ตอนที่ 7 รสชาติที่ตรึงใจ
ตอนที่ 7 รสชาติที่ตรึงใจ
เสียงจอแจของตลาดดังอื้ออึงรอบกาย เหมยลี่กำลังสาละวนอยู่กับการตักซุปสมุนไพรบำรุงกำลังใส่ถ้วยดินเผาให้กับลูกค้าที่ยืนต่อแถว
นางก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น ไม่ทันสังเกตสิ่งรอบข้างมากนัก กลิ่นหอมกรุ่นของซุปที่เพิ่งตักขึ้นมาลอยอวลไปในอากาศ ชวนให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต้องเหลียวมอง
จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงเงาของใครบางคนมาบังแสงแดดยามสาย ทำให้แผงลอยของนางมืดลงชั่วขณะ เหมยลี่เงยหน้าขึ้นมองและก็ต้องชะงักไปชั่วขณะ หัวใจของนางเต้นระรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ชายร่างสูงใหญ่สองคนยืนอยู่ตรงหน้าแผงของนางอย่างโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ชายคนหนึ่งดูมีใบหน้าที่เย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับเหยี่ยว จ้องมองมาที่นางอย่างพินิจพิจารณา แววตาของเขาลึกซึ้งเกินกว่าจะคาดเดาได้ อีกคนหนึ่งมีท่าทางกระตือรือร้นกว่าเล็กน้อย
ใบหน้าเป็นมิตรแต่ก็แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่งและระมัดระวัง ทั้งสองอยู่ในชุดชาวบ้านธรรมดาที่เรียบง่าย แต่กลับมีรัศมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขายืนนิ่งราวกับเสาหินที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสายลม
เหมยลี่พยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจาย นางส่งยิ้มให้ชายแปลกหน้าทั้งสองด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เรียนท่านทั้งสองเจ้าค่ะ มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ” เสียงของนางพยายามให้เป็นปกติที่สุด แม้ภายในใจจะเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ
สายตาของซูเฟยหลงผู้เป็นชายร่างสูงใหญ่และมีใบหน้าเย็นชา จับจ้องไปที่ขนมอบสีน้ำตาลทองและซุปสมุนไพรตรงหน้าเขาอย่างละเอียดลออ กลิ่นหอมที่ลอยมาจากอาหารเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งตลอดชีวิตที่ผ่านมา
เขาเคยลิ้มลองอาหารเลิศรสจากทั่วทุกสารทิศ ตั้งแต่อาหารในวังหลวงอันโอ่อ่า ไปจนถึงอาหารที่ปรุงอย่างง่ายๆ ในค่ายทหาร แต่เขาไม่เคยพบเจออาหารที่มีกลิ่นหอมซับซ้อนและแตกต่างเช่นนี้มาก่อน
“นี่คืออะไร” ซูเฟยหลงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและราบเรียบราวกับธารน้ำแข็ง เขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทางสีหน้า ทำให้เหมยลี่ยิ่งรู้สึกเกร็งมากขึ้นไปอีก
“นี่คือขนมอบเจ้าค่ะ ส่วนนี่คือซุปสมุนไพรบำรุงกำลัง” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติที่สุด
“ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ และคิดค้นสูตรขึ้นมาเองเจ้าค่ะ” นางพยายามแนะนำสินค้าของนางอย่างกระตือรือร้นที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลี่เฟยรองแม่ทัพผู้เป็นสหายคนสนิท เห็นท่าทีลังเลของท่านแม่ทัพ ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรและกระตือรือร้นกว่า
“ท่านแม่ทัพ ลองชิมดูไหมขอรับ ดูท่าทางจะน่าสนใจไม่น้อย กลิ่นก็หอมแปลกๆ ด้วยขอรับ”
ซูเฟยหลงพยักหน้าเล็กน้อย แม้จะเป็นเพียงการพยักหน้าที่เกือบจะมองไม่เห็น แต่ก็เป็นสัญญาณที่ทำให้เหมยลี่รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เอามาอย่างละหนึ่ง” เขาเอ่ยสั้นๆ
เหมยลี่หยิบขนมอบชิ้นหนึ่งที่อบจนผิวเป็นสีน้ำตาลทองน่ากิน และซุปหนึ่งถ้วยเล็กๆ ส่งให้เขา มือของนางยังคงสั่นเล็กน้อยด้วยความประหม่าและความตื่นเต้น
ซูเฟยหลงรับมา เขาพินิจมองขนมอบในมืออย่างละเอียดราวกับกำลังพิจารณาสิ่งของล้ำค่า ก่อนจะกัดคำเล็กๆ เข้าไปในปากอย่างช้าๆ
ทันทีที่ขนมอบสัมผัสลิ้นดวงตาคมกริบของซูเฟยหลงก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน รสชาติหวานหอมนุ่มนวลละมุนลิ้นของขนมอบแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก มันเป็นรสชาติที่ซับซ้อนแต่ลงตัวผิดกับขนมปังแข็งๆ ที่เขาเคยกินมาตลอดชีวิต นี่คือรสชาติที่ไม่คาดคิด ไม่เหมือนสิ่งใดที่เขาเคยรู้จัก
ซูเฟยหลงเคี้ยวขนมอบช้าๆ ซึมซับรสชาติที่ไม่คาดคิด ความแปลกใหม่ของรสชาติทำให้เขารู้สึกทึ่งอย่างยิ่ง ราวกับว่าโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ไม่เคยลิ้มลองอีกมากมาย
จากนั้นเขาก็ยกถ้วยซุปสมุนไพรขึ้นจิบ น้ำซุปอุ่นๆ ไหลลงสู่ลำคอ กลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพรป่าผสมผสานกับรสชาติกลมกล่อมที่ไม่อาจบรรยายได้ มันเป็นรสชาติที่บริสุทธิ์และให้ความรู้สึกสดชื่น
ราวกับมีพลังงานบางอย่างไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทางและหน้าที่รับผิดชอบอันหนักอึ้งของเขา ความเหน็ดเหนื่อยและความเคร่งเครียดที่สะสมมาตลอดวันพลันมลายหายไปชั่วขณะ
“อร่อย” ซูเฟยหลงเอ่ยปากออกมาในที่สุด น้ำเสียงของเขาแตกต่างจากน้ำเสียงราบเรียบก่อนหน้าเล็กน้อย
หลี่เฟยเองก็ประหลาดใจเพราะไม่บ่อยนักที่ท่านแม่ทัพผู้เย็นชาจะเอ่ยชมสิ่งใดอย่างเปิดเผยเช่นนี้
เหมยลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีใจและโล่งใจนี่คือคำชมจากลูกค้าที่ทรงอิทธิพลที่สุดที่นางเคยเจอมา แม้เขาจะอยู่ในชุดธรรมดาแต่รัศมีและท่าทีของเขาก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ คำชมเพียงคำเดียวของเขาคือรางวัลอันล้ำค่าสำหรับความพยายามทั้งหมดของนาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่าน” เหมยลี่กล่าวด้วยความตื้นตันใจ
“หากท่านถูกใจ ข้ายังมีอย่างอื่นอีกเจ้าค่ะ” นางชี้ไปยังขนมอบอีกชนิดหนึ่งที่ทำจากผลไม้ป่า
ซูเฟยหลงกินขนมอบจนหมดชิ้นและจิบซุปจนเกือบหมดถ้วยเล็กๆ นั้น เขารู้สึกได้ถึงพลังงานที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และความสดชื่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจและสนใจในตัวหญิงสาวผู้นี้มากยิ่งขึ้น
“เจ้าทำเองทั้งหมดหรือ” ซูเฟยหลงถาม สายตาของเขาจ้องมองมาที่เหมยลี่อย่างพินิจพิจารณา ราวกับกำลังมองลึกเข้าไปในจิตใจของนาง พยายามค้นหาที่มาของพรสวรรค์อันแปลกประหลาดนี้
“เจ้าค่ะ ข้าทำเองทั้งหมด” เหมยลี่ตอบอย่างภาคภูมิใจ แม้จะรู้ว่าความภาคภูมิใจนี้ไม่ใช่ของเหมยลี่เดิม แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจในทักษะของนางเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่นางยึดมั่นและเชื่อมั่นมาโดยตลอด
ซูเฟยหลงพยักหน้าเล็กน้อย แววตาของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย “พรุ่งนี้เจ้าจะมาอีกหรือไม่”
“มาเจ้าค่ะ ข้ามาทุกวันที่ตลาดเปิดเจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบอย่างรวดเร็ว ด้วยความหวังว่าจะได้ลูกค้าคนสำคัญเช่นนี้อีก การได้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อและชื่นชมในรสชาติอาหารของนางคือสิ่งสำคัญยิ่งในตอนนี้
ซูเฟยหลงหยิบเงินออกมาวางบนแผงอย่างเงียบเชียบ ไม่ใช่แค่ค่าอาหาร แต่มากกว่านั้นหลายเท่า เขามองเหมยลี่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย
“นี่สำหรับวันนี้” เขาหยุดชั่วครู่ “แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่”
จากนั้นซูเฟยหลงก็หันหลังเดินจากไปพร้อมกับหลี่เฟย ทิ้งให้เหมยลี่ยืนมองแผ่นหลังของเขาด้วยความงุนงงปนประหลาดใจ เงินที่ได้มากกว่าราคาที่ตั้งไว้หลายเท่า และคำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาใหม่นั้น ทำให้หัวใจของเหมยลี่พองโตอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน วันนี้นางได้พิสูจน์แล้วว่าทักษะของนางสามารถสร้างรายได้เลี้ยงปากท้องได้จริง
ซูเฟยหลงไม่ได้เดินจากไปเฉยๆ ในใจของเขากลับจดจำหญิงสาวผู้นี้ไว้ได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงเพราะกลิ่นหอมและรสชาติอันแปลกใหม่ของอาหารนางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแววตาอันมุ่งมั่นและแข็งแกร่งของนาง ที่ฉายประกายท่ามกลางความยากลำบาก ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่งในหมู่สตรีทั่วไปยิ่งไปกว่านั้น
นางยังดูแลน้องชายตัวน้อยด้วยความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข มันเป็นรสชาติที่อร่อยล้ำอย่างไม่คาดคิด และเป็นภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ ท่านแม่ทัพผู้เย็นชาเริ่มรู้สึกถึงความสนใจบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจของเขาแล้ว โดยที่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไรกันแน่
