ตอนที่ 6 อาหารแปลกใหม่ดึงดูดสายตา
ตอนที่ 6 อาหารแปลกใหม่ดึงดูดสายตา
วันเวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำไหล เหมยลี่ได้เรียนรู้จังหวะชีวิตของตลาด ความวุ่นวายและเสียงจอแจในยามเช้าตรู่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของนาง นางตั้งแผงเล็กๆ ของนางอย่างสม่ำเสมอในทุกวันที่ตลาดเปิด
ทุกๆ เช้านางจะอุ้มเหมยซานที่อาการดีขึ้นเล็กน้อยมาด้วย น้องชายของนางไม่ไอหนักเหมือนเดิมแล้ว ดวงตากลมโตเริ่มมีประกายสดใสขึ้น ทำให้หัวใจของเหมยลี่พองโตด้วยความสุข
นางกางผ้าเก่าๆ ผืนเดิมออก จัดวางขนมอบและซุปสมุนไพรอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ขนมอบสีน้ำตาลทองถูกวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ ส่วนซุปสมุนไพรก็ถูกจัดวางในถ้วยดินเผาที่ทำความสะอาดอย่างดี
ความสดใหม่และกลิ่นหอมเฉพาะตัวของอาหารนางเริ่มดึงดูดผู้คนให้เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นหอมหวานของขนมอบที่อบใหม่ๆ ผสมกับกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนๆ ของซุปเป็นสิ่งที่หาไม่ได้จากแผงค้าอื่นๆ ในตลาด ในตอนแรก
ผู้คนยังคงลังเลใจที่จะลองชิมอาหารที่ไม่คุ้นเคย บางคนเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางคนหยุดมองด้วยความสงสัย แต่ก็ยังไม่กล้าซื้อ แต่เหมยลี่ก็ไม่ย่อท้อ นางยังคงยิ้มแย้มและส่งเสียงเชิญชวนอย่างสุภาพ
“ขนมอบร้อนๆ เจ้าค่ะ ซุปสมุนไพรบำรุงกำลังเจ้าค่ะ” เสียงของนางค่อยๆ มั่นคงขึ้นในแต่ละวัน
แต่แล้วเมื่อมีลูกค้าบางคนตัดสินใจลองซื้อไปชิมและกลับมาซื้อซ้ำพร้อมกับบอกเล่าปากต่อปากถึงรสชาติอันแปลกใหม่และอร่อยล้ำ เรื่องราวของแผงลอยเล็กๆ ที่ขายอาหารรสชาติประหลาดแต่แสนอร่อยก็เริ่มแพร่สะพัดออกไป
ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาที่แผงของเหมยลี่มากขึ้นเรื่อยๆ แผงของนางกลายเป็นจุดสนใจแห่งใหม่ของตลาด ขนมอบของนางที่นุ่มนวลและหอมหวานกว่าขนมปังหยาบๆ ทั่วไปในตลาด
ซุปสมุนไพรของนางก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นและบำรุงกำลังผิดกับน้ำแกงธรรมดาๆ ทำให้แผงของนางเริ่มโดดเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เหมยลี่เริ่มปรับปรุงสูตรอาหารให้ดียิ่งขึ้นตามวัตถุดิบที่หาได้ นางลองใช้ผลไม้ป่ามาทำเป็นไส้ขนมอบบ้าง เช่น ผลเบอร์รี่ป่าที่ให้รสเปรี้ยวอมหวาน หรือนำถั่วป่ามาบดทำเป็นไส้ที่ให้รสสัมผัสที่แตกต่าง
นอกจากนี้นางยังเพิ่มสมุนไพรบางชนิดในซุปเพื่อเพิ่มสรรพคุณและรสชาติ โดยอาศัยความรู้ด้านสมุนไพรไทยที่เธอคุ้นเคย ผสมผสานกับพืชพรรณพื้นเมืองที่คล้ายกัน อาหารทุกจานที่ออกมาจากปลายจวักของนางล้วนเต็มไปด้วยความพิถีพิถันและตั้งใจ นางไม่เคยลดทอนคุณภาพลงเลย แม้จะขายได้มากขึ้นก็ตาม
ยอดขายของนางดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยต้องประหยัด บัดนี้นางมีเงินพอที่จะซื้อข้าวสารที่มีคุณภาพดีขึ้น ซื้อยาดีๆ ให้น้องชายได้และซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่สะอาดและอบอุ่นให้เหมยซานได้แล้ว เหมยซานเริ่มมีน้ำมีนวลขึ้น ใบหน้าที่มีแต่ความซูบผอมเริ่มอิ่มเอิบขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มของน้องชายคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเหมยลี่
ทุกวันนางจะเห็นสายตาคู่หนึ่งคอยแอบมองนางอยู่ห่างๆ นั่นคือ อาเฉียง เด็กหนุ่มคนงานในโรงเตี๊ยมใกล้ๆ วัยราวสิบห้าปี เขามักจะมายืนมองแผงของเหมยลี่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความทึ่งและความสนใจในอาหารแปลกใหม่ของนาง
บางครั้งอาเฉียงก็ซื้อขนมอบของเหมยลี่ไปหนึ่งชิ้น แล้วรีบวิ่งกลับไปที่โรงเตี๊ยมด้วยรอยยิ้มกว้าง เขาจะแอบมองนางจากมุมที่ลับตา แต่เหมยลี่ก็รับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเขา นางรู้สึกขอบคุณเด็กหนุ่มที่ไม่เคยส่งเสียงรบกวน แต่กลับเป็นเหมือนกำลังใจเล็กๆ ที่คอยสนับสนุนนางอยู่เงียบๆ
ในอีกมุมหนึ่งของตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน ร่างสองร่างที่ดูธรรมดาแต่กลับแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามกำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยของเมืองอย่างเงียบๆ นั่นคือ ท่านแม่ทัพซูเฟยหลง
แม่ทัพใหญ่ผู้เย็นชาและเด็ดขาดแห่งชายแดนทิศเหนือและรองแม่ทัพหลี่เฟย สหายคนสนิทและมือขวาผู้ซื่อสัตย์ ทั้งสองอยู่ในชุดชาวบ้านธรรมดาที่ตัดเย็บอย่างเรียบง่าย ไม่มีเครื่องประดับหรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่บ่งบอกถึงยศถาบรรดาศักดิ์ เพื่ออำพรางตัวตนและสังเกตการณ์ความเป็นอยู่ของราษฎรอย่างใกล้ชิด
ซูเฟยหลงมักจะใช้เวลาในยามว่างจากการฝึกทหารและการบริหารราชการ เพื่อลงมาเดินสำรวจความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยตัวเอง เขาเชื่อว่าการสัมผัสชีวิตราษฎรโดยตรงจะทำให้เขามีข้อมูลที่แท้จริงและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
ซูเฟยหลงเดินสำรวจตลาดอย่างใจเย็น สายตาคมกริบของเขากวาดมองไปทั่ว บันทึกทุกรายละเอียดในใจ ไม่ว่าจะเป็นความสะอาดของทางเดิน ความเป็นระเบียบของแผงค้า หรือแม้กระทั่งสีหน้าและแววตาของผู้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอย
เขาเดินผ่านแผงขายผ้าสีสันสดใส แผงขายเครื่องมือทำไร่ที่ส่งเสียงกระทบกันเบาๆ และแผงขายอาหารคาวหวานที่คุ้นเคย จนกระทั่งจู่ๆ สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับแผงเล็กๆ แผงหนึ่งที่ดูแตกต่างไปจากแผงอื่นอย่างสิ้นเชิง
แผงนั้นตั้งอยู่ไม่ไกลนัก มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังขะมักเขม้นจัดเตรียมอาหารอยู่ และมีกลิ่นหอมแปลกๆ ที่ไม่คุ้นเคย ลอยมาตามลม กลิ่นนั้นแตกต่างจากกลิ่นหอมของเนื้อย่างหรือกลิ่นหอมหวานของขนมท้องถิ่น มันเป็นกลิ่นที่ซับซ้อนกว่า ลุ่มลึกกว่าและชวนให้สงสัย
“ท่านแม่ทัพนั่นแผงอะไร ดูแปลกตานักขอรับ” หลี่เฟยกระซิบถาม เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นหอมที่ลอยมาเช่นกัน และรู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน
ซูเฟยหลงไม่ได้ตอบในทันที เขายืนสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวผู้นั้นคือเหมยลี่ นางก้มหน้าก้มตาจัดเตรียมอาหารอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้านางซูบผอมเล็กน้อย แต่แววตานางกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาด
นางดูแลเด็กชายตัวเล็กๆ ที่นอนหลับอยู่ข้างๆ อย่างอ่อนโยน มือของนางที่จับภาชนะดินเผาดูคล่องแคล่วและพิถีพิถัน ทุกการเคลื่อนไหวของนางดูคล่องแคล่วและพิถีพิถันราวกับกำลังสร้างสรรค์งานศิลปะที่ละเอียดอ่อน ไม่เหมือนท่าทางของแม่ค้าในตลาดทั่วไป
“กลิ่นหอมดีทีเดียว” ซูเฟยหลงเอ่ยขึ้นเบาๆ น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่แววตาฉายแววสนใจอย่างชัดเจน
หลี่เฟยพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเองก็รู้สึกว่ากลิ่นนี้ไม่เหมือนอาหารทั่วไปในตลาดขอรับ ดูเหมือนจะเป็นขนมอบอะไรบางอย่าง หรือซุปที่ไม่คุ้นเคย”
ซูเฟยหลงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้แผงของเหมยลี่มากขึ้น ความอยากรู้เกี่ยวกับกลิ่นหอมและอาหารแปลกใหม่นี้มีมากกว่าที่เขาคาดคิด เขาอยากรู้ว่าอาหารที่ส่งกลิ่นหอมประหลาดนี้คืออะไร และทำไมมันถึงได้แตกต่างจากอาหารที่เขาเคยลิ้มลองมาตลอดชีวิตในวังหลวงและตามค่ายทหาร เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบ จนกระทั่งยืนอยู่ตรงหน้าแผงของเหมยลี่
เหมยลี่รู้สึกถึงเงาที่ทาบทับลงมาและเงยหน้าขึ้นมอง การเผชิญหน้าครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของนางไปตลอดกาล
