ตอนที่ 3 จ้างวานเกี่ยวข้าว
ทุกคนหันไปมองตามเสียง ชาญชัยจึงตอบออกไปว่า “อยู่ครับ”
ชาญชัยเดินไปเปิดประตูให้ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา เขาคือคนที่จ้างชาญชัยไปเกี่ยวหญ้ามาให้ควายเมื่อวานนี้
“น้าหนูกินข้าวด้วยกันครับ” เขาเอ่ยชวน
“กินเลย ๆ ฉันยังไม่หิว” หนูจีนว่า “ฉันเอาเงินค่าจ้างมาให้” เมื่อวานหลังจากที่เขากลับมาจากเลี้ยงควาย ก็เห็นมัดหญ้าวางอยู่บนแคร่แล้ว
“เมื่อวานผมตัวเปียกและก็หนาวมากด้วย ก็เลยไม่ได้รอน้าหนูน่ะครับ” เมื่อวานเขาหนาวสั่นจนฟันบนล่างกระทบกัน ตัวเขียวไปหมดเขาจึงไม่มีกะจิตกะใจจะรอเอาค่าจ้าง อีกทั้งยังงงกับชีวิตจึงไม่ได้อยู่รอหนูจีน
“ขอบใจมากนะ” หนูจีนยื่นเงินจำนวนเจ็ดสิบบาทให้ชาญชัย พร้อมกล่าวออก “อ้อ เมื่อวานฉันได้ยินว่าฟ้าผ่าใกล้ ๆ กับที่เอ็งเกี่ยวหญ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ” ชาวบ้านที่เลี้ยงควายอยู่แถวนั้นเล่าให้ฟังเขาก็ตกใจ แต่พอเห็นมัดหญ้าและชาวบ้านบอกว่าเห็นชาญชัยเดินกลับบ้านไปแล้วเขาจึงโล่งอก เพราะใจหนึ่งคิดว่าเขาโดนฟ้าผ่าตายไปเสียแล้ว
“เมื่อวานผมอยู่ห่างพอสมควรครับก็เลยไม่เป็นอะไร” ชาญชัยเลือกที่จะปิดบังเรื่องเหลือเชื่อนี้ไว้กับตน เพราะขืนพูดออกไป มากคนก็มากความแต่ละคนมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สู้เก็บเป็นความลับไว้ตลอดไปยังดีกว่า
“ดีแล้ว ๆ พระคุ้มครองจริง ๆ เออนี่ฉันเกือบลืมไป วันนี้ตาเพิ่มจะวานคนเกี่ยวข้าว เอ็งจะไปไหม” เพิ่มให้เขาหาคนให้ หนูจีนจึงชวนชาญชัยไปด้วย เพราะช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ใคร ๆ ก็ต้องการคนงานทั้งนั้น อีกทั้งชาญชัยก็ไปรับจ้างเกือบทุกวันอยู่แล้ว
“ไปครับ” ตอนนี้ขอให้มีงานทำเขารับทั้งนั้น เพราะคนส่วนใหญ่ที่นี่ทำเกษตรกรรมและรับจ้างเป็นหลัก ส่วนใครอยากทำงานประจำก็มีโรงงานน้ำตาลอยู่ห่างออกไปจากตัวอำเภอประมาณห้ากิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งเขาเลือกที่จะรับจ้างมากกว่า เพราะโรงงานน้ำตาลต้องทำงานเป็นนกะ เขาต้องดูแลลูกกับภรรยา จึงไม่สามารถทำงานนั้นได้ “ว่าแต่เขาจ้างวานกี่คนเหรอครับ”
“ประมาณยี่สิบกว่าคน”
“อ้อครับ”
หนูจีนหันไปมองอัจฉราที่นั่งหายใจแผ่วอยู่บนเบาะนอน “แล้วเอื้องเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นบ้างไหม”
“ไม่เลยค่ะน้าหนู กินอะไรลงไปก็รู้สึกแน่นท้องอย่างเดียวเลยค่ะ” ก้อนอุจาระก็ลีบลงเรื่อย ๆ
“ฉันว่าเอ็งน่าจะไปให้หมอตรวจดูบ้างนะ เผื่อมีทางรักษา” หนูจีนมองอัจฉราด้วยความรู้สึกหดหู่ อาการที่เธอป่วยตอนนี้คนในหมู่บ้านยังไม่มีใครเคยเป็น หรือแท้จริงแล้วเธออาจจะเป็นโรคเวรกรรมที่ไม่ทางรักษาหาย
อัจฉรายิ้มแหยใบหน้าอิดโรยแต่ไม่ได้พูดอะไร หนูจีนคิดว่าที่อัจฉราตัดสินใจทำไปทุกอย่างเพราะคิดดีแล้วจึงไม่อยากพูดอะไรมากกว่านั้น จึงหันหน้าไปคุยกับชาญชัย “งั้นฉันกลับก่อนนะ ได้คนยังไม่ครบเลย ส่วนเอ็งกินข้าวเสร็จก็ออกไปรอที่บ้านลุงเพิ่มเลยนะ”
“ครับ”
ให้หลังหนูจีนอัจฉราจึงถามสามี “เมื่อวานแถว ๆ พี่มีฟ้าผ่าเหรอ” เมื่อวานตอนเย็นพอเขากลับมาบ้านก็ไม่ได้เล่าอะไรให้เธอฟัง เพราะปกติเขาก็เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว วันหนึ่ง ๆ คุยกันไม่ถึงสามคำ เห็นเขาไม่คุยเธอก็ไม่กล้าถาม อยู่ด้วยกันมาจะครบสองเดือน แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจว่าเมื่อเธอจากไปแล้วเขาจะดูแลลูกของเธอได้หรือไม่ เพราะเขาไม่คุยกับเด็ก ๆ เลย บางครั้งก็แอบสับสนว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือผิดกันแน่ที่คิดแต่งงานหาพ่อเลี้ยงมาให้เด็ก ๆ
“ใช่ แต่ก็ไม่ใกล้พี่มากหรอก” เมื่อวานเขามัวแต่คิดเรื่องย้อนเวลามาอยู่ในร่างนี้จนไม่อยากคุยกับใคร พอกลับมาถึงบ้านอาบน้ำแล้วก็เข้านอนเลย เพราะยังคิดว่าตนเองฝันไป แต่พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ยังพบว่าเขายังนอนอยู่ในห้องเดิม
เมื่อพ่อกับแม่คุยกันจบสายน้ำจึงพูดขึ้น “ให้ผมไปเกี่ยวข้าวกับอาได้ไหมครับ” เขากับพี่ชายเกี่ยวข้าวเป็นแล้ว เพราะความจน เขาทั้งสองจึงถูกพ่อแท้ ๆ บังคับให้ทำงานหนักตั้งแต่เด็ก เมื่อยามนี้ปีที่แล้วพ่อยังพาพวกเขาไปรับจ้างเกี่ยวข้าวอยู่เลย
“วันนี้เด็กไปไม่ได้ เพราะเขาจ้างวาน ต้องให้ผู้ใหญ่ไปเท่านั้น” ชาญชัยบอก ทุกคนต้องทำงานอย่างเต็มที่ เพราะหมูต้องแบ่งให้ได้ส่วนละเท่า ๆ กัน ซึ่งไม่สามารถให้เด็กไปด้วยได้
สายน้ำทำหน้าหงอย ชาญชัยรู้สึกสงสารจึงบอกออกไป “เอาไว้มีคนมาจ้างเกี่ยวข้าวอีก แล้วอาจะพาไปด้วย”
“ครับ” สายน้ำจึงมีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย
ทุกคนกินข้าวเสร็จอัจฉราจึงลุกขึ้นเตรียมไปเก็บถ้วยชามช่วยสามี แต่ชาญชัยห้ามไว้ก่อน “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ทำเอง”
อัจฉราจึงบอกลูกชายทั้งสอง “แสนดีเก็บเสื่อ ส่วนสายน้ำช่วยอาเก็บกระติบข้าวไปไว้ในครัวนะลูก”
ลูกชายทั้งสองรับคำ “ครับ” แล้วรีบทำตามที่แม่บอกทันที ถึงแม้แสนดีจะไม่ค่อยชอบพ่อเลี้ยงคนนี้เท่าไรนัก เหตุเพราะเขาชอบทำหน้าเดียวตลอดเวลา และดูเหมือนไม่เต็มใจแต่งงานกับแม่ เขาจึงไม่อยากคุยด้วยและไม่อยากได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นพ่อเลี้ยง ส่วนน้องสองคนนั้นยังเด็กมากคงดูไม่ออกว่าผู้ชายคนนี้คิดอะไรอยู่ ถึงกระนั้นแสนดีก็ไม่เคยขัดคำสั่งแม่ เพราะเขาอยากทำให้แม่สบายใจมากที่สุด
ก่อนชาญชัยจะออกไปยังทำข้าวต้มไว้ให้ภรรยา พร้อมยังเอ่ยกำชับ “อย่าลืมกินข้าวนะ พี่ทำข้าวต้มไว้ให้แล้ว ซดน้ำร้อน ๆ ก็ยังดี”
“ฉันจะพยายาม” แม้แต่น้ำข้าวต้มกินเข้าไปแล้วเธอยังรู้สึกท้องอืดแน่นท้อง อย่าหวังให้เธอกินข้าวเลย
ชาญชัยเดินไปขึ้นรถอีแต๋นหรือรถเกษตรที่บ้านของเพิ่ม เมื่อส้มจี๊ดมองเห็นชาญชัยเดินมาจึงกระซิบบอกเพื่อน “แฟนเธอไปเกี่ยวข้าวนาวานด้วยว่ะ”
มนธิราเบ้ปากทำหน้างอพูดออกอย่างไม่สบอารมณ์ “แฟนเฟินอะไร เขาแต่งงานมีลูกมีเมียแล้วไม่เห็นหรือไง” ทั้งที่ก่อนหน้าตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเธอ แต่พออัจฉราประกาศหาหนุ่มโสดไปแต่งงานด้วย เขากลับตกลงแต่งงานกับแม่ม่ายลูกสามเฉยเลย ปล่อยให้เธอรอมาตั้งสี่ห้าปี สุดท้ายก็ต้องกินแห้ว
“เธอจะเสียใจไปทำไม อีกหน่อยยัยเอื้องนั่นก็ไปเยี่ยมปรโลกแล้ว ดีไม่ดีจะอยู่พ้นหน้าแล้งรึเปล่าก็ไม่รู้”
