บท
ตั้งค่า

14 ฉลองแต่งงาน

“ไหนดูสิ วันนี้ทำอะไรให้พี่กินบ้าง” ชลธีร้องถามคนที่เดินตามหลังเขามาเงียบ ๆ ใบหน้าหวานดูหม่นลงน้อย ๆ ราวกับว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่ แต่เขาก็ทำเมินราวกับว่าไม่สนใจ

“มีปลากะพงผัดขึ้นฉ่ายค่ะ ปลาหมึกนึ่งมะนาว อันที่จริงข้าวอยากทำปลาหมึกผัดไข่เค็มแต่ว่าข้าวไม่มีไข่เข็ม...” พิมพกานต์นั่งลงที่พื้นตรงข้ามชลธีก่อนจะพูดอธิบาย

“แล้วก็แกงส้มใส่กุ้งแชบ๊วย พี่ธีร์จะได้ซดน้ำร้อน ๆ แล้วก็มีปูนึ่งจิ้มน้ำจิ้มค่ะข้าวแกะให้แล้ว..ส่วนนี้ก็กุ้งขาวอบเกลือธรรมดา ๆ ค่ะ ยังไม่แกะเดี๋ยวข้าวแกะให้”

“หืม กุ้งอบเกลือ?”

“ใช่ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” ใบหน้าคล้ายคนสงสัยของชลธี ทำให้พิมพกานต์อดที่จะสงสัยตามไม่ได้

“ข้าวบอกว่าอบ แต่ที่บ้านหลังน้อยนี่ไม่มีเตาอบนะพี่ว่า” ถ้าไปทำที่บ้านหลังใหญ่ของเขาก็ว่างไปอย่าง แต่เขาก็นอนอยู่ที่เปลข้างบ้านตลอด ก็ไม่เห็นว่าเธอจะออกไปพ้นบริเวณบ้าน นอกจากยืนรอเขาอยู่หน้าบ้าน

“ข้าวใช้กระทะค่ะ”

“กระทะหรอ?”

“ใช่ค่ะกระทะ ใส่กุ้งที่ดึงเอาเส้นดำออก แล้วล้างทำความสะอาดดี ๆ ลงไปในกระทะ จากนั้นก็เทน้ำเปล่าผสมเกลือลงไป เอาฝาหม้อมาปิดรอให้น้ำเดือด หรือจนกว่ากุ้งจะสุกพอดี แต่อย่าสุกเกินนะคะ มันจะไม่นุ่มเด้ง ไว้วันหลังข้าวจะสอนพี่ธีร์ทำดีไหมคะ” พอพูดเรื่องอาหารแววตาก็สุกใสขึ้นมาในทัน พร้อมกับอธิบายบอกเขาอย่างฉะฉาน

“แต่ว่าฝีมือการทำอาหารของพี่แย่มากนะ จะเรียกติดลบเลยก็ได้ ข้าวจะสอนไหวหรอ”

“ไหวค่ะ แค่นี้สบายมาก”

“หึ เมียใครน่ารักจัง”

“พี่ธีร์! เรายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อยมามงมาเมียอะไรกันคะ”

“เราแต่งงานกันแล้วครับ...นี้ไงของแทนใจจากพี่” ว่าจบก็หยิบเอาสร้อยไข่มุกเม็ดเล็กสีขาวชั้นดีออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะชูขึ้นให้เธอได้เห็น

“พี่ใส่ให้นะ”

ด้านคนที่เห็นเขาชูสร้อยไข่มุกแสนสวยออกมากก็หูอื้อตาหลายทันที รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาใส่ให้เสร็จแล้ว

“สวยจังเลยค่ะ” ไข่มุกเม็ดเล็กสีขาวสม่ำเสมอทั้งเม็ด ทั้งผิวเรียบเนียนมันวาว พอต้องแสงไฟในห้องแล้วก็เป็นประกายสีชมพูก่อนสวยงาม ในบางมุมก็ดูจะเหลือบสีรุ้งเบา ๆ เธอคิดว่าหากมันถูกแสงอาทิตย์ตกกระทบจะต้องสวยกว่านี้มาก ๆ แน่

“ไข่มุกสวย ๆ ก็ต้องเหมาะกับคนสวย ๆ ไงครับ”

“ปากหวานจังเลยนะคะ” พิมพกานต์พูดบอกเขา ทั้ง ๆ ที่มียังคงจับสร้อยไข่มุกที่เขาสวมให้ มันเหมือนความฝันเลย เธอไม่คิดว่าเธอจะได้เจอความรักดี ๆ เร็วแบบนี้ ไม่เคยคิดเลย

“หวานไม่หวานต้องถามคนลองชิมแล้วล่ะครับว่าหวานไหม”

“พี่ธีร์!”

“หึ”

“พี่ธีร์ให้ไข่มุกสวย ๆ มีค่านี้กับข้าว... แต่ข้าวไม่มีอะไรให้พี่ธีร์เลย ข้าวขอโทษนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ขอแค่ข้าวยอมรับในตัวพี่ แต่งงานกับพี่ ยอมอยู่ที่นี่กับพี่ ทำอาหารอร่อย ๆ ให้พี่กินแค่นี้พี่ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

“พี่ธีร์...” พิมพกานต์เอ่ยเรียกเขาเสียงเบาทันที ทำไมเขาถึงได้แสนดีกับเธอขนาดนี้กันนะ

“ข้าวมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย ไว้ถ้าได้กลับบ้านข้าวจะซื้อแหวนให้พี่ธีร์สักวงก็แล้วกันนะคะ พี่ธีร์มีของให้ข้าวแล้ว ข้าวก็อยากให้อะไรพี่ธีร์เป็นตัวแทนข้าวเหมือนกัน”

“ตามใจข้าวเลยครับ งั้นเรามาทานมื้อค่ำกันเถอะ พี่อุตส่าห์ใช้เงินเก็บที่มี ซื้อของดี ๆ มาฉลองงานแต่งงานของเราเลยนะ”

“ฉลองงานแต่งงานเสร็จแล้ว...ต่อไปก็...” ชลธีส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าน้อย ๆ จนเธอได้แต่นึกสงสัยว่าเขาจะทำอะไรต่อ

“ต่อไปก็อะไรคะ” รอยยิ้มแปลก ๆ ของเขาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะถาม

“เข้าหอไงครับ”

“ระ เรื่องนั้น...ข้าวขอโทษนะคะ แต่วันนี้ข้าวว่าข้าวยังไม่พร้อม” พอพูดถึงเรื่องนี้พิมพกานต์ก็รีบหลบสายตาของเขาทันที

“ยังไม่พร้อม...ไม่เป็นไรครับพี่เข้าใจ มันก็ต้องทำใจกันบ้างถ้าจะต้องมารักมาชอบ มามีอะไรกับผู้ชายจน ๆ แบบพี่”

“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ข้าวไม่ได้รังเกียจอะไรพี่ธีร์เลย” พอได้ยินน้ำเสียงตัดพ้อของเขา พิมพกานต์ก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดกับเขาทันที

“เพียงแต่ว่า แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไรครับ”

“คือว่า คือว่าข้าวยังไม่เคยค่ะ ข้าวไม่รู้ว่ามันต้องทำยังไง ฮรือ”

ว่าจบก็ยกมือขึ้นปิดหน้าหนีเขาด้วยความเขินอาย เรื่องใต้สะดือ เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง อีกอย่างถึงจะอยากมอบมันให้กับเขาในวันนี้ เธอก็ทำไม่ได้อยู่ดี

“ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติครับ...” มือหนาค่อย ๆ จับมือบางที่ยกขึ้นบิดหน้าตัวเองออก ก่อนจะเชยคางมนให้เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา

“เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน...ถ้าข้าวทำไม่เป็นพี่จะสอนข้าวเอง”

"ตะ แต่วันนี้ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ"

“ทำไมครับ ทำไมถึงเป็นวันนี้ไม่ได้” คนที่อยากจะเผด็จศึกเธอเต็มทนแล้วเริ่มมีน้ำโหทันที เมื่อเธอเอาแต่เล่นตัวยึกยักไปมา คิดว่าการแสดงแค่นี้มันจะตบตาเขาได้รึไง

“ข้าวเป็นวันนั้นของเดือนค่ะ! เรามีอะไรกันไม่ได้”

“ครับ?” คนที่ชอบอยู่แต่เกาะ เก็บตัวเงียบ และห่างหายจากผู้หญิงไปนาน แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามทันที ที่คนตัวเล็กพูดจบ

“ข้าวเป็นประจำเดือน...เรามีอะไรกันตอนที่ข้าวเป็นประจำเดือนไม่ได้” ถึงจะไม่เคยเรื่องอย่างว่ามาก่อน แต่เรื่องนี้เธอก็พอจะรู้ว่าการผ่าไฟแดงนั้นมันอันตราย...และนี่ก็คือเหตุผลที่เธอปฏิเสธเขา ทั้ง ๆ ที่จะไม่พูดเรื่องนี้แล้วเชียวแต่เขาก็คาดคั้นเอาจนได้ จากระหว่างทางที่เดินกลับมายังบ้านหลังน้อย โดยมีเขาเดินนำทางมาเธอขบคิดเรื่องนี้ตลอดทาง

สรุปสุดท้ายก็ได้ความว่าเธอจะมอบมันให้กับเขา แต่ทว่าระหว่างกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ก็รู้สึกถึงอะไรอุ่น ๆ ที่ไหลอยู่ตรงหว่างขา

พอก้มลงมองก็รู้ได้ในทันทีว่าเกิดขึ้นอะไรกับตัวเอง...ถึงว่าตอนที่เขาไม่อยู่เธอถึงอารมณ์อ่อนไหว คิดถึงเขามากแปลก ๆ

“แล้วทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรกล่ะครับ” มือหนายกขึ้นลูบหัวว่าที่เมียอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพูดต่อ

“งั้นวันนี้เรานอนจับมือกันเฉย ๆ ก่อน วันไหนข้าวพร้อมเราค่อยเป็นสามีภรรยากันตามพฤตินัยนะครับ ส่วนนิตินัยคงต้องรอเราขึ้นฝั่งไปพร้อมกัน...และเราต้องไปเอาเอกสารของข้าวที่บ้าน”

“ข้าวรอได้รึเปล่า...”

“ถ้าเป็นพี่ธีร์ข้าวรอได้ค่ะ นานแค่ไหนข้าวก็รอได้” ว่าจบก็ขยับตัวไปโอบกอดเขาไว้ทันที เขายังคงน่ารักกับเธอเสมอ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอหลงรักเขาได้อย่างไรกัน

“งั้นเรากินข้าวกันดีกว่า มีแต่ของน่าทาน ๆ ทั้งนั้นเลย” ว่าจบก็ผละหญิงสาวที่กอดตนอยู่ออก ให้นั่งข้าง ๆ กัน แต่แขนก็ยังกอดเอวบางไว้หลวม ๆ

“เดี๋ยวค่ะ ยังกินไม่ได้” เห็นเขาเอื้อมมือไปจะหยิบก้ามปูที่เธอจัดเรียงไว้ในจานอย่างสวยงาม ฝ่ามือบางก็ฟาดไปที่แขนของเขาอย่างอัตโนมัติ

เพี้ยะ

“ตีพี่ทำไมครับ พี่เจ็บนะ” ว่าจบก็มือลูบแขนที่ถูกตีเบา ๆ

“จะกินข้าวก็ต้องล้างมือก่อนสิคะ” ทุกครั้งที่ทานด้วยกันส่วนใหญ่จะใช้ช้อน อันนั้นเธอพออะลุ่มอล่วยให้ได้ แต่วันนี้จะกินกุ้งกินปูอาจจะต้องใช้มือ เธอยอมไม่ได้จริง ๆ

“มาค่ะ ข้าวล้างมือให้” ว่าจบก็เอื้อมไปหยิบกะละมังที่ใส่น้ำเตรียมไว้มาวางไว้ใกล้ ๆ ก็จะจับมือเขามาใส่กะละมัง มือบางค่อย ๆ ลูบไล้มือเขาเพื่อทำความสะอาด ก่อนจะนำผ้าแห้งมาเช็ดให้อย่างใส่ใจ พอทำให้เขาเสร็จแล้ว ก็หันมาล้างให้ตัวเองบ้าง

ด้านชลธีก็ได้แต่มองหญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจ ในการกระทำของเธอ มันเป็นสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมา หรือเป็นตัวตนจริง ๆ ของเธอกันแน่ แต่ถ้าเป็นตัวตนจริง ๆ ทำไมเธอทิ้งหนีความผิด ทั้ง ๆ ที่เธอก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไร ทำไมเธอทิ้งหนี ทิ้งให้พี่ชายและพี่สะใภ้เขาตายอย่างน่าสงสาร...หึ คงจะแสร้งทำสินะ

“พี่ธีร์ข้าวเจ็บ”

“พี่ขอโทษ เมื่อกี้คิดอะไรเพลินไปหน่อย” คนที่เอื้อมมือไปบีบแขนเธออย่างไม่รู้ตัวรีบเอ่ยขอโทษทันที ก่อนจะส่งยิ้มให้แล้วพูดต่อ

“เรามากินข้าวกันเถอะ ส่วนแขนเดี๋ยวพี่หายามาทาให้นะ”

“ค่ะ”

“ดูซิ น่ากินทุกจานเลย วันนี้พี่ต้องอิ่มมากแน่ ๆ”

“งั้นก็เอาให้พุงกางเลยนะคะ” หลังจากนั้นสองสามีภรรยาหมาด ๆ ก็ลงมือทานมื้อค่ำแสนพิเศษร่วมกัน โดยที่พิมพกานต์คอยดูแลเรื่องอาหารการกินของเขาเป็นอย่างดี กุ้งเธอก็แกะให้เขา ปูเธอก็ดึงก้ามที่เหลืออยู่ออก แคะมันที่อยู่ส่วนกระดองให้เขา พร้อมกับราดน้ำจิ้มให้ รวมถึงอาหารอื่น ๆ ด้วยที่เธอตักให้เขา เหลือแต่ป้อนเท่านั้นที่เธอ

ไม่ได้ทำให้ ส่วนชลธีเมื่อมีคนดูแลดีแบบนี้เขาก็กินอย่างมีความสุข เติมข้าวถึงสามรอบ และเมื่อรู้สึกดีก็มีบ้างที่เขาจะตักอาหารให้เธอและป้อนเธอ

นี่จึงเหมือนมื้อค่ำที่แสนหวานสำหรับคู่รักแต่งงานใหม่เลยทีเดียว

หลังจากทานมื้อค่ำแสนอร่อยกันเสร็จแล้วพิมพกานต์ก็ยกถังน้ำมาล้างมือให้เขาอีกครั้ง ก่อนที่จะเป็นชลธีที่ชวนเธอไปเดินเล่นริมหาดด้วยกันเพื่อให้อาหารย่อย

“ที่นี่อากาศดีจังเลยนะคะ”

“ถ้าชอบก็อยู่ที่นี่กับพี่นะ”

“ถ้าไม่ให้ข้าวอยู่ที่นี่กับพี่ธีร์แล้วจะให้ข้าวไปอยู่ไหนคะ”

“ไม่รู้สิ วันหนึ่งข้าวอาจจะเบื่อพี่แล้ว หรือไม่อาจจะไปมีความรักครั้งใหม่ ใครจะไปรู้ล่ะ ไอพี่มันก็คนบ้าน ๆ ไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองอะไรมากมาย ที่จะดูแลเมียให้สุขสบายอย่างคนอื่นเขาได้...”

“ไม่เอาค่ะ อย่าพูดแบบนั้นอีกนะคะ ข้าวรักที่หัวใจพี่ธีร์ค่ะ ไม่ได้รักทรัพย์สินเงินทองของพี่ธีร์ซะหน่อย อีกอย่าง...ข้าวเองก็ไม่ได้เกิดจากครอบครัวที่ร่ำรวยอะไรพี่ธีร์เองก็รู้ ข้าวเป็นเด็กกำพร้าที่โชคดี มีแม่บัวรับมาเลี้ยงดูเท่านั้น”

“ถ้าอย่างนั้นสัญญากับพี่นะครับว่าจะอยู่ที่นี่ ไม่หนีพี่ไปไหน”

“ค่ะข้าวสัญญา” พูดพร้อมกับยกนิ้วก้อยขึ้นเพื่อขอเกี่ยวก้อยกับเขา ชลธีเองเห็นแบบนั้นก็ยกนิ้วก้อยขึ้นเกี่ยวกับเธอเช่นกัน

“ดึกแล้วพี่ว่าเข้าบ้านกันดีกว่า อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

“ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel