ตอนที่ 5 ข้ายอมตาย
เด็กแฝดทั้งสองถือตะกร้าอาหารเดินตามหลังมารดาที่เข็นรถเข็นของพ่อไปตามถนนที่ลาดปูด้วยหิน สองข้างทางเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และดอกไม้ป่าหลากสี ถึงบาร์ตันจะไม่เต็มใจให้ภรรยาเข็นรถให้แต่ก็ต้องจำยอม เพราะแรงแขนเขามีไม่มากพอ
“พวกเจ้ากินไปก่อนเถอะ ข้ายังไม่หิว อีกอย่างเจ้ากับลูกก็ไม่ต้องมาใกล้ข้าหรอก” เขาบอกภรรยาเมื่อเข้ามาในบ้าน
“กินด้วยกันเถอะ อย่างไรท่านก็ต้องกินยาไม่ใช่หรือ”
“ท่านพ่อกินด้วยกันเถอะ พวกเราไม่ได้กินอาหารด้วยกันมาเกือบสองปีแล้วนะเจ้าคะ”
บาร์ตันเห็นแววตาอ้อนวอนของลูกสาวลูกชายก็ใจอ่อน แม้ทั้งสองอายุเพียงเก้าขวบแต่ปีนี้บาร์ตันก็รู้สึกว่าลูกโตขึ้นมาก “เช่นนั้นก็รีบจัดโต๊ะเถิด”
“เจ้าค่ะ” มีมี่เดินไปหยิบจานเปล่าในครัวแล้วนำมาวางลงตรงหน้าทุกคน ในจานมีมีด ช้อน และส้อม จากนั้นคีบเนื้อย่างให้แก่พวกเขาคนละชิ้นใหญ่ ตรงกลางโต๊ะมีซอสหนึ่งถ้วยวางอยู่ เมืองลาซานประชากรส่วนใหญ่บริโภคเนื้อสัตว์กับแป้งเป็นอาหารหลัก ส่วนน้อยที่จะกินข้าวกับผักและผลไม้ เพราะอาหารจำพวกนั้นมีราคาค่อนข้างสูง ผัก ผลไม้ และธัญพืชต่าง ๆ นำเข้ามาจากเมืองอื่น ผู้คนจึงไม่นิยมกินกันมากนัก ครอบครัวของนางก็เป็นเช่นนั้น
ลูกทั้งสองกินเนื้อย่างจนหมดจาน ส่วนสามีกินไปแค่สามสี่คำก็อิ่ม
“เนื้อไม่อร่อยหรือเจ้าคะ” โนร่าถามพ่อด้วยความเป็นห่วง
“อร่อยแต่ข้าอิ่มแล้ว” เห็นดวงตากลมใสแป๋วของลูกที่มองมา เขาก็อยากเข้าไปกอดเหมือนทุกครั้งแต่ก็ทำได้เพียงมองเท่านั้น ได้กลับมาอยู่บ้านแต่ไม่อาจเข้าใกล้ใครได้ “ข้าไปพักผ่อนก่อนนะ” เขาเดินทางเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ไหนต้องมารับรู้เรื่องเลวร้ายของภรรยาอีก แล้วอย่างนี้จะเอากำลังใจที่ไหนมาสู้กับโรคภัย
ว่าแล้วก็ใช้มืออันอ่อนแรงเข็นล้อรถเข็นตัวเองเข้าห้องนอน
ลูกทั้งสองมองตามพ่อตาละห้อย ทั้งสงสารทั้งคิดถึงแต่ก็เข้าไปกอดไม่ได้
“ท่านแม่ ท่านพ่อจะหายไหมขอรับ”
“ข้าสงสารท่านพ่อ” โนร่าถามพลางน้ำตาเอ่อคลอเบ้า
“หายสิ อย่างไรท่านพ่อก็ต้องหาย” นางไม่รู้ว่าเขาป่วยเป็นอะไรแต่นางมั่นใจว่าเขาต้องหาย
“ท่านแม่พูดจริงหรือเจ้าคะ”
“จริงสิ ข้าไม่มีทางโกหกพวกเจ้า” นางยื่นมือไปลูบผมลูกทั้งสองคนด้วยความเอ็นดู นึกสงสารที่ต้องมาสูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก แถมพ่อยังป่วยอีก พวกเขามีความสูงที่ใกล้เคียงกัน โนร่ามีหน้าตาคล้ายพ่อ ส่วนชาร์ลีมีใบหน้าคล้ายกับนาง แต่โดยรวมแล้วก็สวยหล่อทั้งคู่ หน้าตาเด็กทั้งสองคล้ายกับตุ๊กตาอย่างไรอย่างนั้น
“ท่านแม่จะรักษาท่านพ่อหรือขอรับ” แววตาของเด็กทั้งสองมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“อืม!” ถ้าเขายอม
จัดเก็บจานช่วยแม่เสร็จแล้ว มีมี่จึงเดินไปส่งลูกในห้องนอน
“ท่านแม่ข้ากับท่านพี่จะช่วยทายาให้ท่านแม่” โนร่าพูดขึ้น มือน้อย ๆ กุมแก้มแม่ด้วยความสงสาร
มีมี่มองลูกทั้งสองด้วยสายตาอ่อนโยน ถึงนางจะไม่เคยมีลูกมีสามีมาก่อน แต่ในเมื่อชะตากำหนดมาแบบนี้แล้วก็ต้องยอมรับ นางจะเลี้ยงพวกเขาให้ดี
“แม่จะไปหยิบยามาให้พวกเจ้า” ดีเหมือนกัน ถ้าให้นางทายาเองทั้งหลัง มันคงลำบากไม่น้อย และตอนนี้ตัวนางก็เริ่มมีไข้แล้ว
ลูกทั้งสองยิ้มอ่อนให้ผู้เป็นแม่ พวกเขาชอบที่ตั้งแต่แม่ฟื้นขึ้นมาพวกเขายังไม่ได้ยินเสียงบ่นของแม่เลย
มีมี่ก้าวขาเข้ามาในห้องสามีหลังจากหายาแก้ปวดลดไข้กินเรียบร้อยแล้ว เขานอนปิดตาแน่นอยู่บนเตียงฝั่งหนึ่งที่มีผ้าม่านกั้นกลาง นับจากวันที่ทั้งคู่แต่งงานกัน พวกเขาก็นอนแบ่งเขตแดนกันเช่นนี้เรื่อยมา นางส่ายหน้าเล็กน้อย
นี่หรือชีวิตการแต่งงานของนางกับสามี ถ้ามีสามีแล้วต้องนอนแบบนี้ไม่มีดีกว่ากระมัง แล้วของอันล้ำค่าที่นางมีจะเก็บไว้ถ่ายเบาอย่างเดียวหรืออย่างไร
สายตาเหลือบมองขวดน้ำดื่มกับยาลูกกลอนที่วางอยู่คู่กันก็พอจะเดาได้ว่าเขากินยาแล้ว คงเป็นยากับน้ำดื่มที่พกติดตัวมาจากค่ายทหาร
นางเอื้อมมือไปจับแขนสามี ร่างนั้นเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเขาจึงสะบัดมือภรรยาออกอย่างแรง ที่เขาพูดดีกับภรรยาเมื่อตอนหัวค่ำก็เพราะไม่อยากให้ลูกรู้แค่นั้น ลับหลังลูกทั้งสองเขาก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำดีต่อนางอีก เพราะเขากับภรรยาจะคุยกันต่อหน้าลูกไม่บ่อยนัก สองปียังเจอหน้าครอบครัวแค่ไม่กี่ครั้ง
“เจ้าจะทำอะไร”
“ตรวจโรคให้ท่าน”
“ไม่ต้องมาแตะต้องตัวข้า” ยิ่งรู้ว่านางมีคนอื่นเขาก็ไม่อยากให้นางมาแตะต้องตัว บาร์ตันมองภรรยาด้วยสายตารังเกียจ เดิมทีก็ไม่เคยรักพอรู้ว่านางแอบคบชู้สู่ชายเขายิ่งขยะแขยง
นางอ้าปากจะเอ่ยว่านางก็ไม่อยากจะแตะต้องตัวเขานักหรอก แต่เขาก็ไม่เปิดโอกาส
“หมอที่เก่งกว่าเจ้าก็ระบุโรคข้าไม่ได้ นับอะไรกับเจ้าที่เป็นแค่หมอยาสมุนไพร” เขาเอ่ยวาจาหยามเหยียด หมอที่ตรวจโรคเป็นประจำยังพลาดได้นับประสาอะไรกับหมอที่เลิกทำอาชีพนี้ไปนานแล้วอย่างนาง ก่อนหน้ามีมี่เคยเป็นหมอสมุนไพรที่สามารถตรวจคนไข้โดยการจับชีพจรและฝังเข็มได้อย่างแม่นยำ ถึงนางจะค่อนข้างเป็นคนพูดตรงและโผงผางไม่เอาใจคนไข้ แต่ผู้คนในเมืองนี้ก็ให้ความเชื่อถือ แต่หลังจากข่าวเรื่องที่นางใช้ยาปลุกกำหนัดเพื่อแย่งสามีมาจากพี่สาว นับแต่นั้นเป็นต้นมานางก็ไม่สามารถทำอาชีพหมอได้อีกเลย
“ไม่ลองก็ไม่รู้” มีมี่กล่าวขึ้นเสียงเนือย ๆ นางรู้ว่าระหว่างมีมี่กับสามีไม่ได้มีความทรงจำที่ดีต่อกันนัก และมีมี่คนนี้ก็ไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ กับผู้ชายที่นอนอยู่ตรงหน้านี้เช่นกัน มีเพียงความปรารถนาดีที่อยากจะรักษาคนไข้เท่านั้น
“ข้ายอมตาย”
“เช่นนั้นคงไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ต่อจากนี้ ท่านจะได้ตายสมใจ” อาการของเขาดูแย่มากในสายตาของนาง หากไม่รีบรักษาเขาคงอยู่ได้อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน