บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 เสียเวลาเปล่า

ภายในห้องนอนลูกทั้งสามนอนหลับไปแล้ว ส่วนภรรยาลืมตาขึ้นมาตอนที่เขาเดินเข้ามาในมุ้งพอดี “ยังไม่หลับอีกเหรอ” เขาถามภรรยา พร้อมกับนั่งลงตรงปลายเท้าของเธอ

           “กำลังจะหลับแล้ว” อัจฉราตอบเสียงเบา ความจริงเธอนอนไม่หลับเพราะกังวลเรื่องลูก หลังจากที่เธอไม่อยู่บนโลกนี้แล้วลูกของเธอจะอยู่อย่างไร สมองเธอคิดไปสารพัดจนทำให้นอนไม่ค่อยหลับ ทุกคืนก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่สามีไม่เคยใส่ใจก็เท่านั้น ต่างจากวันนี้ที่เขาเดินเข้ามาถาม

           “พี่ขอคุยด้วยแป๊บนึงได้ไหม”

           “ว่ามาสิคะ” ร่างผอมบางค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น เอนกายพิงผนังห้องเบา ๆ แววตาดูอ่อนล้าเต็มที

           “พี่อยากพาเธอไปหาหมอ”

           หลายอึดใจกว่าอัจฉราจะเอ่ยออกมา “พี่มีเงินเหรอคะ”

           “เราเอาที่ห้าไร่ตรงนั้นไปจำนองกับธนาคารดีไหม” หลังจากนั้นเขาจะทยอยขายข้าวในมิติแล้วนำเงินไปใช้หนี้ ถึงจะเสียดอกเบี้ยแต่วิธีนี้ก็ปลอดภัยที่สุดแล้ว

           เธอส่ายหน้าน้อย ๆ “อย่าเสียเวลาเลยค่ะ เอาที่ไปจำนองก็เป็นหนี้ อีกอย่างพี่ทำงานคนเดียว ต้องหาเงินเลี้ยงฉันกับลูก ทั้งยังต้องหาเงินใช้หนี้แล้วพี่จะทำไหวได้ยังไง”

           คนตัวใหญ่ลอบถอนหายใจ คิดไว้ไม่ผิดจริง ๆ ว่าเธอต้องไม่ยอมแน่

           อัจฉราพูดขึ้นอีกครั้ง “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ขอแค่พี่ทำตามในสัญญาก็พอ” สัญญาฉบับนั้นก็คล้ายกับพินัยกรรม ข้อตกลงมีอยู่ว่า ชาญชัยต้องเลี้ยงดูลูกของเธอทั้งสามให้เติบใหญ่ จวบจนสตางค์ลูกสาวคนเล็กอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์เขาถึงจะมีสิทธิ์ในที่ดินสองไร่นั้น ส่วนลูกของเธอก็ได้คนละหนึ่งไร่ รวมเป็นห้าไร่ ส่วนที่ดินแปลงที่ปลูกบ้านมีพื้นที่อยู่หนึ่งไร่สองงาน เธอแบ่งให้เขากับลูกคนละหนึ่งงานเศษเท่า ๆ กัน และเมื่อเขาอยู่ครบตามสัญญาแล้ว ถึงเวลานั้นเขาจะอยู่หรือไม่อยู่กับลูกของเธอก็แล้วแต่ตามที่เขาต้องการ ที่ดินในส่วนของเขาจะเก็บไว้หรือขายออกไปก็ได้

ถ้าชาญชัยทำได้ตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ก็ยังถือว่าเขาขาดทุน เพราะเขาต้องเสียเวลาตั้งสิบสี่ปี เพื่อเลี้ยงดูลูกของเธอ แต่กลับได้สิ่งตอบแทนเพียงน้อยนิด แต่จะให้เธอทำอย่างไรในเมื่อสมบัติทั้งหมดของเธอมีอยู่แค่นี้จริง ๆ

“เรื่องสัญญาพี่รับปากว่าจะทำให้ได้ แต่ยังไงพี่ก็จะหาเงินมารักษาเธอให้ได้”

           “เสียเงินเสียเวลาเปล่า ๆ ค่ะ พี่อย่าเหนื่อยกับเรื่องของฉันเลย ยังไงในสัญญาก็ระบุไว้ว่าให้พี่มาเป็นพ่อเลี้ยงของลูกฉันไม่ได้ให้พี่มาเป็นสามี” ว่าจบอัจฉราก็เลื่อนกายลงนอนอย่างเงียบ ๆ

           เห็นท่าทางของภรรยาเหมือนไม่อยากคุยต่อเขาจึงลุกออกไปปิดไฟ แล้วคลานเข่าเข้ามาในมุ้งอีกฝั่งที่มีสายน้ำนอนอยู่ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ และหลับไปในเวลาไม่ถึงสามนาที อัจฉราแปลกใจเป็นอย่างมากที่วันนี้สามีเข้ามานอนในห้องนี้ด้วย เพราะตั้งแต่แต่งเข้ามาเขานอนแยกห้องกับเธอและลูกมาตลอด

แสนดีที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างน้องสาวกับน้องชาย ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืด เขาเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายคนนี้มาอยู่ที่นี่ในฐานะพ่อเลี้ยงเท่านั้น และเหตุผลที่แม่ไม่ไปหาหมอก็เพราะไม่มีเงินค่ารักษา

           เด็กชายตัวเล็กนอนน้ำตาไหลเอื่อย ๆ แต่ไร้สุ้มเสียง เมื่อคิดไปถึงตอนที่ไม่มีแม่อยู่ด้วยแล้ว

           เช้าวันถัดมาชาญชัยก็ยังตื่นขึ้นมานึ่งข้าวทำอาหารตามเดิม เมื่อเช้าเขาเดินไปบอกเฟื่องบ้านข้าง ๆ ว่าเมื่อวานแอบลักใบย่านาง ป้าแกเลยเอาฟักทองให้หนึ่งลูกโต ๆ บอกว่าลูกชายได้มาหลายลูกและมันก็อร่อยมากทั้งหวานทั้งมัน จึงอยากแบ่งให้เขากับลูกได้กิน วันนี้เขาจึงทำแกงอ่อมหมูใส่ฟักทองแบบไม่เผ็ด และทำหมูทอดอีกหนึ่งอย่าง

           ทำอาหารเสร็จก็มีคนในหมู่บ้านมาชวนไปเกี่ยวข้าวรับจ้าง ซึ่งชาญชัยก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาต้องรับจ้างให้ได้มากที่สุด เพื่อจะใช้เป็นข้ออ้างในการหาเงินไปรักษาภรรยา ทั้งที่ตอนนี้เขาอยากนำข้าวเปลือกไปขายแล้วพาเธอไปหาหมอให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำได้แค่คิด เขาต้องอดทนอีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น

           “ให้ผมไปรับจ้างเกี่ยวข้าวด้วยได้ไหมครับ” เมื่อคืนแสนดีร้องไห้แล้วก็ผล็อยหลับไป เขาสัญญากับตนเองว่าจะหาเงินช่วยพ่อเลี้ยง เพื่อพาแม่ไปรักษาตัว

           “ให้ผมไปด้วยนะครับ” สายน้ำร้องตามไปด้วย

           ชาญชัยหรี่ตามองเด็กทั้งสอง รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยเพราะปกติแสนดีไม่เคยอยากไปไหนมาไหนกับเขาเลย เขาเอ่ยออกด้วยความเป็นห่วง “อากาศมันร้อน อยู่บ้านกับแม่นี่แหละ” ถึงจะเป็นฤดูหนาว แต่พอสิบโมงเป็นต้นไปแดดก็เริ่มร้อนมากแล้ว เขาไม่อยากใช้แรงงานเด็ก ถึงแม้ตอนที่เขาอายุหกขวบก็เกี่ยวข้าวได้คล่องแล้ว

           “แต่ผมไม่ร้อนครับ ผมใส่หมวกก็ได้” แสนดียืนยันเสียงแข็ง อย่างไรวันนี้เขาต้องไปรับจ้างเกี่ยวข้าวให้ได้

           “ผมก็ไม่ร้อนครับ” สายน้ำก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

           ชาญชัยมองเด็กน้อยทั้งสองด้วยแววตาที่อ่านได้ยาก เขาเงยหน้ามองภรรยาเพื่อขอความคิดเห็น ภรรยาจึงพยักหน้าเบา ๆ “ให้พวกเขาไปด้วยเถอะค่ะ ถ้าพวกเขาเหนื่อยค่อยพักก็ได้ ยังไงก็คงทำไม่ได้นาน” อัจฉราคิดว่าลูกทั้งสองคงขยันได้แป๊บเดียว

           “แม่คะ ให้หนูไปด้วยได้ไหมคะ หนูอยากไปดูพี่ ๆ เกี่ยวข้าวค่ะ” สตางค์พูดขึ้นบ้าง

           แต่อัจฉรารู้ทันว่าลูกสาวคงอยากไปวิ่งเล่นมากกว่า เธอจึงไม่อนุญาต แต่ไม่ได้เอ่ยออกไปตรง ๆ “ถ้าสตางค์ไปแล้วแม่จะเล่นกับใครล่ะ” เธอกลัวว่าลูกสาวจะไปสร้างปัญหาให้กับชาญชัยจนเขาไม่มีเวลาเกี่ยวข้าว จึงไม่อยากให้ลูกสาวไปเกะกะ

           เด็กหญิงทำท่าคิดหนัก พูดออกเสียงอ่อย “งั้นหนูอยู่เล่นกับแม่ก็ได้ค่ะ”

           “อยู่กับแม่นะ ตอนเย็นพี่จะทำปี่มาฝาก” แสนดีทำไม่เป็นหรอก แต่เขาจะขอให้ลุง ๆ ป้า ๆ ที่ไปเกี่ยวข้าวทำให้

           “ค่ะ”

           ก่อนกินข้าวเช้าชาญชัยยังตักแกงอ่อมหมูใส่ฟักทองไปให้เฟื่องเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ เฟื่องมองคนตัวใหญ่ด้วยความแปลกใจ เพราะปกติชาญชัยจะไม่คุยกับเธอเลย ถึงแม้มองเห็นเธอยืนเก็บผักอยู่ริมรั้วก็ยังไม่เอ่ยถาม แต่วันนี้กลับเดินมาบอกว่าแอบเก็บใบย่านาง แถมยังเอาอาหารมาให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดูท่าทางอัธยาศัยดีคล้ายกับเป็นคนละคน

           “ขอบใจมากนะ”

           “ไม่เป็นไรครับ ป้าก็ให้ผมเหมือนกัน”

           เฟื่องเทแกงฟักทองใส่ถ้วยแล้วจึงเดินถือถ้วยมาคืนเขา เอ่ยถามอย่างห่วงใย “เอื้องเป็นยังไงบ้าง” คนในหมู่บ้านรู้กันทั่วว่าอัจฉราแต่งผู้ชายเข้าบ้าน ตอนแรกยังคิดว่าประหลาดคนเพราะไม่มีใครเขาทำกัน แต่พอรู้ถึงเหตุผลของเธอจึงเข้าใจ หัวอกคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ผัวขอหย่าเพราะให้ความสุขกับมันไม่ได้ อีกทั้งยังไร้ญาติขาดมิตร หากเป็นเธอก็คงทำเช่นนั้นเหมือนกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel