บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 แสงสว่างจากปลายจวัก

ตอนที่ 3 แสงสว่างจากปลายจวัก

เช้าวันรุ่งขึ้นแสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องว่างของกระท่อมเข้ามาปลุกเหมยลี่ให้ตื่นขึ้น ความเจ็บปวดจากการล้มเมื่อวันก่อนยังคงมีอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึง เหมยซานที่นอนซมอยู่ข้างๆ นางก็ไม่มีเวลามาใส่ใจความอ่อนล้าของตัวเอง นางจะต้องลุกขึ้นนางจะต้องหาอาหารให้ได้ วันนี้นางจะต้องเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด

เหมยลี่ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืน จัดเสื้อผ้าที่เก่าและขาดวิ่นให้เข้าที่ นางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมกำลังใจและสติทั้งหมดที่มี ในโลกที่นางจากมา การหาวัตถุดิบเป็นเรื่องง่ายดาย เพียงแค่เดินเข้าร้านขายของชำชั้นดี นางก็จะได้ทุกอย่างที่ต้องการแต่ที่นี่นางต้องพึ่งพาสองมือและความรู้ที่มีอยู่เท่านั้น

นางเดินออกไปนอกกระท่อมช้าๆ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมาต้องใบหน้าของนาง อากาศบริสุทธิ์และชุ่มชื่นแตกต่างจากกลิ่นควันและมลพิษในเมืองกรุงที่นางเคยอยู่ลิบลับ ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นสูงตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและเสียงแมลงที่บินว่อน สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบแต่ก็แฝงไว้ด้วยความท้าทาย

เหมยลี่เริ่มการสำรวจป่ารอบกระท่อมอย่างละเอียด นางใช้สายตาที่เคยจับจ้องแต่เครื่องครัวหรูหราและส่วนผสมนำเข้าจากต่างประเทศ บัดนี้กำลังสอดส่องหาวัตถุดิบธรรมชาติอย่างตั้งใจ นางเดินไปช้าๆ ก้มมองพื้นดิน กวาดสายตามองไปตามพุ่มไม้และโขดหิน นางนึกย้อนไปถึงความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพรและผักป่าที่กินได้ ที่นางเคยศึกษาผ่านตาในตำราอาหารฟิวชั่นบางเล่ม ซึ่งมักจะแนะนำการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและสมุนไพรโบราณ นางต้องอาศัยความรู้คร่าวๆ นั้นมาปรับใช้กับสถานการณ์ตรงหน้า

ไม่นานนักนางก็พบรากไม้บางชนิดที่ดูคล้ายมันเทศป่า นางพยายามขุดมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แม้จะไม่มีอุปกรณ์อะไรเลยนอกจากมือเปล่า ดินแข็งๆ ทำให้การขุดเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ นางขุดต่อไปจนกระทั่งได้รากไม้ขนาดเท่ากำปั้นมาสามสี่หัว

นางเดินลึกเข้าไปในป่าอีกหน่อย และพบกับกลุ่ม เห็ดป่าสีน้ำตาล ที่ขึ้นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เหมยลี่ลังเลใจเห็ดป่าเป็นสิ่งอันตรายหากไม่รู้จักสายพันธุ์ที่แน่ชัด นางจำได้ว่ามีเห็ดพิษมากมายในป่าแต่สัญชาตญาณของเชฟบอกนางว่าเห็ดเหล่านี้มีกลิ่นที่ค่อนข้างปลอดภัยและมีลักษณะคล้ายเห็ดที่กินได้ในตำราที่นางเคยเห็นนางเก็บมาเพียงไม่กี่ดอกและตัดสินใจว่าจะต้องทดสอบมันอย่างละเอียดก่อนนำไปใช้

จากนั้นนางก็พบกับพืชใบเขียวบางอย่างที่คล้าย ผักโขม นางดมกลิ่นอย่างระมัดระวัง ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อสัมผัสของใบ และลองชิมรสชาติเล็กน้อยอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะชีวิตน้องชายขึ้นอยู่กับสิ่งที่นางจะนำมา นางเด็ดมาเพียงไม่กี่ใบ เก็บใส่ชายเสื้อที่นางถลกขึ้นมาใช้เป็นถุงชั่วคราว

ขณะที่กำลังเดินสำรวจ นางก็ได้ยินเสียงน้ำไหลแผ่วๆ เหมยลี่เดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพบกับ ลำธารเล็กๆ ที่มีน้ำใสสะอาดไหลริน มันเป็นลำธารที่ไม่กว้างนัก

แต่ก็นับว่าเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญสำหรับที่นี่ นางตักน้ำใส่หม้อดินเก่าๆ ที่มีอยู่เพียงใบเดียว รู้สึกเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในตอนนี้ นางพยายามมองหาสัตว์เล็กๆ หรือปลาในลำธาร แต่ด้วยความอ่อนแรงของร่างกาย ทำให้การจับสัตว์เหล่านั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง นางต้องพึ่งพาพืชผักที่หาได้ในตอนนี้ไปก่อน

ตลอดช่วงสายเหมยลี่ยังคงเดินสำรวจป่าอย่างไม่ลดละ นางไม่ได้สนใจแค่พืชผักแต่นางยังมองหากิ่งไม้แห้งๆ หรือเศษไม้ที่พอจะนำมาใช้เป็นฟืนได้ด้วย นางเก็บรวบรวมฟืนเท่าที่กำลังจะแบกกลับไหว นางรู้ว่าไฟมีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรุงอาหารและให้ความอบอุ่น

ท้องของนางส่งเสียงร้องประท้วงอย่างหนัก แต่เหมยลี่ก็ไม่ได้สนใจ นางมุ่งมั่นอยู่กับการหาวัตถุดิบให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดวงตาของนางมองเห็นทุกสิ่งรอบตัวด้วยสายตาของเชฟผู้ชำนาญการ นางเห็นความเป็นไปได้ในสิ่งที่คนอื่นอาจมองข้าม กิ่งไม้เล็กๆ สามารถจุดไฟได้ หินก้อนใหญ่สามารถเป็นที่วางหม้อได้ และสมุนไพรป่าธรรมดาๆ ก็สามารถกลายเป็นยาหรืออาหารบำรุงกำลังได้

ความรู้และสัญชาตญาณของแก้วในฐานะเชฟมือทอง เริ่มทำงานอย่างเต็มที่ในร่างของเหมยลี่ นางตระหนักว่านี่คือสนามรบแห่งใหม่ของนาง และนางจะต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมี เพื่อพิชิตมันให้ได้ไม่ใช่เพื่อรางวัล หรือคำชื่นชมแต่เพื่อชีวิตของน้องชายที่นอนรอนางอยู่ในกระท่อม

หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสำรวจและเก็บรวบรวม เหมยลี่ก็กลับมาที่กระท่อมด้วยร่างกายที่อ่อนล้า แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความหวัง มือของนางเต็มไปด้วยรากไม้ ใบไม้ และเห็ดป่าที่เก็บมาได้ นางวางมันลงบนพื้นอย่างเบามือ เหมือนกำลังวางสมบัติล้ำค่า

เมื่อกลับถึงกระท่อมเหมยลี่นำวัตถุดิบที่หามาได้ทั้งหมดมาวางกองไว้บนพื้นหญ้าแห้งๆ นางคัดเลือกอย่างพิถีพิถันแยกส่วนที่แน่ใจว่ากินได้และมีประโยชน์ออกจากส่วนที่ไม่มั่นใจ

นางหยิบเห็ดป่าที่เก็บมาขึ้นมาดมกลิ่นอีกครั้ง แล้วตัดสินใจว่าจะไม่ใช้มันในตอนนี้ เพื่อความปลอดภัยของน้องชาย นางเลือกเพียงรากไม้คล้ายมันเทศและพืชใบเขียวที่คล้ายผักโขม ซึ่งนางค่อนข้างแน่ใจว่าปลอดภัย

นางนำรากไม้มาล้างน้ำจากลำธารที่ตักมาได้ให้สะอาด ขัดถูสิ่งสกปรกออกไปจนหมด จากนั้นก็ใช้มีดเก่าๆ ที่พบในกระท่อม (ซึ่งดูเหมือนเป็นมีดที่ใช้ทำไร่มากกว่ามีดทำครัว) มาหั่นรากไม้เป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ นางล้างพืชใบเขียวซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมั่นใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกติดอยู่

นางวางหม้อดินเก่าๆ ที่มีรอยไหม้เกรอะกรังตั้งบนเตาดินที่ก่อขึ้นอย่างหยาบๆ จากก้อนหินที่เก็บมาได้ นางใช้เศษหินอีกก้อนมาทุบกิ่งไม้แห้งให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็ใช้กิ่งไม้แห้งๆ นั้นจุดไฟ การจุดไฟในยุคที่ไม่มีไม้ขีดหรือไฟแช็กเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง เหมยลี่พยายามใช้กิ่งไม้แห้งสองชิ้นถูเข้าหากันอย่างช้าๆ และต่อเนื่อง ควันบางๆ เริ่มลอยขึ้นมา นางพยายามเป่าลมเบาๆ จนกระทั่งประกายไฟเล็กๆ เริ่มปรากฏ นางค่อยๆ เพิ่มกิ่งไม้แห้งชิ้นเล็กๆ ลงไปจนไฟลุกโชนขึ้นมาในที่สุด

ควันไฟบางๆ ลอยอวลอยู่ในกระท่อม กลิ่นไม้ไหม้และกลิ่นดินคละคลุ้งไปทั่ว เหมยลี่ต้มน้ำในหม้อดินจนเดือดพล่าน นางนำรากไม้และพืชผักที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ต้มเคี่ยวอยู่นาน กลิ่นหอมจางๆ ของพืชผักป่าที่ต้มสุกเริ่มลอยขึ้นมาแตะจมูก มันเป็นกลิ่นหอมแบบธรรมชาติที่แตกต่างจากอาหารหรูหราที่นางเคยปรุง แต่มันกลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอบประโลมอย่างประหลาด

เหมยลี่ตักซุปที่ได้ใส่ถ้วยดินเผาเล็กๆ อย่างเบามือ นางเดินไปนั่งลงข้างๆ เหมยซานที่นอนซมอยู่ มือที่สั่นเทาค่อยๆ พยุงศีรษะของน้องชายขึ้นอย่างอ่อนโยน

“เหมยซาน พี่หญิงทำซุปมาให้ ดื่มหน่อยนะ” นางพูดด้วยเสียงกระซิบ

เด็กน้อยค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองพี่สาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความอ่อนล้า เขาพยายามดื่มซุปที่พี่สาวป้อนให้ทีละน้อย น้ำซุปอุ่นๆ ไหลผ่านลำคอลงสู่กระเพาะที่ว่างเปล่า ความอบอุ่นจากซุปและกำลังใจจากพี่สาวทำให้เหมยซานเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากที่เคยซีดเซียวเริ่มมีสีแดงเรื่อขึ้นมาบ้าง เขาพยายามดื่มจนหมดถ้วยเล็กๆ ที่มี และหลับตาลงอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น

เหมยลี่เฝ้ามองน้องชายอย่างโล่งใจ ความอบอุ่นจากซุปและกำลังใจจากพี่สาวทำให้เหมยซานเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย นางใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าผากของน้องชายเบาๆ สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ลดลงเล็กน้อย

เหมยลี่กินซุปที่เหลือในหม้อดินนั้นจนหมด มันไม่ได้มีรสชาติที่ซับซ้อนหรือวิจิตรพิสดารเหมือนอาหารที่นางเคยทำ แต่กลับเป็นซุปที่อร่อยที่สุดเท่าที่นางเคยลิ้มรสมา เพราะมันปรุงขึ้นจากความหวังและความรัก มันทำให้ร่างกายนางได้รับพลังงานที่จำเป็น และเติมเต็มจิตใจที่อ่อนล้าของนาง

นางนั่งเฝ้าน้องชายอยู่พักใหญ่ จนกระทั่งแน่ใจว่าเหมยซานหลับอย่างสงบแล้ว เหมยลี่ก็เริ่มวางแผนต่อไป นางรู้ว่าเพียงแค่ซุปนี้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพในระยะยาว นางต้องหาวิธีที่ยั่งยืนกว่านี้ 'พรุ่งนี้ ฉันจะออกไปสำรวจหมู่บ้านและตลาด' นางคิด 'ฉันจะต้องหาวิธีที่จะนำความรู้ที่ฉันมี ไปสร้างรายได้ให้ได้' นางวางแผนอย่างรอบคอบว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งนางและน้องชายจะรอดชีวิตในโลกที่โหดร้ายแห่งนี้

ดวงจันทร์ส่องแสงนวลตาเข้ามาทางช่องว่างของกระท่อม เหมยลี่มองไปยังดวงจันทร์ที่ดูแตกต่างจากดวงจันทร์ที่นางเคยเห็นในโลกปัจจุบัน มันเป็นดวงจันทร์ที่สว่างกว่า และเต็มไปด้วยความลับ นางรู้สึกเหมือนชีวิตของนางเพิ่งเริ่มต้นขึ้นใหม่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ แม้จะยากลำบาก แต่นางก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ด้วยสองมือและปลายจวักของนาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel