บท
ตั้งค่า

ออกล่าสัตว์

เช้าวันถัดมา อวิ๋นหลินตื่นขึ้นมาเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างบ้านร้าง นางรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อมองไปที่ลูก ๆ ที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักใจต่ออนาคตที่รออยู่ข้างหน้า

"วันนี้ข้าต้องคิดอะไรใหม่ ๆ เพื่อให้พวกเราอยู่รอด"

อวิ๋นหลินขณะที่เริ่มนั่งลงคิดทบทวนเกี่ยวกับวิธีการทำเงินใน แคว้นฉิน สิ่งที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้คืออะไร?

หลังจากไตร่ตรองอยู่สักพัก อวิ๋นหลินก็นึกขึ้นได้ว่ามีวิธีหนึ่งที่น่าสนใจและทำเงินได้ นั่นก็คือการล่าสัตว์และนำไปขายในตลาด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังขึ้นมา เพราะการล่าสัตว์ไม่เพียงแต่ช่วยหาอาหารให้กับนางและลูก ๆ เท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างรายได้พอสมควรจากการขายเนื้อสัตว์ในตลาด

"อาจจะเริ่มจากการหาสัตว์เล็ก ๆ ก่อน เช่น กระต่ายหรือไก่ก่อน"

อวิ๋นหลินพูดกับตัวเองขณะที่เริ่มวางแผน

นางรวบรวมความกล้าและความมุ่งมั่นที่จะทำให้ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นางเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น มีดและเชือก เพื่อใช้ในการล่าสัตว์ จากนั้นจึงออกเดินทางไปยังป่าใกล้ ๆ

อวิ๋นหลินพาลูก ๆ ขึ้นไปยังภูเขาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านร้าง บรรยากาศรอบข้างสงบเงียบและเต็มไปด้วยเสียงนกร้องและลมที่พัดผ่าน สายตาของนางแวววาวด้วยความมุ่งมั่น ขณะที่นางเตรียมตัวสำหรับการล่าสัตว์ครั้งแรกในชีวิตใหม่

"พวกเราจะต้องระวังนะ อย่าเสียงดัง" อวิ๋นหลินหันมาบอกกับเด็ก ๆ ทั้งสอง ขณะที่พวกเขาเดินตามหลังอย่างตื่นเต้น

เสี่ยวหานและอิงเอ๋อร์มองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เดินเข้าไปในป่าเล็ก ๆ ที่มีต้นไม้หนาแน่น อวิ๋นหลินสอนให้พวกเขามองหาสัญญาณของสัตว์ต่าง ๆ เช่น รอยเท้าและขนที่หลุดร่วง

"ถ้าเห็นรอยเท้าหรือเสียงอะไรแปลก ๆ ต้องบอกแม่ทันที" อวิ๋นหลินย้ำอีกครั้ง เพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงความสำคัญของความระมัดระวัง

หลังจากเดินไปได้สักพัก อวิ๋นหลินเห็นรอยเท้าของกระต่ายอยู่บนพื้นดิน

ทั้งสามคนย่องเข้าไปใกล้ ๆ ด้วยความระมัดระวัง เมื่อเห็นกระต่ายตัวเล็ก ๆ กำลังหากินอยู่ อวิ๋นหลินดึงมีดที่เตรียมไว้ออกมาอย่างชำนาญ แม้ว่านางจะไม่เคยล่าสัตว์มาก่อน แต่ความตั้งใจและความมุ่งมั่นทำให้นางมีสมาธิ

"อย่าขยับนะลูก" อวิ๋นหลินกระซิบบอกเมื่อนางเตรียมตัวที่จะย่องไปข้างหน้า ลูก ๆ ของนางหยุดนิ่งด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาจ้องไปที่กระต่ายอย่างไม่กะพริบ

เมื่ออวิ๋นหลินเห็นจังหวะที่เหมาะสม นางรีบกระโดดไปข้างหน้าและใช้มีดที่เตรียมไว้ในการจับกระต่าย แต่ในจังหวะที่พยายามจับ กระต่ายกลับกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็ว ทำให้นางต้องวิ่งตามไปอย่างเร็ว

"แม่! ต้องจับให้ได้นะ!" เสี่ยวหานตะโกนอย่างตื่นเต้น ขณะที่อิงเอ๋อร์ยิ้มและกระโดดตามแม่ของพวกเขาไป

หลังจากวิ่งไล่ตามกันอยู่นาน สุดท้ายอวิ๋นหลินก็สามารถจับกระต่ายได้สำเร็จ ความตื่นเต้นและความดีใจระเบิดออกมาในใจของนาง

"พวกเราได้กระต่ายแล้ว!" นางพูดด้วยเสียงตื่นเต้น ขณะที่เด็ก ๆ กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

"ท่านแม่เก่งมากขอรับ!" เสี่ยวหานพูดขึ้นมา ทำให้อิงเอ๋อร์หัวเราะและคล้องแขนพี่ชายไว้

เมื่ออวิ๋นหลินจับกระต่ายตัวเล็กได้สำเร็จ ความรู้สึกของความภูมิใจและความพอใจแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ แม้ว่านางจะไม่สามารถจับสัตว์ใหญ่ได้ในครั้งแรก แต่การจับกระต่ายได้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี

และนางก็รู้ว่าในสภาพร่างกายตอนนี้ของนาง มันเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

"แม่จะนำกระต่ายนี้กลับไปทำอาหารให้อร่อย ๆ " อวิ๋นหลินบอกกับเด็ก ๆ ขณะที่นางหิ้วกระต่ายหลายตัวที่จับได้ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

“มันจะช่วยให้พวกเราอิ่มท้องได้หลายมื้อเลย”

เด็กทั้งสองมองกระต่ายด้วยความตื่นเต้น "ท่านแม่! ข้าจะช่วยทำอาหาร!" เสี่ยวหานพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่อิงเอ๋อร์ก็พยักหน้ารับอย่างเต็มใจ

อวิ๋นหลินหัวเราะออกมาเบา ๆ “ได้ พวกเราจะช่วยกันทำอาหาร”

นางรู้ดีว่าการทำอาหารคือทักษะที่จำเป็น ซึ่งต้องฝึกฝนให้กับลูก ๆ ในอนาคต

หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็เริ่มเดินกลับบ้านร้างด้วยความรู้สึกตื่นเต้น พวกเขาไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกต่อไป

ขณะที่อวิ๋นหลินเดินกลับบ้านร้าง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ ทำให้นางรู้สึกถึงความหนักหน่วงในอก มองไปที่ลูก ๆ ของนางที่ตอนนี้อายุใกล้จะครบห้าขวบแล้ว แต่กลับดูเหมือนเด็กสามขวบ ร่างกายผอมแห้งของพวกเขาทำให้นางรู้สึกเวทนาอย่างยิ่ง

“ทำไมชีวิตถึงโหดร้ายกับพวกเจ้าขนาดนี้...” อวิ๋นหลินพึมพำกับตัวเอง ขณะที่สายตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา นางเห็นว่าเสี่ยวหานและอิงเอ๋อร์เดินอยู่ข้าง ๆ กัน ขาเล็ก ๆ ของพวกเขาแทบจะไม่สามารถก้าวได้อย่างมั่นคง มองไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังและรอยยิ้มของเด็ก ๆ ก็ทำให้หัวใจของนางเต้นแรง

เด็กชายและเด็กหญิงมีดวงตาที่เปล่งประกาย แต่ร่างกายกลับผอมแห้งและดูอ่อนแอ นางเห็นพวกเขาหยุดพักบ้างตามทาง เพื่อไม่ให้เหนื่อยเกินไป นางจึงรู้สึกสงสารและเต็มไปด้วยความกังวล

“ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าอดอยากอีก”

เมื่อเดินมาถึงบ้านร้าง อวิ๋นหลินวางกระต่ายไว้ในมือ แล้วหันไปหาเด็ก ๆ

นางพยายามยิ้มให้กับลูก ๆ ของนาง แม้ว่าจะรู้สึกถึงความเครียด แต่การเห็นพวกเขายิ้มก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้น

ในใจของอวิ๋นหลินสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น ในเมื่อนางมีความตั้งใจแล้ว ชีวิตใหม่จะต้องเริ่มต้นด้วยการมองไปข้างหน้า แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะมีเพียงกระต่ายตัวเล็ก ๆ แต่สำหรับนางมันคือการเริ่มต้นที่มีความหมาย

หลังจากที่อวิ๋นหลินนำกระต่ายที่จับได้กลับมาถึงบ้าน นางพิจารณาดูความจำเป็นของครอบครัวในตอนนี้ ร่างกายของเด็ก ๆ ต้องการอาหารที่มากกว่ากระต่ายตัวเล็ก ๆ เพียงตัวเดียว นางตระหนักว่าเพื่อให้พวกเขาอิ่มท้องและมีพลังงานเพียงพอสำหรับการเติบโต นางจึงตัดสินใจนำกระต่ายป่าสามตัวที่จับได้ไปขายที่ตลาด

ขณะที่เตรียมตัวออกจากบ้าน นางเช็กอุปกรณ์ที่จำเป็นและนำกระต่ายที่ยังสดใหม่ใส่ในผ้าเพื่อให้สะดวกในการถือ

เสี่ยวหานกับอิงเอ๋อร์มองดูแม่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความอยากรู้ "ท่านแม่จะไปไหน? " เสี่ยวหานถามขึ้น

"แม่จะพาไปตลาดเพื่อขายกระต่าย" อวิ๋นหลินตอบพร้อมรอยยิ้ม แม้ว่าใจจะหนักหน่วง แต่นางก็พยายามทำให้ลูก ๆ รู้สึกว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น

"ข้าไปด้วยเจ้าค่ะท่านแม่!" อิงเอ๋อร์พูดเสียงใสด้วยความกระตือรือร้น

"ได้อิงเอ๋อร์ พวกเราออกเดินทางกัน" อวิ๋นหลินยืนยัน ก่อนจะออกเดินทางไปยังตลาดที่อยู่ไม่ไกล

เมื่อไปถึงตลาด อวิ๋นหลินเห็นผู้คนค่อนข้างมากมายที่มาซื้อของ นางรู้สึกตื่นเต้นแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไม่น้อย จึงใช้สติในการสังเกตดูว่ามีพ่อค้าขายของป่าอยู่ที่ไหน

สุดท้ายนางก็เจอพ่อค้าคนหนึ่งที่ดูเป็นมิตรและเต็มใจซื้อกระต่ายของนาง "กระต่ายตัวนี้มีขนสวยและสดใหม่ มันน่าจะขายได้ราคาดีทีเดียว" เขาพูดขณะที่มองดูเนื้อกระต่าย

"ท่านช่วยซื้อในราคาตัวละ ไม่ต่ำกว่ายี่สิบอีแปะได้ไหมเจ้าคะ? "

อวิ๋นหลินพูดอย่างมีกำลังใจในขณะที่พยายามคำนวณราคาที่พอเหมาะสำหรับกระต่ายสามตัว

พ่อค้าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า "ตกลง ข้าจะซื้อในราคานี้"

เมื่อได้รับเงินแล้ว อวิ๋นหลินรู้สึกโล่งใจมาก นางนำเงินไปซื้อข้าวและอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นกลับบ้าน
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel