ปรับปรุงบ้านใหม่
เมื่อไปถึงร้านขายข้าว นางมองหาเจ้าของร้านที่มีความเป็นมิตร และตัดสินใจซื้อต้องซื้อข้าวหยาบเพื่อให้ได้มากที่สุดในราคาที่พอจ่ายได้
“ข้าขอซื้อข้าวหยาบจำนวนหนึ่งได้ไหมเจ้าคะ?” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“ได้สิ ข้าวหยาบราคาไม่แพงนัก” เจ้าของร้านตอบพร้อมกับยิ้ม “ท่านมีเงินเท่าไหร่?”
อวิ๋นหลินยื่นเงินที่ได้มาให้กับเจ้าของร้าน “นี่ค่ะ ข้าขอซื้อข้าวหยาบประมาณสองชั่งนะเจ้าคะ”
หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว เจ้าของร้านก็ส่งถุงข้าวหยาบคิดแค่ยี่สิบอีแปะให้นางด้วยรอยยิ้ม “เอาไปเถอะ เด็ก ๆ ของท่านจะได้มีอาหารทาน”
อวิ๋นหลินรับถุงข้าวด้วยความรู้สึกโล่งใจที่เจ้าของร้านคิดราคาให้นางไม่แพง “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
หลังจากนั้น นางกลับบ้านพร้อมกับถุงข้าวหยาบและมีความหวังในใจว่าจะสามารถทำอาหารให้ลูก ๆ ได้อย่างดี เพื่อให้พวกเขามีพลังในการเติบโต
เมื่อถึงบ้าน อวิ๋นหลินรีบจัดการล้างข้าวและเตรียมทำอาหาร โดยให้ลูก ๆ ช่วยกันทำงานเล็กน้อย เช่น เก็บฟืนและเตรียมไฟ
“แม่จะทำข้าวต้มใส่เนื้อให้กินวันนี้” นางพูดด้วยความยินดี ขณะที่ลูก ๆ ของนางช่วยกันเก็บฟืนและดูแลไฟอย่างตั้งใจ
ในขณะที่น้ำเดือด ข้าวในหม้อเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวนุ่มนวล ทำให้กลิ่นหอมอบอวลในบ้านร้าง “กลิ่นหอมจังเจ้าค่ะ!” อิงเอ๋อร์พูดด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เสี่ยวหานช่วยปัดฝุ่นจากพื้น
เมื่อข้าวต้มเสร็จ อวิ๋นหลินเสิร์ฟให้กับลูก ๆ ด้วยความรัก
“นี่คืออาหารที่เราทำด้วยกัน พวกเจ้ากินให้หมดนะ”
เด็กทั้งสองมองดูข้าวต้มใส่เนื้อด้วยดวงตาเปล่งประกาย และเริ่มกินอย่างกระตือรือร้น อวิ๋นหลินนั่งมองพวกเขาอย่างมีความสุข
หลังจากที่อวิ๋นหลินทำข้าวต้มให้ลูก ๆ ได้อิ่มท้อง นางรู้ดีว่าเพียงแค่ขายกระต่ายตัวเล็ก ๆ หรือซื้อข้าวหยาบเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอในระยะยาว นางจึงตัดสินใจที่จะออกไปล่าของป่าต่อไป
“แม่จะลองออกไปล่าสัตว์อีกครั้ง” อวิ๋นหลินบอกกับลูก ๆ ของนาง
“พวกเจ้ารออยู่ที่บ้านนะ แม่จะกลับมาพร้อมกับของป่าที่จะช่วยให้พวกเจ้าอิ่มท้องได้หลายวัน”
“แต่ท่านแม่! ข้าจะไปด้วยขอรับ!” เสี่ยวหานพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ขณะที่อิงเอ๋อร์ก็พยักหน้ารับ
“ไม่! พวกเจ้ายังเล็กเกินไป มันอันตราย รออยู่ที่นี่นะลูก”
อวิ๋นหลินตอบด้วยความเป็นห่วง
“แม่จะไปคนเดียวแล้วจะรีบกลับมา”
นางก้มหน้าลงเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนจะออกจากบ้าน นางเช็กอุปกรณ์ที่จำเป็นและมั่นใจว่าสามารถออกไปล่าของป่าได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเดินทางเข้าไปในป่า อวิ๋นหลินรู้สึกถึงความสงบของธรรมชาติ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูก ๆ นางพยายามมองหาสัตว์ที่อาจจะมีโอกาสจับได้ ไม่ว่าจะเป็นนก กระต่าย ไก่ หรือแม้แต่สัตว์เล็ก ๆ อื่น ๆ
หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเดินหา อวิ๋นหลินก็เห็นกระต่ายอีกตัวหนึ่งนั่งอยู่ในที่หลบซ่อน นางค่อย ๆ แอบเข้าใกล้และใช้ทักษะที่ได้เรียนรู้มาจากการล่าก่อนหน้านี้เพื่อจับมัน
ขณะนางถือกระต่ายในมือและเตรียมจะกลับบ้าน ก่อนที่จะออกจากป่า อวิ๋นหลินยังไม่หยุดเพียงแค่จับกระต่ายตัวเดียว นางได้ยินเสียงกระพือปีกเมื่อมีไก่บินผ่านไป
นางจึงตัดสินใจทำให้การล่าไก่ป่าเพื่อบำรุงร่างกาย และลองมองหาผลไม้ป่าหรือสมุนไพรที่อาจมีประโยชน์
ในที่สุดอวิ๋นหลินได้เก็บของป่าหลายอย่าง รวมถึงเบอร์รี่และเห็ดที่ดูปลอดภัย และตัดสินใจนำทั้งหมดกลับบ้าน เพื่อเป็นอาหารให้กับลูก ๆ และยังสามารถนำไปขายที่ตลาดเพื่อหารายได้เพิ่มเติม
เมื่อถึงบ้านอวิ๋นหลินรู้สึกอิ่มเอมใจเมื่อได้เห็นลูก ๆ รออยู่ที่ประตูบ้าน “แม่กลับมาแล้ว!” นางเรียกด้วยความตื่นเต้น
“ท่านแม่จับอะไรได้บ้างเจ้าคะ?” อิงเอ๋อร์ถามอย่างกระตือรือร้น
“เข้ามาดูสิ” อวิ๋นหลินยิ้ม พร้อมกับนำของป่าที่เก็บได้มาแสดงให้ลูก ๆ ดู
“นี่คือกระต่ายกับไก่ป่าที่แม่จับได้ และผลไม้ที่เราสามารถทานได้”
ความสุขในใจของลูก ๆ ทันทีเมื่อเห็นของที่แม่จับได้ ทั้งสองกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“เย้! วันนี้เรามีอาหารกินมากมายเลย!”
เช้าวันรุ่งขึ้น อวิ๋นหลินตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นในใจ นางเตรียมตัวที่จะนำไก่และกระต่ายที่นางได้มาในวันก่อนหน้านี้ไปขายที่ตลาด เพื่อให้ได้เงินมาสำหรับเลี้ยงดูครอบครัว
“วันนี้แม่จะไปขายของที่จับมาได้ เผื่อว่าจะมีเงินมาเพิ่มและซื้อของอร่อย ๆ ให้พวกเจ้า” อวิ๋นหลินบอกกับลูก ๆ ขณะที่นางเตรียมของขายและใส่ไก่และกระต่ายลงในกระบุงเพื่อสะดวกในการถือ
เมื่อไปถึงตลาด อวิ๋นหลินเห็นผู้คนมากมายที่มาจับจ่ายซื้อของ นางเดินไปที่ร้านขายสัตว์ วางกระต่ายและไก่ลงบนโต๊ะพร้อมกับนำเสนอสินค้า
“นี่คือกระต่ายที่สดใหม่และไก่ที่เลี้ยงมาอย่างดี สามารถทำอาหารได้อร่อยมากเจ้าค่ะ”
พ่อค้าบางคนแสดงความสนใจและเริ่มต่อรองราคา “ให้ข้าซื้อไก่สองตัวและกระต่ายตัวนี้ในราคา 100 อีแปะ ได้หรือไม่?” หนึ่งในพ่อค้าพูด
อวิ๋นหลินพิจารณาอยู่สักพัก นางรู้ดีว่านี่คือโอกาสที่ดีในการทำรายได้ดังนั้นจึงตอบรับ
“ตกลงเจ้าค่ะ ข้าขอขายในท่านในราคา 100 อีแปะ”
เมื่อทำการขายเสร็จ อวิ๋นหลินรู้สึกโล่งใจและมีความสุขที่ได้เงินมา 100 อีแปะ ซึ่งนับว่ารายได้ดีทีเดียวสำหรับครอบครัวของนาง นางรวบรวมเงินและตัดสินใจไปซื้อของกินให้แก่ลูก ๆ ของนาง
ขณะที่เดินไปยังร้านขายข้าวเพื่อซื้อของจำเป็น นางเลือกซื้อข้าวหยาบอีกถุงหนึ่ง และผักสด ๆ สำหรับทำอาหาร โดยไม่ลืมซื้อของขบเคี้ยวเล็กน้อยเพื่อให้ลูก ๆ ได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ
เมื่อกลับถึงบ้าน อวิ๋นหลินไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นในใจได้ “พวกเจ้ารู้ไหม? วันนี้แม่ขายได้เงิน 100 อีแปะ!”
เสี่ยวหานและอิงเอ๋อร์มองแม่ด้วยความตื่นเต้น
“จริงเหรอ! ท่านแม่ต่อไปนี้พวกเราจะได้ไม่อดข้าวอีกแล้ว!”
“ใช่แล้ว! จากนี้พวกเจ้าไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีก”
อวิ๋นหลินยิ้มอย่างมีความสุข ขณะกำลังเริ่มทำอาหารให้ลูก ๆ ของนาง
หลังจากที่อวิ๋นหลินได้เงินจากการขายไก่และกระต่าย ความตั้งใจในการปรับปรุงบ้านร้างที่นางอาศัยอยู่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ นางตระหนักดีว่าบ้านที่เป็นที่หลบภัยของครอบครัวนางนั้นต้องการการปรับปรุง เพื่อให้เป็นสถานที่ที่อบอุ่นและปลอดภัยสำหรับลูก ๆ
“ต้องเริ่มซ่อมแซมบ้านก่อนที่ฝนจะตกลงมาจะได้ไม่ลำบาก”
“ท่านแม่! เราจะทำได้จริงเหรอขอรับ?” เสี่ยวหานถามด้วยความตื่นเต้น
“ทำได้สิ วันพรุ่งนี้แม่จะเริ่มซ่อมแซมบ้าน” อวิ๋นหลินตอบด้วยรอยยิ้ม
ในวันถัดมา อวิ๋นหลินเริ่มต้นด้วยการเก็บกวาดขยะและสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากบ้าน นางให้ลูก ๆ ช่วยกันเก็บและจัดเรียงสิ่งของที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ หลังจากทำความสะอาดเสร็จ นางรู้สึกว่าเริ่มมีพื้นที่ว่างที่จะสามารถทำให้บ้านดูดีขึ้น
อวิ๋นหลินนางเริ่มตรวจสอบผนังและหลังคาที่มีรอยรั่ว
“อย่างแรกจะหาวัสดุเพื่อซ่อมแซมก่อน”
อวิ๋นหลินตัดสินใจที่จะใช้เงินที่ได้จากการขายไปหาวัสดุที่จำเป็น เช่น ไม้ หรือใบไม้ที่สามารถนำมาสานสำหรับซ่อมแซมหลังคา รวมถึงวัสดุอื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้ปรับปรุงบ้านได้ ในขณะที่นางเดินไปที่ตลาดเพื่อหาวัสดุอื่น ๆไปด้วย
นางมองหาโอกาสในการซื้อของที่มีราคาถูกที่สุดและเหมาะสมกับความต้องการของนาง
เมื่อได้วัสดุและนำกลับบ้านแล้ว อวิ๋นหลินเริ่มทำการซ่อมแซมบ้านอย่างขยันขันแข็ง นางเริ่มจากการซ่อมแซมหลังคาโดยใช้ไม้และใบไม้แห้งที่สานเพื่อป้องกันน้ำฝนไม่ให้รั่วเข้ามา
“พวกเจ้าคอยยื่นของให้แม่นะ” อวิ๋นหลินพูดกับลูก ๆ ขณะที่นางสอนให้พวกเขาช่วยถือวัสดุและส่งให้กับนาง
ทั้งสองก็เข้ามาช่วยอย่างตั้งใจ แม้ว่าจะยังเด็กแต่พวกเขาก็รู้ถึงความสำคัญของการมีบ้านที่ปลอดภัย อวิ๋นหลินรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อเห็นลูก ๆ ช่วยกันอย่างขยันขันแข็ง
หลังจากผ่านไปหลายวัน อวิ๋นหลินและลูก ๆ สามารถทำการปรับปรุงบ้านให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งผนังที่ได้รับการซ่อมแซมและหลังคาที่ไม่รั่วแล้ว ทำให้บ้านดูน่าอยู่มากขึ้น
“ท่านแม่! บ้านเราดูดีขึ้นเยอะเลย!” อิงเอ๋อร์พูดด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พวกเขายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านที่เพิ่งซ่อมแซมใหม่
“ใช่แล้ว! พวกเจ้าทำได้ดีมาก” อวิ๋นหลินตอบด้วยความยินดี