ตอนที่ 6 มีมิติเหมือนกันหรือนี่
ชาญชัยหยิบกระด้งสองอันมาวางใกล้ภรรยาพร้อมกับกระเป๋าย่าม อัจฉรากับลูกช่วยกันคัดหอยอยู่ใกล้ ๆ กับสามี วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเขาได้มีเวลาทำอะไรร่วมกันเช่นนี้ และเขาก็พูดกับเธอมากขึ้นด้วย ถ้าเธอไม่ได้ตาฝาดตอนที่เขาคุยกับเธอเหมือนดวงตาคมคายคู่นั้นจะมีแววสงสารเจืออยู่ในนั้นด้วยซึ่งเธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อคิดว่าเขาไม่ได้เย็นชาอย่างที่เธอคิด จากนั้นจึงตั้งใจคัดหอยต่อ หอยจำศีลพวกนี้ถ้าไม่เป็นแผลสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือน ถ้ามีมากก็ช่วยประหยัดค่าอาหารได้อีกหลายมื้อเลยทีเดียว
“เด็ก ๆ อยากกินลาบหมูเหรอ” ชาญชัยถามเด็กทั้งสาม
“ครับ/ค่ะ” เป็นเสียงของสายน้ำและสตางค์ที่ตอบออกมา แต่แสนดียังคงนั่งเงียบ แต่ชาญชัยก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะดูออกว่าแสนดีคงไม่ชอบเขาเท่าไร เด็กน้อยก็เป็นเช่นนี้ มีชายอื่นเข้ามาแทนที่พ่อแท้ ๆ ใครจะไปยอมรับง่าย ๆ อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่ตัวเขาเองถ้าพ่อหรือแม่แต่งงานใหม่ เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะทำใจยอมรับได้หรือไม่
เขาเอี้ยวหน้าไปถามภรรยา “วันนี้กินข้าวได้บ้างไหม”
“ตอนเช้าได้สองคำ ตอนกลางวันได้สามคำค่ะ”
“อืม ก็ยังดี” พูดจบก็หันไปสับหมูต่อ หมูที่ได้มาวันนี้มีเกือบสองกิโลกรัม หลังจากกินข้าวเสร็จเขาจะหมักเกลือไว้บางส่วนเพื่อทำหมูแดดเดียว และเก็บเนื้อติดมันไว้ทำพะโล้ให้ลูก ๆ
คืนนั้นหลังจากกินข้าวอิ่มแล้ว เขาเดินไปก่อไฟตรงลานด้านหน้าห้องน้ำ เพราะเมื่ออาบน้ำเสร็จจะได้รีบวิ่งมาผิงไฟ อากาศที่นี่ค่อนข้างหนาวจัด เขานั่งลงบนตั่งไม้ มือสองข้างยกขึ้นอังไฟที่กำลังลุกโชน ในหัวกำลังคิดว่าคืนนี้เขาต้องคุยเรื่องจำนองที่ดินกับภรรยาให้ได้ เพราะท้องของภรรยาก็โตขึ้นทุกวัน ในฐานะที่เขามาจากโลกอนาคต เขารู้สึกว่าเธออาจเป็นโรคร้ายยอดฮิตเหมือนกับในยุคที่เขาจากมา เพราะอาการของเธอมันฟ้องว่าอย่างนั้น ที่เขารู้ก็เพราะว่าพ่อของเขาก็คือหนึ่งในผู้โชคร้ายเหมือนกัน เขาจึงอยากเร่งหาเงินเพื่อพาเธอไปรักษา ยิ่งตรวจเจอเร็วเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสหายมากขึ้นเท่านั้น
ระหว่างที่กำลังคิดหาวิธีคุยกับภรรยาอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีแสงวูบวาบบางอย่างกระทบเข้ากับดวงตา เขาก้มลงมองวัตถุที่ห้อยอยู่ที่คอเมื่อกระทบกับเปลวไฟจึงทำให้เกิดแสง มือหยาบกร้านหยิบสร้อยที่ทำจากเชือกถักสีเหลืองขึ้นมาดู เขารู้สึกคุ้นเคยกับสร้อยเส้นนี้เป็นอย่างมาก
พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งจึงร้องอ๋อขึ้นมาคำหนึ่ง ใช่ ใช่แล้ว มันคือสร้อยที่พ่อของเขาให้ไว้ตอนวันเกิดเมื่อปีที่แล้ว ส่วนของจี้สร้อยคือไหลเขียว พ่อบอกว่า มันเป็นวัตถุมงคลที่ทำจากแร่น้ำพี้สีเขียว ซึ่งผู้คนมีความเชื่อว่าเป็นของขลังศักดิ์สิทธิ์ มีพลังในการป้องกันสิ่งชั่วร้าย เสริมดวงชะตาด้านโชคลาภ การค้าขาย และเมตตามหานิยม ไหลเขียวมีลักษณะเป็นก้อนแร่ที่มีความมันวาว และเชื่อว่ามีพลังคล้ายเหล็กไหล
ตอนนั้นเขาไม่อยากได้เพราะไม่เชื่อเรื่องอะไรพวกนี้ แต่ก็ยอมสวมติดตัวไว้เพราะไม่อยากให้พ่อเสียใจ มันอาจจะมาพร้อมกับตอนที่วิญญาณของเขาเข้ามาสวมอยู่ในร่างนี้ตอนที่โดนฟ้าผ่า
เขาใช้หัวแม่มือคลึงจี้สร้อยเบา ๆ ทันใดนั้นด้านหน้าของเขาก็ปรากฏห้วงมิติ ภายในห้วงมิติมียุ้งข้าวอยู่สองหลัง ด้านหน้ามีชื่อกำกับไว้ว่าเป็นข้าวเหนียวและข้าวจ้าว เขากวาดสายตามองไปรอบตัวเพื่อดูว่ามีคนเห็นเขาหรือไม่
เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงลองเปิดประตูยุ้งข้าวที่เป็นข้าวเปลือกเหนียวออกดู จากนั้นดึงออกมาหนึ่งกระสอบ ทันทีที่พื้นที่ด้านหน้าว่างลง จะมีข้าวเปลือกกระสอบใหม่ไหลลงมาแทนที่โดยเร็ว คล้ายกับเป็นระบบอัตโนมัติ ลักษณะกระสอบเป็นสีขาวล้วนไม่มีตราใด ๆ ทั้งสิ้น พอทดสอบยุ้งข้าวเปลือกจ้าวก็เป็นเช่นเดียวกัน เขามองดูด้วยดวงตาลุกวาว เช่นนี้ก็แสดงว่าเขาจะมีข้าวกินอย่างไม่จำกัดแล้วสิ
โอ้! มันช่างเป็นสิ่งอัศจรรย์เสียจริง นี่น่ะหรือคือของวิเศษที่คนส่วนใหญ่ทะลุมิติได้รับ คราแรกคิดว่าตนจะไม่มีตัวช่วยเสียแล้ว ขอบคุณสวรรค์ที่ยังเมตตา
ชาญชัยรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอยากมาก ความหวังที่จะพาภรรยาไปรักษาตัวก็มีมากขึ้นแล้ว มุมปากยกยิ้มขึ้นจาง ๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จก็รีบเดินเข้าในบ้านด้วยความดีใจ แม้แต่ความหนาวเขาก็ลืมไปจนสิ้นแล้ว มือข้างหนึ่งหอบผ้าห่มจากห้องที่ตนเคยนอนคนเดียวเดินเข้าห้องภรรยากับลูก
