บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ไร้หมุดเหล็ก

เอ้อร์กัวถอดรองเท้าแล้วขึ้นนอน หันหลังให้เจี่ยนหรง เขารู้สึกว่าเช่นนี้ก็ดี เตียงใหญ่จะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัด เขาไม่ต้องการที่จะเข้าใกล้หรือสัมผัสตัวภรรยาเลยแม้แต่น้อย

“ดับไฟด้วย ข้ายากจน หากเจ้าอยู่นานจะสิ้นเปลืองน้ำมันโดยไม่จำเป็น” เขาประชดที่นางเคยว่าเรื่องเขายากจน แต่เมื่อพูดออกไป เขาก็รู้สึกเสียใจอยู่มาก นางเป็นเพียงหญิงบ้าที่ไม่รู้ความ เขาจะโกรธอะไรนางนักหนา

แต่เจี่ยนหรงกลับดับไฟและนอนลงบนเตียงข้างสามีโดยไม่คิดมาก นางคล้ายไม่ใส่ใจด้วยซ้ำว่าคืนเข้าหอจะต้องทำอะไรหรือไม่ ดึงผ้าห่มผืนบางที่เขาเตรียมไว้ไปห่มโดยไม่รังเกียจ อีกทั้งยังไม่แสดงอาการหวาดกลัวหรือเขินอายใดๆ ทั้งสิ้น

เอ้อร์กัวได้แต่ถอนหายใจ การไม่รู้เรื่องราว บางครั้งก็ไม่ต้องใส่ใจ เช่นนี้อาจดีกว่า มีเพียงเขาที่กังวลก็พอ ชายหนุ่มเริ่มหวนคิดถึงความเจ็บปวดที่ถูกเหมยฮวาทิ้ง อย่างน้อยยามนี้เขาก็ได้นอนคิดทบทวนว่าเขาทำสิ่งใดพลาดไปเขาจึงถูกทิ้ง เอ้อร์กัวสะอื้นไห้เบาๆ คิดว่าภรรยาคงหลับไปแล้ว โดยไม่ได้สังเกตถึงความกังวลของอีกฝ่าย

ขณะที่เจี่ยนหรงหวาดหวั่นว่าสามีอาจอยากร่วมสังวาสกับภรรยา แม้นางจะแสร้งนอนหลับอย่างแนบเนียนและค่อนข้างไว้ใจว่าบุรุษเช่นเอ้อร์กัวเป็นคนดี แต่นางก็ยังระวังตัวตลอดเวลา จับข้อมือตัวเองแน่น กระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นของเขา นางก็เริ่มแน่ใจว่าคืนนี้เขาคงไม่ได้มีอารมณ์อยากมีอะไรกับภรรยาแน่ และค่อยๆ หลับไปในที่สุด

เอ้อร์กัวสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงไม้เสียดสีและบานหน้าต่างก็หลุดออกจนมีแสงจ้าเข้ามาในห้องนอน เขารีบลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ มีแสงสว่างขนาดนี้คงสายมากแล้ว ปกติเขาจะตื่นเช้ามาก แต่เมื่อคืนเขาร้องไห้จนหลับไปในเวลาใกล้รุ่งเช้า เขาจึงตื่นสาย

แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้า เอ้อร์กัวไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นในชีวิตนี้ แม้จะรู้สึกว่าตาของเขาบวมจนมองไม่สะดวก เพราะเมื่อคืนเขาร้องไห้ไปมาก แต่เขายังเห็นทุกอย่างชัดเจน

ลิลี่ เจี่ยนหรง ภรรยาตัวเล็กของเขากำลังปีนขึ้นเสาข้างหน้าต่าง และคงเป็นนางที่ปลดสลักจนบานหน้าต่างหลุดออกไปทั้งบาน สองมือเล็กเกาะอยู่บนรอยต่อระหว่างเสาและคานของบ้าน

“..เจ้าทำสิ่งใดอยู่” เขาขมวดคิ้วงุนงง นางท่าทางคล่องแคล่วเหมือนเด็กซุกซนแต่ก็ดูอันตรายจนเขาต้องตะโกนเสียงดัง

“ลงมาเดี๋ยวนี้!” เขารีบลุกพรวดไปรับตัวนางก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้น ทั้งตกใจทั้งโมโห แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดปนเอ็นดูเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มแปลกๆ บนใบหน้าของนาง

ด้วยความเป็นห่วงและหงุดหงิด เขาจึงไม่ทันคิดถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง ลืมเลือนเรื่องที่เขาตั้งใจจะไม่แตะต้องภรรยา อุ้มนางอย่างถนอม ในขณะที่เจี่ยนหรงสายตาจับจ้องแต่คานและเสา ไหนเลยจะสนใจสิ่งเล็กน้อยอย่างการถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของบุรุษ

“เจ้าปีนขึ้นไปทำสิ่งใดบนนั้น” เขาเอ่ยถามพลางวางนางลงบนเตียงอย่างระวัง เจี่ยนหรงกลับมองเขาด้วยสายตาใสซื่อ ก่อนชี้นิ้วไปที่เสาไม้ข้างหน้าต่างที่นางเพิ่งปีนลงมา

“บ้านหลังนี้เจ้าสร้างเองหรือ”

คำถามนั้นทำเอ้อร์กัวชะงักไปครู่หนึ่ง

“ใช่ ข้าสร้างเอง มีอะไร” เขาขมวดคิ้วก่อนตอบเสียงต่ำ

“เจ้าทำได้ยังไง ข้าสังเกตดูแล้ว รอยต่อระหว่างเสาและคานแนบสนิท ไม่ได้ใช้หมุดหรือตะปูตอกเลย เจ้าศึกษาวิธีนี้มาจากไหน” นัยน์ตาของเจี่ยนหรงเปล่งประกาย นางจับจ้องที่รอยต่อระหว่างเสาและคานไม้ไม่วางตา

“หมุดเหล็กหายาก ข้ายากจนจะมีเงินไปซื้อได้อย่างไร” เขาประชด คล้ายยังน้อยใจไม่หายที่เมื่อวานนางตำหนิความจนของเขา

“หากถ้าไม่ใช้หมุดเหล็ก บ้านจะถล่มลงมาได้ แต่ดูบ้านหลังนี้สิ โคตรจะแข็งแรง แถมถูกคำนวณมาอย่างดี”

“หมุดเหล็กทำให้ไม้ผุได้ง่ายขึ้น ความชื้นจะซึมเข้าไปรอบหมุดและลงไปในเนื้อไม้ ทำให้ไม้มีความทนทานน้อยลงในสภาพอากาศที่เปียกชื้นของที่นี่ การใช้ไม้เท่านั้นจึงดีกว่า” เขาอธิบาย และก็เพิ่งนึกได้ว่าภรรยาสติเฟื่องของเขาจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร

“ฉัน..เอ่อ ข้าเคยอ่านเรื่องงานไม้แบบนี้ แต่ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน บ้านพ่อกับแม่กัวเหอก็ไม่ได้ทำแบบนี้ พวกเขาเพียงใช้เชือกป่านมัด สอนข้าหน่อยสิว่าทำยังไง”

“อ่านหรือ..เจ้าอ่านหนังสือออกหรือ แล้วเจ้าอ่านจากที่ใด” เอ้อร์กัวมองนางด้วยความงุนงง ยามนี้แม้เจี่ยนหรงดูตื่นเต้นราวสติเฟื่อง แต่คำที่นางใช้แทบไม่เหมือนสตรีที่ทุกคนรู้จักในนาม หญิงบ้า สักนิด เขาเริ่มสงสัย

“เจ้าใช้เครื่องมือแบบไหน” นางถามอีก ไม่สนใจตอบคำถามของเขา คล้ายนางตื่นเต้นกับรอยต่อบนคานมากจนไม่สนใจสิ่งอื่น

“เจ้าจะถามเรื่องพวกนั้นไปเพื่ออันใด เจ้าเข้าใจหรือ”

“บอกข้าหน่อยว่าทำยังไงให้มันยึดเข้าด้วยกัน นะ..” นางหันมามองเขาอย่างอ้อนวอน นัยน์กลมโตคู่นั้นสดใสตื่นเต้น

“เอ่อ..ก็ใช้วิธีเจาะรูและแกะสลักเดือยเชื่อมต่อกัน” เขาเพียงตอบสั้นๆ เพื่อตัดรำคาญ และใช้คำพูดแบบช่างไม้โดยไม่สนใจว่านางจะเข้าใจหรือไม่

“เดือยและรูที่เจาะต้องพอดีกันมาก เจ้าใช้อะไรวัด แล้วทำไมถึงแนบสนิทขนาดนั้น” แต่นางก็คล้ายเข้าใจและถามคำถามอื่นต่อทันที

“ข้า..วัดด้วยตาของข้า”

“โกหก มนุษย์จะแม่นยำขนาดนั้นได้ยังไง” นางขมวดคิ้ว

“...” เขาใช้สายตาวัดจริงๆ แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

“ข้างในเป็นแบบไหน บอกมาสิ หรือไม่ก็วาดให้ข้าดูก็ได้” นางพยายามซักไซ้ไม่หยุด ถึงขั้นลุกขึ้นไปจับแขนเขาเขย่า

“จะวาดได้อย่างไร ไม่มีทั้งกระดาษทั้งหมึก” เอ้อร์กัวตอบพลางพยายามดึงแขนของเขาออกจากมือเล็ก

แต่เจี่ยนหรงไม่ยอมแพ้ นางลากเขาออกไปนอกเรือน ท่ามกลางแสงแดดอ่อนของยามเช้า นางก้มลงไปนั่งยองๆ บนพื้นดิน ชี้นิ้วไปที่พื้นว่างๆ

“งั้นวาดตรงนี้ก็ได้”

เอ้อร์กัวมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบกิ่งไม้มาขีดเขียนบนพื้นตามคำขอ เจี่ยนหรงมองตามเส้นขีดของเขาด้วยสายตาเปี่ยมความสนใจอย่างจริงจัง นางพึมพำชื่นชมเป็นระยะ

“สุดยอดเลย เมื่อคืนข้าไม่ได้สังเกตเพราะมืดเกินไป ไม่คิดว่าบ้านหลังนี้จะสร้างได้ละเอียดและแข็งแรงขนาดนี้”

เอ้อร์กัวมองใบหน้าของภรรยาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างจริงใจ นางจ้องมองลายเส้นขรุขระเหล่านั้นด้วยความตั้งใจ สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เหมือนนางจะสามารถดูออกว่ามันคืออะไร

เอ้อร์กัวอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ความหงุดหงิดค่อยๆ ท่วมท้น แต่เขากลับพบว่าความรู้สึกนั้นช่วยกลบเกลื่อนความเสียใจที่กดดันหัวใจของเขามาตลอดทั้งคืนอย่างประหลาด

สายตาของเขาเหลือบไปเห็นเตาไฟเก่าๆ ที่มุมเรือน ภาพของผักต้มเกลือเมื่อคืนวิ่งเข้ามาในหัว เขารู้สึกเหมือนถูกกระแทกด้วยความละอายใจ แม้เจี่ยนหรงจะดูเหมือนสตรีที่ไม่เต็มเต็ง แต่ความจริงนางก็เป็นเจ้าสาวของเขาแล้ว และเขากลับทำอาหารที่ยากจนข้นแค้นเช่นนั้นในคืนเข้าหอให้ แม้เมื่อคืนนางจะไม่ได้กิน เขาก็ยังรู้สึกละอาย

เอ้อร์กัวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ เขามองเจี่ยนหรงที่ยังคงจดจ่ออยู่กับลายเส้นบนดิน นางดูเหมือนเด็กเล็กที่จมอยู่ในโลกของตนเองโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แม้เขาจะไม่เข้าใจนาง แต่ก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้นางได้ลิ้มรสอาหารที่ดีกว่าเมื่อคืน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel