ตอนที่ 6 ท่านถูกพิษ
บาร์ตันมองภรรยาด้วยสายตาที่แปลกไป เหตุใดวันนี้นางถึงได้มองเขาด้วยสายตาเย็นชาเช่นนี้ จริงอยู่ว่าเขาไม่เคยทำดีต่อภรรยา แต่สำหรับนางไม่ใช่ ตั้งแต่แต่งภรรยาเข้ามานางทำดีกับเขามาโดยตลอด เอาใจสารพัด แม้เขาจะไม่เคยพูดจาดีด้วยเลยสักครั้ง ยกเว้นอยู่ต่อหน้าลูกและคนที่บ้านใหญ่
“อย่าทำเป็นรู้ดี”
“อาการหายใจเหนื่อยหอบ มึนงงศีรษะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีผื่นขึ้นทั่วทั้งร่างกาย ผิวหนังดำคล้ำ… เช่นนี้ท่านคิดว่าจะอยู่ได้นานสักเท่าใด” ตั้งแต่เขาปรากฏตัวนางก็เฝ้าสังเกตอาการของสามีตลอดและจดจำคำพูดของเขาเมื่อตอนหัวค่ำได้เป็นอย่างดี
“เจ้า…” เขาพูดอะไรไม่ออก เมื่ออาการที่เขาเป็น ภรรยาสามารถบอกออกมาได้หมด
“ในเมื่ออยู่ก็ตายรักษาก็ตาย สู้ท่านลองรักษาไม่ดีกว่าหรือ” ถ้าอยากตายนางก็จะไม่แยแส ถึงแพทย์อยากรักษาแต่คนไข้ปฏิเสธแล้วจะมีประโยขน์อันใดกัน ถ้าใจคนไข้ต่อต้านการรักษาก็ยากจะเห็นผล
ร่างสูงเพรียวเดินอ้อมไปที่นอนฝั่งของตน หยิบผ้าห่มขึ้นมาสะบัดเบา ๆ แล้วเหยียดกายลงนอนคว่ำ ถึงตอนนี้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน ตอนกลางวันอากาศอบอุ่น แต่หลังจากดวงตะวันเข้านอนแล้วอากาศก็เย็นเยียบลงทันที ทุกครัวเรือนจึงต้องจุดเตาผิงทุกคืน
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกำลังปิดลงเสียงคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ จึงเอ่ยขึ้น “ข้าจะลองเชื่อเจ้าสักครั้ง แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้เป็นโรคติดต่อ”
มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วยันกายลุกขึ้นเดินไปหาเขา “ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้ามั่นใจ” บาร์ตันมองภรรยาด้วยสายตาที่หลากหลายความรู้สึก ในขณะที่ทุกคนกลัวเขาแต่นางกลับทำราวกับว่าเขาไม่ได้ป่วย ทั้งที่ก่อนหน้าเขาไม่เคยสนใจนางเลยแม้แต่น้อย “บอกอาการของท่านมาอีก ยิ่งมากยิ่งดี” การแพทย์ของที่นี่ยังไม่พัฒนา ดังนั้นการตรวจหาโรคจึงเป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่นางจะใช้ประสบการณ์การทำงานกว่ายี่สิบปีมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
“ปวดหลัง หายใจไม่สะดวก อ่อนเพลียคลื่นไส้ ปวดท้อง บางครั้งก็ท้องเสียร่วมด้วย”
มือเล็กขาวเนียนแตะลงบนชีพจรของสามี คิ้วเรียวข้างหนึ่งยกสูงขึ้น บาร์ตันมองหน้าภรรยาแล้วเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “ข้าเป็นอะไร”
ชีพจรของเขาปั่นป่วนมาก ในกายมีความร้อนค่อนข้างสูง เมื่อมั่นใจแล้วนางจึงกล่าวเสียงเรียบ “ท่านถูกพิษ”
“พิษอะไร” เขารีบถามด้วยความตื่นเต้น
“น่าจะพิษจำพวกโลหะหนัก” นางสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอลูมิเนียม
“ข้าจะถูกพิษได้อย่างไร”
“อาจจะสัมผัสหรือดื่มกินสะสมเป็นเวลานาน” ถึงมีมี่จะสงสัยว่าเขาได้รับพิษมาจากแหล่งใด แต่นางก็ยังวางใบหน้านิ่งเฉย
“เจ้าหมายความว่า…”
“มีคนต้องการให้ท่านเป็นแบบนี้”
“เหลวไหล ข้าเป็นถึงผู้พัน ผู้คนรักใคร่เอ็นดู แล้วใครจะคิดทำกับข้าเช่นนี้” เขาไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าจะมีคนคิดทำร้ายเขา
“ท่านนำกำลังทหารเป็นหมี่นเป็นพันออกไปรบ แต่กลับไว้ใจคนรอบข้างอย่างไร้ข้อกังขา ยศผู้พันท่านซื้อมาใช่หรือไม่” นางถามออกไปอย่างไม่เกรงกลัว
“บังอาจ!” เขาตวาดเสียงเกรี้ยวกราดที่นางกล้าด่าเขาทางอ้อม
“หรือไม่จริง ท่านคงยังไม่เคยโดนใครหักหลังสินะ” ไม่มีทางที่คนอย่างมีมี่จะให้ใครมากดหัว คิดว่าเป็นทหารแล้วจะวางอำนาจกับใครไปทั่วอย่างนั้นหรือ ผอมขนาดนี้จะเอาแรงที่ไหนมาฆ่านาง
“เจ้าไงที่เคยหักหลังข้า หรือเจ้าลืมไปแล้ว”
มีมี่ยืนคิดสักพักก็พอเข้าใจเรื่องที่นางเคยใช้ยาปลุกกำหนัดแล้วนอนกับเขาในคืนนั้น เหตุการณ์ผ่านมาเกือบสิบปีแล้วแต่เขาก็ไม่เคยลดระดับความโกรธลงเลย นางก็คงไม่หาคำใดมาแก้ตัวเพราะมีมี่คนเดิมทำเช่นนั้นจริง “อ้อ… ท่านก็รู้นี่ ว่าคนที่ไว้ใจร้ายที่สุด” เหมือนแม่เลี้ยงกับน้องสะใภ้ท่าน ไม่แน่อาจจะรวมไปถึงทุกคนที่อยู่ในบ้านใหญ่
เฮ้อ! ทำไมต้องให้นางมาอยู่ร่วมกับครอบครัวแบบนี้ด้วยนะ
“แล้วเจ้าจะรักษาข้าด้วยวิธีใด” เรื่องมีคนคิดปองร้าย บาร์ตันยังไม่ปักใจเชื่อคำของภรรยานัก อย่างไรก็ต้องมีหลักฐานเสียก่อน
ตอนนี้ทางเลือกของนางก็มีไม่มากนัก หากเป็นที่ที่นางจากมานางคงเลือกรักษาด้วยวิธีการทำคีเลชั่น แต่ตอนนี้คงต้องรักษาโดยการ…“ฝังเข็มลดปวด กินคลีน และใช้สมุนไพรเข้าช่วย” ส่วนหนึ่งที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของเขาบกพร่องคงเกิดจากการกินเนื้อสัตว์อย่างเดียวติดต่อกันเป็นเวลานาน ร่วมกับพิษที่ได้รับเข้าไปสะสมเป็นเวลานาน จึงทำให้มีผื่นพิษขึ้นทั่วทั้งร่างกาย เช่นนั้นแล้วเขาจะต้องกินผักและผลไม้มากขึ้นเพื่อกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
บาร์ตันมีสีหน้าหนักใจเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องฝังเข็ม คิ้วเข้มขมวดแน่นก่อนถามออกไป “กินคลีนคืออะไร”
“อาหารที่ปรุงแต่งน้อยที่สุด เน้นผักผลไม้และธัญพืชเป็นหลัก”
“แต่ข้าไม่กินผัก” เขาทำหน้ายุ่งยากใจ
“ถึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้”
“เจ้า…”
“พรุ่งนี้ข้าจะเข้าตลาดไปเตรียมของมาสำหรับทำอาหารให้ท่าน” ว่าจบนางก็ห่มผ้าให้เขา “อีกอย่างท่านต้องดื่มน้ำมาก ๆ ร่างกายจะได้ขับสารพิษออกมา”
“มากเท่าใด”
“ดูจากน้ำหนักตัวแล้วก็น่าจะประมาณสักวันละสามลิตร”
“สามลิตร?” ปกติดื่มแค่สามขวดเล็กก็มากแล้ว นี่ต้องดื่มถึงสามลิตรเชียวหรือ
“อือ” นางตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน หันไปมองยาลูกกลอนและขวดน้ำดื่มของเขาแล้วจึงพูดขึ้น “น้ำกับยานี้ข้าขอนะ ท่านไม่จำเป็นต้องกินมันอีก”
“เจ้าจะเอาไปทำอะไร” ยานี้เขากินติดต่อกันมานานเกือบปี เพราะกินแล้วมันช่วยลดอาการปวดหลังได้ แต่พอหยุดกินมันก็ปวดอีก
“หาต้นเหตุของพิษ”
ดวงตาคมเข้มกระตุกเมื่อนางเอ่ยเช่นนั้น หากในน้ำกับยาที่เขากินทุกวันมีสารพิษแล้ว… คิดมาถึงตรงนี้เขาก็ปวดศีรษะอย่างรุนแรงจนต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น
ทั้งสองนอนกันคนละฝั่งที่มีผ้าม่านสีขาวกั้นและมีหมอนข้างอีกหนึ่งใบ คืนนี้มีมี่ต้องนอนคว่ำทั้งคืนเพราะตอนนี้แผ่นหลังของนางกำลังปวดตึงและมีน้ำเหลืองปนเลือดไหลซึมออกมา ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเองแล้วก็หลับไปในที่สุด