บท
ตั้งค่า

15 ใจคนรอ

ค่ำคืนฉลองแต่งงานจบลงด้วยการนอนจับมืออย่างที่ชลธีบอก เพราะนอกจากจับมือแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเธออีก ทำเอาพิมพกานต์มีความรู้สึกต่อเขามากขึ้นไปอีก แล้วพอตื่นมาในตอนเช้าพบว่าเป็นตัวเองที่เป็นฝ่ายกอดเขาก่อนก็เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไหน ทำให้ต้องลุกหนีเขาออกมาทำกับข้าวก่อน โดยที่ยังปล่อยให้เขานอนต่อ เพราะเขาบอกว่าพึ่งกลับมาจากทำงานก็คงจะเหนื่อยน่าดู เธอไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของเขา

ด้านชลธีหลังจากที่เธอลุกไปแล้วเขาเองก็ลุกเช่นกัน รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าก่อนจะเดินออกจากบ้านไปวิ่งออกกำลังอย่างที่ชอบทำ กล้ามเนื้อแน่น ๆ ที่หน้าอกขยับขึ้นลงเวลาออกวิ่ง เหงื่อเม็ด ๆ เริ่มเกาะตามร่างกายเมื่อชายหนุ่มร่างสูงกำยำออกกำลังกายเป็นเวลานาน ตั้งแต่พระอาทิตย์กำลังขึ้น จนตอนนี้เริ่มสองแสงให้ความร้อนแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยดเขายังคงวิ่งไปรอบ ๆ เกาะ เสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ทำให้ชายหนุ่มชะลอความเร็วแต่ก็ไม่ได้หันไปมอง ก่อนจะว่าขึ้นเสียงเรียบ

“มีอะไร”

“ขยันจังเลยนะครับ แต่งงานวันแรกก็ออกวิ่งแล้ว เมื่อคืนหมดแรงก่อนหรอครับ” เพราะนายหัวเริ่มพูดมากขึ้น ทำให้หมอกกล้าแซว แต่ก็เฉพาะตอนที่อยู่ใกล้ ๆ กับพิมพกานต์เท่านั้นที่นายหัวเขาจะพูด ถ้าอยู่ที่อื่นก็จะเงียบขรึมเหมือนเดิม

“หึ”

“ถึงเช้ากูก็ยังไหว ไปถามเธอนู่น”

“ไปถามก็ความแตกกันพอดีสิครับ”

“เหอะ”

“คืนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม”

“เรียบร้อยดีครับ แต่ว่านายจะขึ้นไปกับพวกคนงานด้วยจริง ๆ หรอครับ”

“ใช่ มีปัญหาอะไร”

“ผมก็คิดว่านายจะนอนกอดเมียอยู่บ้านสบาย ๆ ซะอีก”

“หึ”

“ก็น่าสนใจ แต่ไม่ล่ะ ออกไปเก็บรังนกดีกว่า”

“โหนาย ถ้าเป็นผมนะ มีเมียสาว มีเมียสวยขนาดนี้ ผมจะนอนอยู่บ้านกอดเธอทั้งวันเลย ไม่เอาแต่ทำงานแบบนายหรอก”

“พูดมาก มึงคิดว่ากูจะกอดคนที่ฆ่าพี่ชายกับพี่สะใภ้กูลงรึไง”

“เอ่อ...ผมขอโทษ”

“ช่างมันเถอะ”

“แล้วนายจะไปไหนครับ” หมอกเอยถาม เมื่อวิ่งมาได้สักระยะ ชลธีก็เปลี่ยนเส้นทาง

“กลับบ้าน กูหิวข้าว!” พูดจบก็วิ่งหายไปทางกลับบ้านทันที ปล่อยให้ลูกน้องคนสนิทอย่างหมอกได้แต่มองตาม

“จะเป็นไปได้ไหมครับ ที่นายกับคุณข้าวจะลงเอยกัน...” ข้าวหอมก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร แถมบางครั้งที่เขาคอยตามแอบดูเพื่อรายงานเรื่องราวของเธอให้กับนายหัว เธอก็ดูเป็นคนจิตใจดีด้วยซ้ำ เข้าวัดทำบุญ แม้แต่หมาข้างทางไม่มีเจ้าของบางครั้งเธอก็ยังซื้อตับปิ้งไปฝากมัน แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงได้ทำกับนายใหญ่แบบนั้น...

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันว่ะ ไอหมอกหัวจะปวด”

...

“พี่ต้องขึ้นเขาไปเก็บรังนกนะ อาจจะใช้เวลาหลายวัน ข้าวอยู่คนเดียวได้รึเปล่า” ชลธีเอ่ยบอกหญิงสาวที่ยืนมาส่งเขาไปทำงานหน้าบ้าน

“มันอันตรายไหมคะ”

“กลัวเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาวหรอครับหืม?” ว่าจบก็ก้มตัวลงจุมพิตหน้าผากมนแผ่วเบา

“ไม่เอาไม่พูดแบบนั้นสิคะ ข้าวเป็นห่วงนะคะ ถ้าเป็นงานอันตรายพี่ธีร์ก็ระวังตัวนะคะ พระคุ้มครองค่ะ”

“ขอบคุณครับ พี่จะกลับมาหาข้าวอวัยวะครบสามสิบสองแน่นอน”

“พี่ธีร์สัญญาแล้วนะคะ”

“ครับพี่สัญญา”

“ไว้ข้าวจะทำอาหารไว้รอนะคะ”

“แล้วก็...” ประโยคหลังเธอเขย่งตัวกระซิบที่ข้างหูเขา ก่อนจะกลับมายืนดังเดิม แต่ประโยคนั้นกลับทำคนฝังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยทีเดียว

“สัญญาแล้วนะครับ”

“ค่ะ”

“งั้นพี่จะรีบกลับมาทวงสัญญา”

“ข้าวจะรอนะคะ อื้ออ” พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงหวานก็ถูกกลืนหายไป จากการกระทำของคนตัวสูง เขาจูบเธออยู่นานกว่าจะยอมผละออก

“กำลังใจเต็มเปี่ยมเลยครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ยืนหน้าแดงอยู่

“คนบ้า! ทำอะไรก็ไม่รู้ ถ้ามีคนเห็นเข้าจะทำยังไงคะ”

“เห็นก็ดีสิครับ เขาจะได้รู้กันว่าเมียพี่มีเจ้าของแล้ว”

“แต่แถวนี้ก็ไม่ค่อยมีคนผ่านนี่คะ” เธอมาอยู่เกือบเดือนแล้วน้อยมากที่จะเห็นใครผ่านมาทางนี้ เหมือนกับว่าบ้านหลังน้อยของเธออยู่หลังสุดท้ายของบ้านพักคนงาน เลยทำให้ไม่ค่อยเดินมาก็เป็นได้

“หึ” เหตุผลที่ไม่ค่อยมีคนผ่านมาไม่มีใครรู้ดีเท่าชลธีอีกแล้ว เพราะแถวนี้ถือเป็นเขตห่วงห้ามของเขาเลยก็ได้

“อยู่คนเดียว ก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย” ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบหัวคนตัวเล็กเบา ๆ

“ค่ะ พี่ธีร์ก็เหมือนกันนะคะ”

หลังจากนั้นสองสามีภรรยาก็ยืนล่ำลากันต่ออีกหน่อย ก่อนที่ชลธีจะขอตัวไปก่อน เพราะว่าเริ่มจะสายแล้ว ส่วนพิมพกานต์เองเธอก็ต้องไปเช่นกัน

...

“เธอเป็นใคร” เสียงทุ้มเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทระหว่างยืนมองชลธีพูดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่ง

“เห็นว่ามาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้วครับ แต่เรื่องรายละเอียดผมไม่ทราบ”

“มึงก็ไปสืบมาสิวะ! อยู่ใกล้ชิดกับมันแบบนี้กูว่าต้องไม่ธรรมดาแน่”

“ครับ”

“ผมลองไปถามคนแถวนี้มาแล้วครับ ไม่ค่อยมีใครรู้รายละเอียดของเธอ รู้แค่ว่าเธอมาอยู่ที่นี่เมื่อตอนต้นเดือน ทำงานอยู่ที่โรงครัวเมื่อสองสัปดาห์ก่อน เธอไปกลับแค่ที่ทำงานกับที่บ้านเท่านั้นนอกนั้นก็ไม่ได้ไปให้ ส่วนคุณธีร์เหมือนจะไม่มีใครรู้ครับว่าไปมาหาสู่กับเธอ” หลังจากไปสืบมาจนพอได้ความแล้วก็รีบมารายงานเจ้านายทันที

“ความสัมพันธ์ลับ ๆ สินะ”

“แล้วหน้าตาของเธอล่ะ ทำให้ไอธีร์ไปหาเช้าเย็นได้แบบนี้คงต้องไม่ธรรมดา” วันนั้นเขาแอบมองจากระยะไกลทำให้เห็นอะไรไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่รู้ร่างนั้นถูกใจเขามากเลยทีเดียว หน้าตาก็คงจะไม่ทำให้เขาผิดหวังเหมือนกัน เพราะขนาดชลธีไปหาเช้าเย็นแบบนี้แล้วก็คงไม่ธรรมดา

“นี่ครับ รูปของเธอ” ว่าจบก็ส่งมือถือที่ไปแอบถ่ายหญิงสาวที่อยู่กับชลธีให้เจ้านายดู

“สวยไม่เบานี่หว่า ไม่น่าไอชลธีถึงได้ไปหาเช้าเย็นแบบนี้”

“แต่สวย ๆ แบบนี้อยู่เป็นคนงานในครัวคงจะเสียดายแย่”

“นายหมายความว่าไงครับ”

“หึ มีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำอีกแล้วสินะ” ด้านผู้เป็นนายนั้นไม่ยอมตอบคำถามของลูกน้อง มีแต่รอยยิ้มร้ายที่ปรากฏบนใบหน้าและคำพูดแปลก ๆ เท่านั้น

...

“นายหัวจะเก็บเองจริง ๆ หรอครับ”

“มีปัญหาอะไร” พูดจบก็หันไปติดไฟฉายคาดหัว พร้อมทั้งอุปกรณ์สำหรับโหนและโรยตัวต่อ

“มันอันตรายนะครับ”

“แล้วพวกนายทำมันไม่อันตรายรึไง” ชลธีว่าเสียงดุ เวลาที่เขาจะทำเหล่าคนงานมักเป็นห่วงเขาทุกที ทั้งที่เขาก็ทำแบบนี้อยู่ตั้งหลายครั้ง

คนในนี้ก็มีแต่คนที่คุ้นเคยกันทั้งนั้น ลูกน้องทำอันตรายแน่นอนว่าเจ้านายอย่างเขาก็ต้องเป็นห่วง เพียงแต่การแสดงออกของเขาไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเท่าไหร่นัก แต่เขาเชื่อว่าลูกน้องของเขาสัมผัสมันได้ เพราะงั้นไม่พากันเป็นห่วงเขาอยู่ตลอดแบบนี้หรอก

“พวกผมรู้ครับ แต่ว่าถ้านายหัวบาดเจ็บหรือเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะดูแลที่นี่ต่อละครับ นายหัวรออยู่ข้างล่างก็พอครับ ข้างบนที่มันอันตรายพวกผมจัดการเอง”

“หรือไม่นายหัวก็ใช้ตาจอบเก็บข้างล่างก็ได้ครับ” ลูกน้องอีกคนเอยเสริม ตาจอบเหล็กที่ว่าก็คือ ไม้ยาวติดเหล็กงุ้มด้านบน ซึ่งใช้สำหรับแซะรังนกออกจากถ้ำ เพื่อไม่ให้มือเราสัมผัสกับรังนก หรือผนังของถ้ำ เพราะการที่เราสัมผัสกับผนังของถ้ำหรือบริเวณที่นกนางแอ่นจะสร้างรังนั้น อาจทำให้กลิ่นของเขาติดอยู่ได้ ซึ่งจะเกิดผลเสียตามมา ก็คืออาจจะทำให้นกนางแอ่นไม่มาทำรังบริเวณนั้นอีกเพราะสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยผิดแปลกไป

เพราะงั้นการดูแลสถานที่ทำรังของนกนางแอ่นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และแน่นอนว่านายหัวหนุ่มชลธีผู้ดูแลที่นี่เขาใส่ใจกับสิ่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะหากนกนางแอ่นไม่กลับมาทำรังที่นี่แล้ว จะมีรังนกที่ไหนให้เก็บสร้างรายได้

“เชื่อพวกผมเถอะนะครับนายหัว” เมื่อยังเห็นว่านายหัวหนุ่มไม่สนใจในสิ่งที่ตนพูดรั้นแต่จะขึ้นไปเก็บด้านบนด้วยกันให้ได้ พวกเขารู้ดีว่านายหัวนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของเขามากแค่ไหน ประกันชีวิตนายหัวก็ทำให้ บ้านพักก็มีให้อยู่อาศัยถ้าใครไม่มีบ้านอยู่ จะพาลูกเมียมาอยู่ด้วยก็ยังได้ หรือใครมีบ้านอยู่ที่ฝั่ง จะกลับฝั่งไปอยู่บ้านแล้วค่อยมาทำงานแค่ฤดูเก็บรังนกก็ได้นายหัวก็ไม่ได้ว่าอะไร

คนงานที่เกาะเอื้องดาวต่างรู้ดีว่านายหัวชลธีนั้นไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่เรื่องราวในอดีตนั้นใจร้ายกับนายหัวมากเกินไปเท่านั้น ต้องสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่ยังเด็ก ต้องใช้ชีวิตอยู่กับพี่ชายด้วยกันสองคนมาตลอด... แต่ชีวิตยังเล่นตลกกับนายหัวเขาไม่พอ เมื่อสี่ปีก่อน...นายหัวชลธารครอบครัวเพียงคนเดียวของนายหัวชลธี และคุณกานต์สิริเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์

จากที่เป็นคนเก็บตัวอยู่แล้วก็เพิ่มทวีคูณมากขึ้นไปอีก บ้างก็หงุดหงิดอารมณ์ร้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ลงกับลูกน้องของตัวเอง นายหัวจะเอามันไปลงกับไอพวกเลว ๆ ที่มาคอยคนยาเสพติดมาซุกซ่อนไว้ในถ้ำนกนางแอ่นที่หนีตำรวจเท่านั้น ใครไม่เคยเห็นซาตาน ก็รอดูนายหัวตอนจัดการกับพวกนั้นเอาเถิด

“พวกมึงนี่มัน!”

“นะครับนายหัว” หมอกเองก็ช่วยพูดเช่นกัน ถ้าเกาะนี้ขาดชลธีไปคงจะไม่มีเกาะเอื้องดาวที่สวยงามให้ได้เห็นอีกแล้ว

“เออ ๆ เอาตาจอบมา”

“ครับ ๆ”

...

การเก็บรังนกแต่ละครั้งนั้นใช้เวลาเจ็ดถึงแปดวัน ทำให้หญิงสาวที่นั่งรอคนรักด้วยความคิดถึงน้ำตาซึม... บ้างก็เป็นห่วงเขาจนนอนไม่หลับ จากที่ถามจากป้าสายแล้วการเก็บรังนกนั้นอันตรายมาก หากตกลงมาแล้วยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ดวงหน้าหวานเศร้าสร้อยเอาแต่คอยเหม่อมองประตูบ้านอย่างใจจดใจจ่อ นับวันคืนรอเขาว่าเมื่อไหร่จะมานี่ก็เข้าวันที่เก้าแล้ว ก็ยังไม่เห็นกลับมาหา ในใจนึกคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าเขาจะได้รับอันตราย

แต่เธอก็ไม่มีความกล้าพอที่จะถามถึงเขาจากป้าสาย ทำให้ได้แต่รอเขาอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ แต่เมื่อรอนานเข้าความกล้าก็ค่อยสะสมขึ้นเรื่อย ๆ หากว่าคืนนี้เขายังไม่กลับมาก็จะครบเก้าวันพอดี และเช้าวันที่สิบเธอจะไม่มัวแต่กลัวอะไรอีกแล้ว เธอจะถามป้าสายและเฟื่อง เพราะก่อนจะเลิกงานเธอถามป้าสายถึงคนที่ขึ้นไปเก็บรังนก ป้าสายบอกว่ากลับมาถึงตั้งแต่เช้ามืดแล้ว แต่ตอนนี้ก็ค่ำมืดแล้ว...ทำไมเขายังไม่กลับมาหาเธออีก มีอะไรเกิดขึ้นกับเขารึเปล่า...

“พี่ธีร์ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ พี่ธีร์จะกลับมาหาข้าวตามที่สัญญาไว้ใช่ไหมคะ...ฮึก”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel