะดีไหมจ้ะ”

“ขอบคุณนะคะป้าสาย ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปแต่งตัวเถอะจ้ะ เดี๋ยวข้าวของตักบาตรป้าจะเป็นคนเตรียมไว้เอง”

“ถ้าเสร็จแล้วก็ไปหาป้าที่บ้านนะ ป้าจะพาเดินไปท่าเรือ”

“ได้ค่ะ”

หลังจากส่งป้าสายกลับบ้านไปแล้วพิมพกานต์ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างบางรีบวิ่งพรวดเข้าบ้านทันที ก่อนจะตรงดิ่งไปยังห้องน้ำที่มีใครบางคนหลบซ่อนอยู่ แต่ทว่าพอเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็พบกับความว่างเปล่า...เขาไม่อยู่แล้ว

“หายไปไหนนะ...หรือว่าจะโกรธ...” หัวใจดวงน้อยปวดหน่วงขึ้นมาในทันที เมื่อคิดว่าเขาจะโกรธเคือง ไม่พอใจ พร้อมกับคิดไปต่างๆ นานา อีกว่าจะทำให้เขาไม่รัก .

ส่วนคนที่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ใจ เจ้าตัวนั้นกลับยืนรับลมสบาย ๆ อยู่ริมระเบียง พร้อมกับแก้วไวน์ในมือ

“มีอะไร” เสียงเข้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทที่เดินเข้ามา

“คนของเรารายงานว่าลูกน้องของไอจิรเมธมาป่วนเปี้ยนแถวป่าหลังเกาะครับ” พอเห็นนายหัวหนุ่มอยู่ในโหมดนิ่ง ๆ สีหน้าเรียบ ๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ หมอกก็ไม่กล้าพูดทีเล่นทีจริง เข้าประเด็นในทันที จากในตอนแรกจะมาแซวเรื่องพิมพกานต์ก็ต้องพับโครงการไว้

“หึ เมื่อไหร่พวกมันจะฉลาดกันสักที” การมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่เกาะของเขามันคิดว่าเขาหูหนวกตาบอดมากหรือไง

“แล้วนายหัวจะจัดการยังไงดีครับ”

“คืนนี้เตรียมคนให้พร้อม กูจะไปสั่งสอนเด็กอมมือสักหน่อย”

“ครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel