บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 หญิงบ้า

“เอ้อร์กัวน้อย เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี” ผู้ใหญ่บ้านเสียงดังฟังชัด ยิ้มกว้างเอ่ยทักชายหนุ่ม

“..ท่านลุง” เขาโค้งหลังประสานมือทักทายอย่างมีมารยาท

“ท่านลุงอะไรกัน ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กเล็กๆ เคยช่วยเหลือเจ้าหลายครั้ง ตอนเด็กๆ ข้ายังเคยมอบผ้าห่มให้เจ้าด้วย เรียกข้าว่าท่านพ่อก็ไม่ผิดอะไร” ลุงต้าซานทวงบุญคุณด้วยรอยยิ้ม

“..ท่านพ่อ” แต่เอ้อร์กัวกลับยิ้มเล็กน้อย เขาเข้าใจผิดว่าเขาและเหมยฮวากำลังจะแต่งงานกันแล้ว ลุงตาซานจึงใจกว้างยอมให้เขาเรียกเช่นนั้น

“เอาเถิด ข้าเห็นใจเจ้า เจ้าก็อายุยี่สิบปี ถือว่าเกินวัยที่จะมีครอบครัวมาสักพักแล้ว ทั้งเจ้ายังไม่มีพ่อแม่คอยดูแลจัดการ วันนี้ข้าจึงถือวิสาสะ ตั้งใจช่วยจัดการเรื่องสำคัญนี้ให้เจ้า ข้ายินดีจะเป็นผู้ใหญ่สู่ขอเจ้าสาวให้เจ้า ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

“เอ่อ..ขอบคุณขอรับ” ชายหนุ่มก้มหน้าลง รอยยิ้มก่อนหน้าค่อยๆ จางหาย เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เพราะเขาและเหมยฮวากำลังจะแต่งงานกัน เขาควรเรียกลุงต้าซานว่าพ่อภรรยา เหตุใดลุงต้าซานจึงจะช่วยเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวสู่ขอเจ้าสาวให้เขาด้วย

ท่ามกลางเสียงแสดงความยินดี บางคนถึงกับยกย่องในความใจกว้างของลุงต้าซาน ถึงแม้เอ้อร์กัวจะยากจนมาก แต่เขาก็เป็นคนใจดี มักช่วยเหลือชาวบ้านเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่บ่น ชาวบ้านจึงรักและเอ็นดูเขาอยู่มาก การที่เขาจะได้แต่งงานมีครอบครัวช่วยดูแล เป็นเรื่องน่ายินดี

“ยินดีด้วยนะ พี่เอ้อร์กัว ข้าดีใจกับพี่จริงๆ” เหมยฮวาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส นางยืนอยู่ข้างบิดา ใบหน้าอ่อนหวานเปี่ยมสุข ริมฝีปากส่งยิ้มระบายอย่างไร้เดียงสา

คำพูดของนางกลับทำให้ใจของเอ้อร์กัววูบโหวง เขาพยายามเปล่งเสียงแต่กลับพูดไม่ออก รอยยิ้มใสซื่อของนางตอกย้ำความสับสนในใจของเขา

‘เหตุใดเหมยฮวาถึงพูดเช่นนี้ เหตุใดนางถึงไม่กล่าวถึงการแต่งงานของเรา เหตุใดนางจึงไม่สวมชุดแดง’ ความหวาดกลัวแผ่ซ่านในอก เอ้อร์กัวรู้สึกเหมือนผืนฟ้ากำลังพลิกผัน เรื่องราวทั้งหมดอาจไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิด...

“ปล่อย! ปล่อยฉันนะไอ้พวกสวะ”

เสียงเอะอะดังขึ้นจากอีกฟากของลาน ผู้คนต่างหันมองไปยังชายสองคนซึ่งกำลังลากหญิงสาวร่างเล็กในชุดเก่าขาดผ่านฝูงชนมาอย่างทุลักทุเล หญิงสาวดิ้นรนสุดกำลังพร้อมกับส่งเสียงก่นด่า

“พวกเลว! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!” นางถีบไปที่ขาของชายคนหนึ่ง จนชายผู้นั้นล้มลง หลายคนต่างตกตะลึงในพละกำลังมหาศาลของหญิงสาวร่างเล็ก

“..นางบ้านี่!” ชายคนที่ล้มลงไปก่นด่า เขาคือฟางเฉียน ลูกพี่ลูกน้องของเหมยฮวา

“แกไม่มีสมองหรือไง ฟังไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ” เด็กสาวตัวเล็กยืนเชิดหน้า มองหน้าบุรุษที่ล้มอยู่ด้วยความรังเกียจ พูดสำเนียงประหลาดเปล่งหู

กระโปรงของเด็กสาวฉีกขาดเลยหัวเข่า แต่ภายใต้กระโปรงกลับมีใบบัวห่อและมัดไว้รอบขา ราวกับมีใบไม้แห้งห่อเอาไว้และใช้เชือกบางอย่างมัดอย่างดี จึงไม่มีผู้ใดเห็นขาขาวๆ ของนาง แต่ทุกคนที่นั่นต่างมองและขมวดคิ้วในความประหลาดนั้น

ลิลี่ เจี่ยนหรง เด็กสาวสติเฟื่องที่ผู้คนในหมู่บ้านรู้จักกันดี เป็นบุตรีบุญธรรมของสองตายายกัวเหอที่อยู่นอกฝั่งแม่น้ำของหมู่บ้านทุ่งแดง สองตายายเพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานมานี้ นางจึงถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตอย่างเดียวดายน่าสงสาร

เอ้อร์กัวจำได้ว่าสองตายายถูกไฟไหม้เรือนระหว่างที่นอนหลับจนเสียชีวิตไปเมื่อเดือนก่อน เจี่ยนหรงที่สติไม่ค่อยดีจึงไร้หนทางไป ยามนี้นางอาศัยอยู่ที่ซากบ้านหลังเก่าของสองผู้เฒ่ากัวเหอ

แม้ใบหน้าของนางจะงดงามน่ารัก ดวงตากลมโตและผิวขาวเนียนคล้ายหยก ทว่าท่าทางและคำพูดของนางกลับเป็นที่น่าหนักใจสำหรับทุกคน อีกทั้งผิวพรรณงดงามของนางก็มักจะเปื้อนดินโคลนอยู่เสมอ ราวกับนางเป็นสตรีที่ไม่รู้จักอาบน้ำ

“นางบ้านี่!” เฉียนฟางทั้งโมโหทั้งรู้สึกอับอายก่อนจะลุกขึ้นและกระชากแขนเรียวของเด็กสาวประหลาดอย่างไม่ปรานี

“โอ๊ย!”

“หยุดนะ!” เอ้อร์กัวตกใจรีบร้องห้าม เขาไม่คิดว่าจะมีบุรุษใดกล้ารุนแรงกับสตรีตัวเล็กเช่นนั้น

“หยุดนะ!” ลุงต้าซานรีบร้องห้าม

“ท่านลุง!” เฉียนฟางไม่พอใจ

“ช่างเถิด อย่าเอาความสตรีสติเฟื่องเลย อีกอย่างวันนี้เป็นงานมงคลของนางด้วย ไม่ควรทำเรื่องเสียมารยาทเช่นนี้กับเจ้าสาวของเอ้อร์กัว อย่างไรข้าก็ตั้งใจจะจัดงานแต่งให้พวกเขาแล้ว” ลุงต้าซานกล่าวเสียงดังฟังชัด

เอ้อร์กัวเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงผู้ใหญ่บ้านพูด ใจของเขาร่วงหล่นราวกับหินตกน้ำ ทุกอย่างค่อยๆ กระจ่างขึ้นในความคิดของเขา เขารู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ชายหนุ่มรูปงามในชุดแดงเก่าๆ เงยหน้าขึ้นมองเหมยฮวา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ทว่าเหมยฮวาเพียงส่งยิ้มเล็กน้อยให้เขา รอยยิ้มนั้นช่างว่างเปล่า ไร้แววเสียใจหรือสำนึกใดๆ

นางลืมค่ำคืนหอมหวานของพวกเขาแล้วหรือ นางทำใจให้เขาแต่งงานกับคนอื่นได้หรือ นางไม่อาลัยเขาเลยหรือ ทั้งที่ทุกคืนที่แอบพบกัน เหมยฮวาแทบจะร้องพร่ำบอกคำหวานซ้ำๆ กับเขาไม่ใช่หรือ เหตุใดนางจึงส่งยิ้มเช่นนั้น

เอ้อร์กัวคล้ายหูดับไม่ได้ยินสิ่งใด สายตาจ้องมองหญิงคนรักตลอดเวลาโดยไม่อาจกล่าวคำใด ขณะที่รอบข้างมีเสียงพึมพำจากผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เจ้าสาวสติเฟื่องของเขาไม่ขาดสาย

“นางก็ยังคงบ้าเช่นเดิม ฮึ”

“ดูสิว่าเจ้าสาวของเราทำตัวอย่างไรในวันแต่งงาน”

“สงสารเอ้อร์กัวจริงๆ ต้องมารับมือกับสตรีเช่นนี้”

“สงสารอันใด พวกเขาได้ครองคู่กัน ดูแลกันและกันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ”

“ใช่ๆ คู่สร้างคู่สม ฮ่า ๆ ๆ”

ไม่มีใครสนใจแววตาอันปวดร้าวของเจ้าบ่าวที่ยืนอึกอักอยู่กลางลาน ทุกสายตาจับจ้องไปยังเจี่ยนหรงที่ยังคงด่าทอและทุบตีคนที่จับตัวนางมาอย่างดุเดือด

เหมยฮวาก้าวออกมาจากกลุ่มคนอย่างสง่างาม ท่าทางของนางอ่อนโยนดุจหยาดน้ำค้าง นางยิ้มอย่างใจดีราวกับพี่สาวผู้ห่วงใย ก่อนจะเข้าไปใกล้เจี่ยนหรงที่ยังคงดิ้นรนและส่งเสียงดัง

“ลิลี่..น้องสาว อย่าดิ้นรนไปเลย” เสียงของเหมยฮวานุ่มนวลราวกับปลอบเด็กน้อย

“หุบปาก ใครอนุญาตให้เธอเรียกฉันด้วยชื่อนั้น และข้าไม่ใช่น้องสาวของสตรีร่านรักเช่นเจ้า” เจี่ยนหรงกัดฟัน หันไปมองเหมยฮวาด้วยสายตาเย็นชา ใช้ภาษาสลับไปมาราวกับยังไม่คุ้นชินกับวิธีการพูดของคนในหมู่บ้านทุ่งแดง

“เจ้าอย่าโวยวายนักเลย พวกพี่เฉียนฟางเพียงต้องการพาเจ้ามาแต่งงาน นี่อย่างไรเล่า เจ้าบ่าวที่ข้ารับปากเจ้าไว้ ชายหนุ่มรูปงามและฉลาดที่สุดในหมู่บ้านของเรา” เหมยฮวาพูดเสียงเบายิ้มแย้ม

“ข้าไม่เคยรับปากเจ้า” เจี่ยนหรงเอ่ยเสียงแข็ง กัดฟันขณะมองเหมยฮวาเหมือนคนแปลกหน้าที่นางเกลียดชัง สายตาเย็นชา นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความโกรธที่ปกคลุมใจ

“น้องพี่ อย่าพูดเช่นนั้นเลย ข้าเป็นห่วงเจ้า จึงช่วยคิดเรื่องนี้แทนเจ้า อย่างไรตอนนี้เจ้าก็ตัวคนเดียว อยู่อย่างลำบาก การแต่งงานกับพี่เอ้อร์กัวย่อมดีต่อเจ้า แม้เขาจะยากจนไปสักหน่อย แต่เขาเหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก” เหมยฮวาอธิบาย

สายตาของเจี่ยนหรงเลื่อนไปสบกับเอ้อร์กัว เขาที่เคยยิ้มแย้มสดใสกลับยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ดวงตาหม่นหมองเหมือนท้องฟ้าใกล้ถล่ม ใบหน้าของเขาดูคล้ายจะร้องไห้ ทว่าเขากลับฝืนยืนอย่างสงบ เหมือนชายผู้หมดสิ้นความหวัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel