บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 อดีตคนรัก

ดวงตาของมนธิราสว่างวาบขึ้น ก่อนหน้านี้เธอมัวแต่เสียใจ จนลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป “นั่นสิ ทำไมฉันถึงคิดไม่ได้นะ” มนธิราพึมพำออกมาเสียงเบา เหลือบมองอดีตคนรักคราหนึ่งแล้วจึงเอ่ยชวนเพื่อน “ขึ้นรถกันเถอะ” วันนี้เธอรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ที่จะได้มองหน้าอดีตแฟนหนุ่มทั้งวัน

           ชาญชัยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกอดีตคนรักจับตามองตลอดเวลา

           รถเกษตรจอดตรงเถียงนา คนงานทยอยลงจากรถแล้วแขวนห่อข้าวไว้กับต้นไม้ บางคนวางไว้บนเถียงนา มือถือเคียวแล้วเดินลงหน้างานเพื่อเกี่ยวข้าวทันที คนงานยี่สิบกว่าคนลงเกี่ยวข้าวครั้งละสี่แปลงพร้อม ๆ กัน

           มนธิราเก็บห่อข้าวเสร็จก็รีบเดินตามชาญชัยไปเช่นกัน วันนี้เธอต้องได้เกี่ยวข้าวข้างเขา เพราะตั้งแต่เขาแต่งงานไปเธอยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้าเขาเลย เหตุผลก็เพราะเขาไปรับจ้างทุกวัน ส่วนเธอก็ไปเกี่ยวข้าวที่นาตนเอง เสร็จแล้วก็ไปเกี่ยวข้าวช่วยญาติ ๆ จึงไม่มีเวลาเจอกัน วันนี้ช่างประจวบเหมาะเหลือเกิน

ชาญชัยเกี่ยวข้าวด้วยความชำนาญเพราะก่อนมาอยู่ที่นี่เขาก็เป็นลูกชาวนาเช่นกัน เพียงแต่ตอนนั้นครอบครัวของเขาฐานะดีกว่านี้มาก เพราะที่บ้านมีที่ทำกินกว่าห้าร้อยไร่ ทั้งปลูกข้าว ปลูกอ้อย และมันสำปะหลัง แต่ละปีมีทั้งข้าวเหนียวและข้าวจ้าวหลายสิบตัน คิดมาแล้วก็เศร้าใจที่ตายแล้วไม่สามารถเอาอะไรติดตัวมาได้เลย

           “พี่ชาญมาเกี่ยวข้าวเหมือนกันเหรอคะ”

           ชาญชัยหันขวับด้วยความตกใจเพราะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เขาย่นคิ้วหรี่ตาเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายคงไม่ทันสังเกต เพราะตอนนี้เขาใช้ผ้าขาวม้าคลุมหน้าจนมองเห็นแต่ดวงตาคมเข้ม แล้วสวมทับด้วยหมวกปีกที่สานด้วยไม้ไผ่ย้อมด้วยสีส้มอมแสด

           คนตัวใหญ่นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคืออดีตคนรักของเจ้าของร่างนี้จึงตอบอืมออกไปคำหนึ่ง แล้วหันไปตั้งใจเกี่ยวข้าวตรงหน้าต่อ ถ้ามองไม่ผิดถัดจากมนธิราน่าจะเป็นส้มจี๊ดเพื่อนของเธอ คิดแล้วก็น่าเห็นใจทั้งคู่ รักกันแต่ไม่อาจได้ครองคู่ แต่ในเมื่อเจ้าของร่างนี้แต่งกับคนอื่นแล้วก็คงไม่มีทางกลับไปหาคนเก่าได้อีก สำคัญกว่านั้นคือเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับผู้หญิงคนนี้

           “พี่เอื้องเป็นยังไงบ้างคะ” ทั้งที่รู้ว่าอาการของอัจฉราแย่ลง แต่เธอก็ยังเอ่ยถามตามมารยาท

           “ก็เหมือนเดิม กินข้าวไม่ค่อยได้”

           “แล้วพี่ชาญไม่คิดจะพาพี่เอื้องไปหาหมอเหรอคะ เผื่อหมอมีทางรักษา” มนธิราเอ่ยราวกับเป็นแม่พระมาโปรด

           “เรื่องนั้นคงไม่ต้องให้เธอมาคิดแทน ฉันรู้ว่าควรทำยังไง” ชาญชัยกล่าวออกเสียงดุ วางกำข้าวพอดีมัดแล้วชาญชัยก็เดินจากไปทันที เขาไม่อยากให้คนอื่นเอาไปพูดว่าลับหลังภรรยาแล้วเขามาคุยกับแฟนเก่า อีกทั้งเขาก็ไม่อยากคุยกับผู้หญิงคนไหนด้วย เพราะตอนนี้สมองเขากำลังคิดหาทางทำเงินอย่างหนัก ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องความรักหรอก

           “เดี๋ยวสิคะพี่ชาญ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย” มนธิราจะเดินตาม แต่ส้มจี๊ดกลับรั้งแขนเพื่อนไว้

           พูดออกเสียงเบาว่า “คนมองอยู่ เอาไว้คนเลิกสนใจแล้วเธอค่อยเดินไปคุยกับเขา”

           มนธิราทำท่าทางหงุดหงิด “ฉันก็แค่หวังดีเท่านั้น แต่เขากลับมองเหมือนฉันไปจุ้นจ้านเรื่องของเขา” มนธิราพูดต่ออีกว่า “ฉันว่าเหมือนเขาดูเปลี่ยนไปนะ”

           “นั่นน่ะสิ ปกติเขาไม่เคยเดินหนีเธออย่างนี้เลยนะ” ส้มจี๊ดเห็นด้วย

           “ฉันว่า ยัยนั่นต้องไม่อยากให้พี่ชาญคุยกับฉันแน่ ๆ ไม่งั้นเขาไม่ทำกับฉันอย่างนี้หรอก” ในสายตาเธอชาญชัยเป็นคนซื่อจะตาย อีกอย่างเขาก็รักเธอมากไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำเสียงดุกับเธอ ตลอดเวลาที่คบกันมาก็ไม่เคยล่วงเกินเธอเลยแม้แต่ปลายก้อย อีกทั้งวันนี้เขายังทำตัวห่างเหินเหมือนไม่อยากคุยด้วย จากที่เคยแทนตัวเองว่าพี่ทุกคำกลับใช้คำว่า ‘ฉัน’ แทน ถ้าไม่ใช่เพราะอัจฉรา เพียงเวลาไม่กี่เดือนเขาคงไม่เปลี่ยนไปมากขนาดนี้

           ชาญชัยเดินไปเกี่ยวข้าวใกล้ ๆ กับหนูจีน ซึ่งมีแต่ผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วทั้งนั้น ฟังพวกเขาคุยกันเรื่องออกมายิงหนูตามป่าอ้อยและทุ่งนายังสนุกมากกว่า

           พอถึงมื้อกลางวันผู้หญิงหลายคนต่างล้างมือออกมาเตรียมอาหาร นั่นก็คือการสับมะละกอ นาของเพิ่มมีสระน้ำที่ยังมีน้ำขังอยู่เกือบครึ่ง ในนั้นมีทั้งบัว กระจับ หอยโข่ง และหอยขมเป็นจำนวนมาก พวกผู้ชายจึงอาสาลงไปงมเพื่อนำต้มแกล้มกับส้มตำ เก็บหอยได้ตามที่ต้องการแล้ว บางคนก็เก็บสายบัวในสระ และฝักกระถินที่อยู่ริมสระมาด้วย

           ชาญชัยช่วยจุดไฟเพื่อต้มหอย ตั้งหม้อต้มหอยขนาดใหญ่เสร็จแล้วก็เหลาไม้ไผ่แหลมเล็กไว้สำหรับจิ้มตัวหอย ส่วนเจ้าภาพถือขวดสุราขาวรินให้คนงานเป๊กคนละจอกสองจอก พอเหล้าเข้าปากพลังก็กลับมาแล้ว มิหนำซ้ำบางคนยังถือเป็นการเรียกน้ำย่อยอีกด้วย

           ผู้หญิงสามสี่คนเริ่มตำส้มตำตามรสชาติที่ตนเองชอบ ทั้งเผ็ดมากเผ็ดน้อย มีผู้ชายหลายคนที่ชอบผงนัวเป็นพิเศษก็จะร้องสั่งไปทางแม่ครัวให้ทำให้ ชาญชัยไม่ได้เห็นบรรยากาศการจ้างวานแบบนี้มานานแล้วจึงอดอมยิ้มตามอย่างมีความสุขไม่ได้ เพราะในยุคปัจจุบันส่วนมากจะใช้รถเกี่ยวข้าวกันทั้งนั้น แม้เขาจะอายุสามสิบปีเท่ากับเจ้าของร่างนี้ แต่ที่ที่เขาอยู่ก็ไม่ค่อยเห็นบรรยากาศแบบนี้บ่อยนัก

           ตำมะละกอเสร็จก็เทใส่จานขนาดใหญ่นั่นก็คือใบตองกล้วย วางเป็นถาดยาวตรงกลาง ใครห่อปลาห่อเนื้อแห้ง ไข่เจียว ทอดปลาทู แจ่วบอง แกงอ่อม หรืออาหารอย่างอื่นมาด้วยก็วางไว้ข้าง ๆ ส้มตำเพื่อกินร่วมกัน ทุกคนกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ปากก็คุยกันไปด้วยอย่างสนุกสนานราวกับว่าก่อนหน้านั้นไม่ได้ก้มเงย ๆ เกี่ยวข้าวตากแดดมาก่อน คนร่างกายแข็งแรงก็เป็นเช่นนี้ พอได้พักสักครู่ก็หายเหนื่อยแล้ว เทียบอะไรกับคนป่วยที่นอนอยู่เฉย ๆ ยังรู้สึกเหนื่อย ต้มหอยวันนี้ไม่ได้แช่น้ำให้มันคายดินเสียก่อน โคลนดินในหอยจึงมีมาก ชาญชัยลุกไปเด็ดใบมะเขือมาแจกให้ทุกคนเพื่อใช้หลังใบเช็ดเมือกและคราบดินออกจากตัวหอย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel