ตอนที่ 2 จากความสิ้นหวัง สู่แรงผลักดัน
ตอนที่ 2 จากความสิ้นหวัง สู่แรงผลักดัน
เหมยลี่พยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น เธอรับรู้ว่าตัวเองทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหญิงสาวชาวบ้านที่เพิ่งตายไป ความทรงจำของเหมยลี่เดิมนั้นเลือนลางและเต็มไปด้วยความยากลำบาก
พ่อแม่ตายไปนานแล้ว ทิ้งเพียงกระท่อมและน้องชายที่ป่วยหนัก เหมยลี่เริ่มสำรวจกระท่อม พบว่ามีเพียงหม้อเก่าๆ ใบหนึ่งกับภาชนะไม่กี่ชิ้น ไม่มีอาหารเหลืออยู่เลย ความสิ้นหวังเข้าครอบงำ แต่เธอก็พบปฏิทินจีนโบราณที่แสดงยุคสมัยที่เธอมาอยู่
เธอรู้ตัวดีว่าเธอไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยอีกแล้ว ไม่ใช่ห้องครัวที่สะอาดสะอ้าน หรือคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่เธอเคยอาศัยอยู่ สิ่งที่รายล้อมเธอตอนนี้คือความดิบเถื่อนและยากแค้น ความทรงจำของ 'เหมยลี่' เจ้าของร่างเดิมเริ่มไหลบ่าเข้ามาทีละน้อย มันไม่ใช่ความทรงจำที่สมบูรณ์นัก เหมือนภาพฉายที่ขาดๆ หายๆ แต่ก็เพียงพอที่จะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันน่าสงสารของเด็กสาวคนหนึ่งได้
เหมยลี่เดิมเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัวชาวนาเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ชายป่า พ่อแม่ของเหมยลี่เดิมเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนด้วยโรคระบาด ทำให้ทั้งสองพี่น้องต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาโดยตลอด เหมยลี่เดิมทำงานรับจ้างสารพัดเพื่อประทังชีวิตและดูแลน้องชายที่ป่วยกระเสาะกระแสะ แต่ด้วยความเจ็บป่วยของเธอเองก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างกายอ่อนแอเกินจะทานทนได้อีกต่อไป
“ท่านแม่ ท่านพ่อ เหมยลี่ จะตามไปหาแล้วนะเจ้าคะ" เสียงแผ่วเบาของเหมยลี่เดิมดังก้องอยู่ในหัว ราวกับเป็นคำพูดสุดท้ายของเธอ
แก้วในร่างเหมยลี่รู้สึกเจ็บปวดแปลบๆ ที่หน้าอก เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เป็นของเหมยลี่เดิมหรือของเธอเอง แต่ความรู้สึกของการสูญเสียและความสิ้นหวังนั้นชัดเจนยิ่งนัก
เธอพยุงตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ แสงจากรอยแตกของผนังกระท่อมและช่องว่างของประตูไม้ที่บิดเบี้ยวส่องเข้ามาเล็กน้อย
ทำให้เธอพอมองเห็นข้าวของภายใน กระท่อมหลังนี้เล็กและคับแคบ มีเพียงห้องเดียวที่แบ่งเป็นส่วนที่นอนและส่วนที่ใช้ทำกิจกรรมอื่นๆ พื้นดินแข็งกระด้างที่ปูด้วยฟางแห้งๆ คือที่นอนของเธอและเหมยซาน มีโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ หนึ่งตัว กับเก้าอี้ไม้ที่ขาโยกเยกอีกสองตัว
เธอเดินโซเซไปที่มุมหนึ่งของกระท่อม ที่มีกองถ่านเล็กๆ และหม้อดินเก่าๆ ที่มีรอยไหม้เกรอะกรังตั้งอยู่บนเตาดินที่ก่อขึ้นอย่างหยาบๆ ข้างๆ กันมีจานชามดินเผาที่บิ่นไปบ้างวางคว่ำอยู่ไม่กี่ใบ ไม่มีแม้แต่เศษข้าวสาร หรือผักสดใดๆ ที่จะพอเป็นอาหารได้ มันว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง
เหมยลี่ถอนหายใจยาวๆ สภาพความเป็นอยู่ของเหมยลี่เดิมนั้นเลวร้ายกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้มากนัก ในโลกปัจจุบันที่เธอจากมา การหาอาหารเป็นเรื่องง่ายดายแค่เพียงเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหาร แต่ที่นี่ทุกอย่างคือความว่างเปล่า
สายตาของเธอไปสะดุดเข้ากับปฏิทินจีนโบราณที่แขวนอยู่บนผนัง มันเป็นเพียงแผ่นกระดาษหยาบๆ เขียนตัวอักษรจีนโบราณเอาไว้ แก้วพยายามอ่านและประติดประต่อจากความทรงจำของเหมยลี่เดิม
ตัวอักษรบ่งบอกถึงปีศักราชที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อลองเทียบเคียงกับประวัติศาสตร์ที่เธอเคยอ่านคร่าวๆ ในตำราก็พอจะคาดเดาได้ว่านี่คือยุคจีนโบราณช่วงกลางราชวงศ์หนึ่ง เธออยู่ห่างจากบ้านเกิดของเธอหลายพันปีแสง
ความจริงนี้ทำให้หัวใจของแก้วชาวไทยวัย 28 ปีเต้นระรัว เธอทะลุมิติมาอยู่ในยุคที่ไม่รู้จัก ไม่มีเงิน ไม่มีผู้ช่วยเหลือ ไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ที่เธอเคยใช้ ที่สำคัญที่สุดคือ เธอมีชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแล
เธอเดินออกไปนอกกระท่อมช้าๆ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมา บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดและเสียงนกร้อง รอบๆ กระท่อมเป็นป่าโปร่งๆ ที่มีต้นไม้ขึ้นปะปนกันไป อากาศบริสุทธิ์และสดชื่นผิดกับเมืองกรุงที่เธอจากมาลิบลับ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจในตอนนี้ เธอสนใจเพียงว่าในป่าแห่งนี้ มีอะไรที่กินได้บ้าง
ดวงตาของเธอสอดส่องไปรอบๆ มองหาพืชผักป่า หรือเห็ดป่าที่พอจะนำมาทำอาหารได้ เธอเคยมีความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นบ้านอยู่บ้างเล็กน้อยจากการทำอาหารฟิวชั่นที่ต้องใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ความรู้เล็กน้อยนั้น อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอดของเธอและเหมยซาน
ท้องของเธอส่งเสียงร้องประท้วงอย่างหนัก เธอยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุ แต่ความหิวของเธอยังไม่เท่าความหิวของเหมยซานที่นอนป่วยอยู่ข้างใน
ความสิ้นหวังเริ่มคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง จะมีอะไรให้เธอกับน้องกินบ้างไหมในป่าแห่งนี้ หรือว่าเธอจะต้องยอมแพ้กับโชคชะตาที่เล่นตลกนี้จริงๆ
แต่แล้ว ภาพของเหมยซานที่ไอเสียงดังและมองเธอด้วยแววตาหิวโหยก็ผุดขึ้นมาในใจ ไม่! เธอจะยอมแพ้ไม่ได้! ในฐานะเชฟ แก้วไม่เคยยอมแพ้ต่อวัตถุดิบที่จำกัด หรือความท้าทายในการสร้างสรรค์อาหาร และในฐานะ 'พี่หญิง' ของเหมยซาน เธอก็จะไม่มีวันยอมแพ้เช่นกัน
เสียงไอแห้งๆ ดังแผ่วเบาจากมุมห้อง ทำให้เหมยลี่ที่นอนซมอยู่บนพื้นฟางสะดุ้งตื่น เธอปรือตาขึ้นมองภาพตรงหน้าคือร่างเล็กจิ๋วของ เหมยซานน้องชายของร่างนี้ที่นอนขดตัวอยู่บนกองผ้าเก่าๆ เด็กน้อยผอมแห้งจนซี่โครงนูนออกมา ไอจนตัวโยน และริมฝีปากซีดขาวจนน่าใจหาย แสงจากรอยรั่วบนหลังคาลอดเข้ามาเพียงเล็กน้อย ส่องให้เห็นฝุ่นละอองในอากาศ และความหิวโหยที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาคู่เล็กๆ ของเขา
เหมยซานค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองพี่สาว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนแรง ความกลัว และความหิว ไม่มีน้ำตา ไม่มีเสียงร้องขอ มีเพียงการจ้องมองที่ไร้เดียงสาแต่หนักอึ้ง หัวใจของแก้วในร่างเหมยลี่บีบรัดอย่างแรง แม้จะยังสับสนกับสถานการณ์และยังไม่เข้าใจว่าเธอมาอยู่ในร่างนี้ได้อย่างไร แต่ภาพของเด็กชายตรงหน้าก็ชัดเจนพอที่จะฉุดเธอขึ้นมาจากความสับสน
“พี่ พี่หญิง ข้าหิว” เสียงเล็กๆ กระซิบแผ่วเบา ราวกับจะหายไปกับลม
คำพูดง่ายๆ เพียงสองคำนั้น ดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเหมยลี่ มันไม่ใช่แค่ความหิวธรรมดา แต่มันคือความหิวที่กัดกินชีวิตคือความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา
เธอสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มจากไข้ที่แผ่ออกมาจากตัวน้อง แรงสั่นสะเทือนจากเสียงไอของเขาทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว เหมยลี่ขยับกายอย่างยากลำบาก พยายามลุกขึ้นนั่งพิงผนังไม้ที่ผุพัง ความอ่อนล้าถาโถมเข้าใส่ แต่เธอกลับรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่จุดประกายขึ้นภายใน
“เหมยซาน” เธอเรียกชื่อน้องชายด้วยเสียงที่แหบพร่า
เหมยซานไออีกครั้งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าพี่สาวที่อยู่ตรงหน้าคือคนเดียวกับคนเดิมหรือไม่ แต่เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างที่แตกต่างออกไป
ภาพของน้องชายที่กำลังทรมานเป็นเหมือนแรงกระตุ้นอันยิ่งใหญ่ที่ผลักดันให้แก้วในร่างเหมยลี่ต้องลุกขึ้นสู้ ความสิ้นหวังก่อนหน้านี้เลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
เธอจะไม่ยอมให้น้องชายต้องตายอย่างหิวโหยหรือป่วยไข้ เธอสาบานกับตัวเอง ชีวิตที่เคยสุขสบายในฐานะเชฟผู้มากฝีมือถูกพรากไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ทักษะและความรู้ด้านอาหารเหล่านั้น ไม่ได้หายไปไหน
'ฉันคือเชฟแก้ว' เสียงในหัวของเธอดังก้อง 'ฉันสามารถเปลี่ยนวัตถุดิบธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ได้'
นี่คือสิ่งเดียวที่เธอมีนี่คืออาวุธเดียวที่เธอจะใช้ต่อสู้กับโชคชะตา
ความรู้และทักษะการทำอาหารที่ติดตัวมาจากโลกปัจจุบัน คือสิ่งเดียวที่เป็นความหวังของเธอในตอนนี้ มันคือแสงสว่างเดียวในความมืดมิดที่รายล้อม เธอจะใช้มันเพื่อหาเลี้ยงชีพ เพื่อดูแลน้องชายเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้
เหมยลี่กัดฟันลุกขึ้นยืน แม้ร่างกายจะยังอ่อนล้า แต่จิตใจกลับเข้มแข็งขึ้นมาอย่างประหลาด เธอจะต้องรอด เหมยซานจะต้องรอดนี่คือเป้าหมายเดียวของเธอ เธอจะหาทางพลิกสถานการณ์นี้ให้ได้ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม เธอจะใช้สองมือของเธอสร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา
เธอเดินไปที่มุมกระท่อมที่เต็มไปด้วยซากกิ่งไม้แห้งและเศษถ่านเล็กน้อย เธอก้มลงเก็บกิ่งไม้ที่พอจะจุดไฟได้ ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ กระท่อมอีกครั้ง
มองหาอะไรที่พอจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ แม้จะไม่มีอาหาร แต่เธอก็อาจจะหาเครื่องมือ หรือภาชนะอะไรบางอย่างที่ช่วยในการเตรียมอาหารได้ ความคิดของเชฟเริ่มทำงาน 'ถ้าไม่มีอะไรเลย ก็ต้องสร้างมันขึ้นมา!'
เหมยลี่เดินออกไปนอกกระท่อมอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ได้มองหาแค่อาหาร แต่เธอมองหาสิ่งที่สามารถนำมาทำเป็นอุปกรณ์ หรือเชื้อเพลิงได้ด้วย เธอสำรวจต้นไม้รอบๆ ใบไม้ ร่องรอยสัตว์เล็กๆ ที่อาจจะพอจับได้ เธอจะต้องศึกษาธรรมชาติของที่นี่ให้มากที่สุด
แสงแดดยามเช้าเริ่มสาดส่องแรงขึ้น เหมยลี่หายใจเข้าลึกๆ รับอากาศบริสุทธิ์ เธอจะเริ่มต้นจากศูนย์ เริ่มต้นจากความรู้ที่เธอมี และเริ่มต้นจากความรักที่มีต่อน้องชายคนนี้ นี่ไม่ใช่แค่การเอาชีวิตรอด แต่เป็นการสร้างชีวิตใหม่ให้ดีกว่าเดิม สำหรับเหมยซานและสำหรับตัวเธอเอง
