ตอนที่ 8 ชื่อเสียงเล็กๆ เริ่มก่อตัว
ตอนที่ 8 ชื่อเสียงเล็กๆ เริ่มก่อตัว
วันเวลาผ่านไปอย่างไม่หยุดยั้งแสงแดดอบอุ่นยามเช้ายังคงสาดส่องลงมาที่ตลาด แต่สำหรับเหมยลี่แล้วตลาดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่หาเลี้ยงชีพอีกต่อไป มันกลายเป็นพื้นที่แห่งความหวังและการเติบโต
นางตั้งแผงเล็กๆ ของนางอย่างสม่ำเสมอในทุกวันที่ตลาดเปิด ทุกๆ เช้านางจะอุ้มเหมยซานที่อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมาด้วย น้องชายของนางไม่ไอหนักเหมือนเดิมแล้ว
ดวงตากลมโตเริ่มมีประกายสดใสขึ้น ทำให้หัวใจของเหมยลี่พองโตด้วยความสุข นางกางผ้าเก่าๆ ผืนเดิมออก จัดวางขนมอบและซุปสมุนไพรอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขนมอบสีน้ำตาลทองถูกวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ ส่งกลิ่นหอมหวลชวนกิน ส่วนซุปสมุนไพรก็ถูกจัดวางในถ้วยดินเผาที่ทำความสะอาดอย่างดี ไออุ่นบางๆ ลอยกรุ่นขึ้นมา
ความสดใหม่และกลิ่นหอมเฉพาะตัวของอาหารนางเริ่มดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แผงลอยของเหมยลี่เริ่มมีลูกค้าประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ชาวบ้านทั่วไป แต่ยังมีพ่อค้าแม่ค้าจากแผงใกล้เคียงที่เริ่มติดใจในรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารนาง
ขนมอบของนางที่นุ่มนวลและหอมหวานกว่าขนมปังหยาบๆ ทั่วไปในตลาด ซุปสมุนไพรของนางก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นและบำรุงกำลังผิดกับน้ำแกงธรรมดาๆ ทำให้แผงของนางเริ่มโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ในบรรดาลูกค้าประจำที่เพิ่มขึ้น มีลูกค้าคนหนึ่งที่พิเศษกว่าใคร นั่นคือ คุณนายหลิวเศรษฐีนีผู้มีชื่อเสียงจากตระกูลค้าไหม นางเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีใบหน้าเปี่ยมด้วยเมตตา
มักจะมาพร้อมกับบ่าวรับใช้ คุณนายหลิวได้ยินชื่อเสียงของแผงลอยเล็กๆ ของเหมยลี่มาจากบ่าวไพร่ในเรือน เมื่อได้ลองชิมขนมอบและซุปของเหมยลี่ครั้งแรก คุณนายหลิวก็ติดใจในรสชาติที่แปลกใหม่และอร่อยล้ำอย่างที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
“แม่หนู เหมยลี่นี่เจ้าช่างมีฝีมือเสียจริง” คุณนายหลิวเอ่ยชมด้วยรอยยิ้มอบอุ่นขณะที่นางซื้อขนมอบและซุปจากเหมยลี่อยู่หลายครั้ง
“ไม่เคยคิดเลยว่าอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมดาๆ เช่นนี้จะอร่อยได้ถึงเพียงนี้”
เหมยลี่ยิ้มรับคำชมด้วยความถ่อมตน “ขอบพระคุณคุณนายหลิวเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่พยายามทำมันให้ดีที่สุดเท่านั้น”
คุณนายหลิวไม่เพียงแต่ชื่นชมในความอร่อยของอาหารเหมยลี่เท่านั้น แต่นางยังสังเกตเห็นถึงความมุ่งมั่นและความขยันหมั่นเพียรของเหมยลี่ รวมถึงความรักที่เหมยลี่มีต่อน้องชายเหมยซาน
“ป้าเห็นเจ้าดูแลน้องชายอย่างดีเสมอ ป้าก็รู้สึกเอ็นดูนัก” คุณนายหลิวกล่าวพลางมองไปที่เหมยซานที่นอนหลับอย่างสงบในอ้อมแขนของเหมยลี่
“หนูเหมยซานก็ดูดีขึ้นมากแล้วนะ”
“เจ้าค่ะคุณนายหลิว ขอบพระคุณซุปของข้าและกำลังใจจากทุกท่านด้วยเจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยความซาบซึ้งใจ
คุณนายหลิวจะให้เงินเหมยลี่มากกว่าราคาที่ควรจะเป็นเสมอ และบางครั้งก็ยังนำผ้าเก่าๆ ที่ยังใช้ได้ดี หรือของใช้บางอย่างมามอบให้เหมยลี่เป็นการช่วยเหลือนางบอกกับเหมยลี่ว่า
“นี่ไม่ใช่ค่าอาหารนะแม่หนู แต่มันคือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ป้าอยากจะมอบให้เจ้าและน้องชาย” ความเมตตาของคุณนายหลิวเป็นเหมือนแสงสว่างที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตของสองพี่น้องให้ดำเนินต่อไปได้
ในอีกมุมหนึ่งของตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน มีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องมายังแผงของเหมยลี่อย่างสม่ำเสมอ
นั่นคือท่านแม่ทัพซูเฟยหลงผู้ที่เคยลิ้มรสอาหารของนางเป็นคนแรกๆ เขาไม่ได้มาในชุดแม่ทัพใหญ่ แต่ยังคงสวมใส่ชุดชาวบ้านธรรมดาเพื่ออำพรางตัวตนและมักจะมาพร้อมกับรองแม่ทัพหลี่เฟยสหายคนสนิท
ซูเฟยหลงจะแวะเวียนมาซื้ออาหารจากเหมยลี่บ่อยขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่ในวันที่ตลาดเปิด แต่บางครั้งเขาก็จะส่งหลี่เฟยมาซื้อหรือบางทีก็ปลอมตัวมาด้วยตัวเองในวันที่เงียบสงบกว่าปกติ
เขายังคงรักษาระยะห่าง ไม่แสดงตัวตน และไม่พูดคุยอะไรมากไปกว่าการสั่งซื้ออาหารที่เขาชื่นชอบ
เหมยลี่เองก็สังเกตเห็นการมาเยือนที่บ่อยขึ้นของชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้น นางยังคงจดจำใบหน้าเย็นชาและดวงตาคมกริบของเขาได้ดี แม้จะไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่นางก็รู้สึกถึงความพิเศษบางอย่างในตัวเขา ไม่เหมือนลูกค้าคนอื่นๆ
เขาไม่เคยต่อรองราคา ไม่เคยบ่น และมักจะจ่ายเงินมากกว่าที่ตั้งไว้เสมอ นางไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แต่ความสม่ำเสมอของเขาก็ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด
หลี่เฟยสังเกตเห็นความสนใจที่ท่านแม่ทัพมีต่อหญิงสาวแม่ค้าผู้นี้ได้อย่างชัดเจน เขารู้จักซูเฟยหลงมานานพอที่จะอ่านความคิดและอารมณ์ของสหายผู้เงียบขรึมผู้นี้ได้ดี
ซูเฟยหลงไม่เคยแสดงความสนใจในสิ่งใดมากเท่านี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นสตรีเลอโฉม ตำราพิชัยสงคราม หรือแม้กระทั่งอาหารเลิศรสจากห้องเครื่องหลวง แต่กับขนมอบและซุปสมุนไพรของเหมยลี่ ซูเฟยหลงกลับแสดงความสนใจอย่างผิดปกติ
“ท่านแม่ทัพ พรุ่งนี้จะให้ข้าไปซื้อขนมอบจากแม่นางผู้นั้นอีกหรือไม่ขอรับ” หลี่เฟยเอ่ยถามขึ้นในวันหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับจากตลาด
ซูเฟยหลงไม่ตอบในทันที เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อืม”
หลี่เฟยยิ้มในใจ เขาเดาได้ว่าคำว่า “อืม” ของท่านแม่ทัพนั้นมีความหมายมากกว่าแค่ “ใช่” มันหมายถึงความพึงพอใจอย่างยิ่ง และบางทีอาจจะมีความสนใจที่ลึกซึ้งกว่าแค่เรื่องอาหาร
เขามองไปยังใบหน้าของซูเฟยหลงที่ยังคงเรียบเฉย แต่แววตาคมกริบคู่นั้นกลับดูอ่อนลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงอาหารของเหมยลี่ หลี่เฟยรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจของท่านแม่ทัพผู้เย็นชา
