ก้าวแรกของชีวิตใหม่
หลังจากทบทวนความทรงจำและตั้งสติได้ จ้าวอวิ๋นหลินรู้ว่าหากนางไม่ทำอะไรสักอย่าง ชีวิตของนางและลูก ๆ คงจะต้องเผชิญกับความหิวโหยอีกนาน นางกวาดตามองไปรอบ ๆ หวังจะหาหนทางให้พวกเขารอดพ้นจากสถานการณ์นี้ จนกระทั่งสายตาไปสะดุดกับบ่อน้ำเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกล
"อย่างน้อยก็น่าจะมีปลาสักตัว" นางพึมพำเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นช้า ๆ ความคิดที่จะตกปลาเข้ามาในหัว นี่อาจเป็นวิธีเดียวที่นางจะหาอาหารได้โดยไม่ต้องขอทานหรือขโมย
นางรีบเดินไปยังบ่อน้ำนั้น แม้ไม่มีเบ็ดตกปลาแต่จ้าวอวิ๋นหลินใช้ทักษะการเอาตัวรอดที่เคยเรียนรู้ในชีวิตก่อนหน้านี้ มองหากิ่งไม้ยาว ๆ มามัดกับเส้นเชือกขาด ๆ ที่พอจะหาได้ นางใช้ความพยายามประดิษฐ์อุปกรณ์ง่าย ๆ ขึ้นมา โดยใช้ไส้เดือนที่หาได้จากดินเป็นเหยื่อล่อ
เมื่อทุกอย่างพร้อม นางหย่อนสายลงบ่อ มือที่จับกิ่งไม้ยังคงสั่นเล็กน้อยจากความอ่อนล้าและความตื่นเต้น เสียงน้ำกระเพื่อมเล็กน้อยทำให้นางหวังว่าจะมีปลาเข้ามากินเหยื่อในไม่ช้า
เวลาผ่านไปช้า ๆ ความเงียบงันแผ่ปกคลุม นางรู้สึกถึงแรงตึงเบา ๆ ที่สายเบ็ด นางรีบกระตุกสายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปลาขนาดเล็กดิ้นรนในมือของนาง
"ได้ปลาแล้ว!" อวิ๋นหลินพูดอย่างตื่นเต้น ความหวังเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง
แม้ปลาที่นางได้จะไม่ใหญ่พอสำหรับมื้อหรูหรา แต่สำหรับนางและลูก ๆ มันคือขุมทรัพย์ที่จะช่วยประทังชีวิตในวันนี้ได้
นางรีบกลับไปหาลูก ๆ ที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ความรู้สึกอิ่มเอิบในใจของนางเริ่มผุดขึ้นจากการได้ทำอะไรด้วยตัวเองและเริ่มก้าวแรกในการสร้างชีวิตใหม่
"วันนี้พวกเราจะกินปลากัน" นางกล่าวกับลูก ๆ ด้วยรอยยิ้ม แม้จะเป็นมื้อที่เรียบง่าย แต่ความรู้สึกแห่งการเอาชนะความยากลำบากครั้งนี้กลับเติมเต็มหัวใจของนาง
เด็กแฝดทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาหาจ้าวอวิ๋นหลินทันทีที่เห็นนางกลับมาพร้อมกับปลาตัวเล็ก ๆ ในมือ ดวงตาใสของพวกเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
"ท่านแม่! ท่านแม่ได้ปลามาแล้ว!" เสี่ยวหานตะโกนเสียงดัง ขณะที่อิงเอ๋อร์น้องสาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ พวกเขาวิ่งเข้ามาโอบกอดนางอย่างตื่นเต้น
"ข้าหิวจังเลย! พวกเราจะได้กินกันแล้วใช่ไหม ท่านแม่? "
อิงเอ๋อร์ถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง แม้จะเป็นเพียงปลาตัวเล็ก ๆ แต่สำหรับพวกเขา มันคืออาหารมื้อสำคัญที่รอคอยมานาน
จ้าวอวิ๋นหลินมองใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของลูก ๆ แล้วหัวใจของนางอบอุ่นขึ้น นางพยักหน้าเบา ๆ
"ใช่แล้ว แม่ต้องเตรียมให้เรียบร้อยก่อน พวกเจ้ารออีกหน่อยนะ"
เด็ก ๆ นั่งลงข้าง ๆ นางอย่างว่าง่าย ขณะที่จ้าวอวิ๋นหลินนำปลาไปล้างและจัดเตรียมมาย่างไฟที่ก่อไว้ แม้จะไม่มีเครื่องปรุงหรูหรา นางรู้สึกถึงความหวังเล็ก ๆ ที่กลับมาในใจ ไม่ใช่เพียงเพราะนางสามารถหาอาหารได้ แต่เพราะรอยยิ้มของลูก ๆ ทำให้นางรู้ว่า ไม่ว่าชีวิตนี้จะยากลำบากเพียงใด นางจะต้องสู้ต่อไปเพื่อลูก ๆ ของนาง
เมื่อย่างปลาสุกและกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่ว เด็กทั้งสองก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม "ท่านแม่ ข้าหิวแล้ว!" อิงเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพร้อมกับมือเล็ก ๆ ที่ยื่นมาขออาหาร
อวิ๋นหลินยิ้มพลางหยิบปลาย่างที่สุกแล้วให้ลูก ๆ แม้จะเป็นเพียงอาหารเรียบง่าย แต่สำหรับเด็กทั้งสองมันคือมื้ออาหารที่ดีที่สุดในโลก
หลังจากท้องอิ่มด้วยปลาตัวเล็ก ๆ ที่หาได้ อวิ๋นหลินพาลูก ๆ ทั้งสองเดินกลับไปยังที่พักชั่วคราว ซึ่งเป็นบ้านร้างเก่าแก่ที่ไม่มีใครใช้อยู่อาศัยอีกแล้ว บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของหมู่บ้าน ห่างไกลจากผู้คนมากพอที่พวกเขาจะสามารถพักพิงได้โดยไม่ถูกพบเจอ
เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เด็กแฝดเริ่มรู้สึกง่วงงุน ดวงตาของพวกเขาหรี่ลงด้วยความอ่อนล้าหลังจากวันที่หนักหนา จ้าวอวิ๋นหลินพยุงเด็กทั้งสองให้เดินเข้าไปข้างใน ก่อนจะพาพวกเขาลงนอนบนกองฟางเก่า ๆ ที่ใช้แทนเตียง แม้จะไม่ใช่ที่นอนที่อบอุ่น แต่ก็ดีกว่าการนอนกลางแจ้ง
นางใช้ผ้าขาด ๆ ที่มีอยู่คลุมร่างของลูก ๆ อย่างทะนุถนอม ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ มองพวกเขาหลับไปอย่างช้า ๆ หัวใจของจ้าวอวิ๋นหลินเต็มไปด้วยความห่วงใยและความตั้งใจที่จะปกป้องเด็กทั้งสองให้ได้ไม่ว่าชีวิตจะลำบากเพียงใด
บ้านร้างหลังนี้อาจจะมืดมิดและเงียบเหงา แต่มันก็เป็นที่เดียวที่นางสามารถเรียกว่า "บ้าน" ในตอนนี้ นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจ
"ข้าต้องอยู่รอด... และต้องสร้างชีวิตใหม่ให้ดีกว่านี้" นางคิดในใจ ขณะที่นั่งพิงผนังบ้านร้าง นางหลับตาลงและปล่อยให้ความเหนื่อยล้าพานางเข้าสู่ห้วงนิทรา ท่ามกลางความเงียบสงบของคืนที่เต็มไปด้วยความหวังที่จะเริ่มต้นใหม่