บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 เสียงกรน

เอ้อร์กัวกลับเข้าเรือนในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ร่างกายเย็นเยียบจากน้ำในแม่น้ำ แต่เขาเลือกที่จะไม่จุดไฟในเตาอีก เพียงขึ้นเตียงห่มผ้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่น

แต่เขากลับนอนไม่หลับ เพราะเสียงกรนเบาๆ ของหญิงสาวข้างกายดังต่อเนื่องไม่หยุด เขาพลิกตัวไปมา ก่อนเอื้อมมือเย็นเฉียบไปแตะแก้มนาง หวังเพียงปรับท่านอนให้นางหยุดกรน

ทันใดนั้น เจี่ยนหรงสะดุ้งตื่นขึ้น! นางพลิกตัวคล่องแคล่วคร่อมเขาในพริบตา เท้าน้อยๆ กดลงบนอกของเขา สองมือประดุจรั้งสายเส้นบางอย่างจากข้อมือนางไว้ พร้อมจะรัดคอสามี ใบหน้าเด็กสาวเคร่งขรึมเยือกเย็น แม้นางจะดูตกใจจนสะดุ้งตื่น แต่แววตาไร้ความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง

“คิดจะทำอะไร!!” นางเอ่ยถามเสียงเข้ม

เอ้อร์กัวตกใจจนหายใจไม่ออก ไม่แน่ใจว่าเพราะนางเหยียบเขาอยู่หรือเพราะตื่นตระหนก เขาอึกอักพูดออกไปอย่างยากลำบาก

“เจ้ากรน...ข้าจึงคิดจะปลุกเจ้าเท่านั้น..”

“แน่ใจหรือ” นางเอ่ยถามเสียงเรียบ มองเขาอย่างจับผิด

“แน่ใจ ข้าไม่มีความคิดแตะต้องเจ้า..เจ้าไม่ต้องกังวล” ชายหนุ่มไม่กล้ามองไปที่อื่นนอกจากสายตาดุของภรรยา แม้กระโปรงของนางจะเปิดจนเห็นฝ่าเท้าเล็กที่เหยียบอยู่บนอก และต้นขาขาวนวล

เจี่ยนหรงได้ยินดังนั้นนางก็พยักหน้าแผ่วเบา ค่อยๆ ลงจากอกของสามี ก่อนล้มตัวลงนอนข้างกายเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่ามือของนางยังคงกำข้อมือตัวเองไว้แน่น ราวกับตรงนั้นซ่อนอาวุธลับบางอย่างไว้

แม้เอ้อร์กัวจะไม่เห็นชัดเจน แต่เขาก็มั่นใจว่านางมีบางสิ่งซ่อนอยู่บนข้อมือ เขาขยับตัวออกห่างจากนางเล็กน้อย ค่อยๆ คิดและทำความเข้าใจว่าภรรยาของเขาไม่ได้ไว้ใจเขามากดังท่าทางที่แสดงออกอยู่ทุกวัน

นางดูเหมือนสงบเยือกเย็น ไม่คิดสิ่งใดมากและทำตัวสติไม่สมประกอบ แต่ก็ระวังตัวทุกฝีก้าว การพลิกตัวของนางเมื่อครู่รวดเร็วจนน่าตกใจ คล้ายกับจอมยุทธ์ในตำราที่เขาอ่าน แม้เขาเองจะไม่เคยเห็นจอมยุทธ์มาก่อนก็ตาม

เขาครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อยู่พักใหญ่ แต่เมื่อไม่มีเสียงกรนขัดจังหวะ และด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งคู่ก็หลับไปในที่สุด คืนนี้ช่างเป็นค่ำคืนที่แปลกประหลาด แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ก็ยังนอนข้างกายกันได้อย่างเงียบสงบ และปกติ

หลังจากค่ำคืนอันแปลกประหลาดนั้น เอ้อร์กัวยังคงรับหน้าที่ปรุงอาหารให้ภรรยาเป็นปกติ ราวกับว่านางไร้ความสามารถในงานครัวโดยสิ้นเชิง

ภายนอกพวกเขาดูปกติ แต่การสนทนาระหว่างเอ้อร์กัวและเจี่ยนหรงกลับลดน้อยลงทุกวัน เขาเริ่มหาเหตุผลออกจากเรือนอยู่เสมอ เขามักขึ้นเขาเพื่อเก็บผักป่าหายาก ล่าสัตว์ หรือแม้แต่ตัดฟืน

สัตว์ป่าที่ล่ามาได้ เขาเลือกนำไปแลกเป็นเงินอีแปะ ซื้อเมล็ดธัญพืชกลับมาเก็บไว้ในเรือน นางไม่กินเนื้อ เขาจึงไม่กินด้วย ซึ่งก็ประหยัดเงินไปได้มาก เพราะเขาไม่ต้องเก็บไก่ไว้ให้ภรรยากิน

ในขณะที่เอ้อร์กัวขะมักเขม้นอยู่กับงานนอกบ้าน บางครั้งที่ขึ้นเขาอยู่ลำพัง เขาก็ยังแอบร้องไห้คิดถึงเหมยฮวาอยู่บ้าง แต่มักมีสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดเพราะภรรยาจนลืมเลือนความเจ็บปวดได้ทุกครั้ง ส่วนเจี่ยนหรงใช้ชีวิตในเรือนอย่างขยันขันแข็ง กิจกรรมของนางนั้นล้วนแปลกประหลาดจนเขาอดสงสัยไม่ได้

วันหนึ่งนางหมกมุ่นอยู่กับการปั้นดินโคลนให้เป็นก้อนยาว ใช้เชือกเส้นเล็กตัดจนเป็นสี่เหลี่ยม และตัดเป็นแผ่นบางเท่าหนึ่งนิ้วมือ วางลงบนกระบอกไม้ไผ่ทีละแผ่นให้โค้งงอ รอจนแห้ง ก่อนจะเผาด้วยไฟร้อนแรง ใช้ฟืนที่เขาอุตส่าห์ตัดมาด้วยความลำบากไปมากมาย อีกวันเจี่ยนหรงก็หายตัวไปทั้งวัน ไม่มีแม้แต่คำบอกกล่าว เมื่อกลับมาถึงบ้านก็เกือบมืด สลับกันไปวันเว้นวัน

พวกเขาใช้ชีวิตเช่นนี้ไปมาราวกับคนแปลกหน้าที่อยู่ใต้หลังคาเดียวกัน ไม่มีใครเอ่ยปากถามถึงความเป็นไปของอีกฝ่าย วันเวลาหมุนเวียนเช่นนี้จนกลายเป็นความปกติ

ยามเย็นที่ดวงอาทิตย์ลอยคล้อยต่ำลงจนแทบจรดสันเขา แสงสีแดงส้มของยามสนธยาอาบท้องฟ้าและลำธารใสให้กลายเป็นสีทองอร่าม เอ้อร์กัวลากไม้สองท่อนที่ผูกฟืนไว้เป็นกองใหญ่กลับบ้าน แผ่นหลังเปียกโชกด้วยเหงื่อชุ่ม จากแรงกายที่ทุ่มเทมาทั้งวัน

ภรรยาของเขาใช้ฟืนมากจนเกินพอดีจนเขาต้องเพิ่มความพยายามในงานหนักนี้ขึ้นอีก เมื่อเข้าใกล้เรือนหลังน้อย เขาก็เหลือบเห็นเจี่ยนหรงนั่งอยู่กลางลานหน้าบ้าน มือทั้งสองข้างปั้นดินเป็นก้อนกลมอย่างตั้งอกตั้งใจ เรือนผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย และมีคราบดินเกาะเปื้อนตามเสื้อผ้าจนแลดูเหมือนเด็กเล่นดินเสียมากกว่าผู้ใหญ่ที่กำลังตั้งใจทำงานหนัก

เอ้อร์กัวทอดสายตามองภาพนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจหนัก เขาเกาหัวอย่างหงุดหงิด ท้องฟ้าที่งดงามในยามนี้ดูเหมือนจะไม่อาจบรรเทาความเหนื่อยล้าในใจของเขาได้ เขาออกแรงโยนกองฟืนลงข้างเรือนจนเกิดเสียงดัง

“เจ้าจะใช้ฟืนมากมายไปถึงไหนกัน” เขาบ่นไม่สบอารมณ์

เจี่ยนหรงเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงบ แต่ไม่ได้กล่าวคำใด ราวกับคำพูดของเขาล่องลอยไปกับสายลมยามเย็น นางเพียงกลับไปสนใจก้อนดินในมือของตนต่อ

หญิงสาวใบหน้ามอมแมมด้วยคราบดิน แต่ไม่ได้ลดทอนความตั้งใจในดวงตาของนางลงเลย มือเรียวค่อยๆ หยอดเมล็ดผักหลากชนิดลงในก้อนดินที่ปั้นเรียงไว้บนพื้นอย่างประณีต

ก้อนดินแต่ละก้อนมีรูขนาดเล็กซึ่งถูกเจาะอย่างพอเหมาะพอดี นางตั้งอกตั้งใจอย่างเงียบเชียบ ราวกับทั้งโลกมีเพียงนางกับก้อนดินเหล่านั้น

เมื่อใส่เมล็ดจนหมด นางลุกขึ้นยืดตัวคลายความเมื่อยล้า ก่อนจะก้าวเดินไปยังโอ่งน้ำ ตักน้ำขึ้นมาด้วยกระบวยไม้เก่าแล้วค่อยๆ พรมลงบนก้อนดินเหล่านั้น น้ำหยดลงช้าๆ ซึมซาบลงไปในดิน ราวกับนางกำลังปลูกฝังชีวิตใหม่ให้เกิดขึ้น

ขณะที่นางทำงานอยู่นั้น หางตาของนางก็เหลือบเห็นสามีเดินผ่านไปเงียบๆ เขาแบกความเหน็ดเหนื่อยจากการตัดฟืนมาตลอดวัน และตรงเข้าครัวโดยไม่เอ่ยวาจาใด เขาเข้าครัวจุดไฟต้มน้ำให้นางอาบตามเคย

เจี่ยนหรงยืนมองแผ่นหลังของเขาอยู่ครู่หนึ่ง พลางสังเกตว่าเอ้อร์กัวเกาศีรษะบ่อยครั้ง ระหว่างที่เขายืนรอให้น้ำเดือด นางย่นหน้าด้วยความรังเกียจ

“สกปรก” นางบ่น แต่ยังปล่อยให้เขาต้มและเตรียมน้ำให้นางอาบ ตามหน้าที่ของสามีที่เขาทำทุกวันอย่างซื่อสัตย์

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel