บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 กินเจ

ภรรยาของเขาไม่ได้โง่จริงๆ นางรู้ว่าเขามักจะนำไก่ไปฝากเหมยฮวาบ่อยๆ เพราะเหมยฮวาชอบกินไก่มาก เขาไม่เคยคิดว่าเจี่ยนหรงจะพูดประชดเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นสามีของนาง และการที่เขาอยากให้นางได้กินอาหารดีๆ ก็ทำไปด้วยความหวังดี แต่เมื่อเขาเริ่มชื่นชมและยอมรับนางได้เพียงเล็กน้อย นางกลับทำให้เขาหงุดหงิดอีกครั้งจนได้

เอ้อร์กัวหันหลังเดินออกไป..

“เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่นะ..คือว่า..” เจี่ยนหรงรู้สึกหงุดหงิด แต่นางก็วิ่งด้วยเท้าสั้นๆ ออกไปจับแขนเสื้อสามีไว้ นางรู้ดีว่าเขารักเหมยฮวามากเพียงใด นางไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกของเขา นางเพียงเป็นสตรีปากเสียเท่านั้น นางรู้ดีว่าเขาหวังดีต่อนาง

“...” เอ้อร์กัวหยุดเดิน มองลงบนแขนเสื้อที่เปื้อนคราบดินโคลนเพราะถูกภรรยาจับไว้

“ฟังก่อนได้ไหม ข้ารู้ว่าเจ้าดีต่อข้า ข้าเพียงอยากบอกว่า ข้าไม่ชอบกินไก่จริงๆ ข้าเป็นมังสวิรัติ ข้าไม่ชอบกินเนื้อทุกประเภท”

“สิ่งใดคือมังสาวีรา” เขาหันมามองหน้าภรรยา นี่เป็นครั้งแรกที่นางอยู่ใกล้เขามาก ขนาดตัวของนางสูงเพียงอกเขาเท่านั้น เขารู้สึกว่านางตัวเล็กมาก แต่ไม่คิดว่าจะเล็กเพียงนี้

“มันคือคำเรียกที่ใช้สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์”

“เจ้ากินเจหรือ..เพราะเหตุใด แม้แต่ตาเฒ่าหลวงจีนซางปิงนั่นยังไม่ยอมกินเจเลย” เขาเริ่มเข้าใจ

วันก่อนที่เขาตักเนื้อไก่ให้ นางถึงได้ทำหน้าตาราวจะร้องไห้ ที่แท้นางกำลังทรมาน ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งดีใจที่ไม่เคยกินไก่ เขารู้สึกว่าตัวเองโง่งม และยิ่งแน่ใจว่าเจี่ยนหรงไม่ได้บ้า

“ข้า..ถือว่ากินเจก็ได้ ดังนั้นเจ้าไม่ต้องหาเนื้อให้ข้า ข้าชอบกินผัก ยิ่งพืชผักจริงๆ ที่ขึ้นบนพื้นดินของที่นี่ ข้ายิ่งชอบ และ..เรื่องของเหมยฮวา ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ้าเสียใจ แต่ข้าเคยเห็นเจ้าแอบลักลอบพบนาง และทุกครั้งข้าก็เห็นเจ้านำไก่ไปด้วย ข้า..”

“เจ้า!..” เขารีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความอับอายและโกรธเคืองหงุดหงิด นางต้องมีวิธีพูดให้เขาโมโหจนได้

“ข้าหมายถึง ข้าเกลียดสตรีเช่นนาง ข้าจึงไม่ชอบที่เจ้าคิดว่าสตรีทุกคนชอบกินไก่เหมือนนาง!”

“..เจ้าเกลียดนางหรือ นางไปทำอะไรให้เจ้ากัน นางเป็นสตรีใจดี ฉลาดและยังอ่อนโยน..”

“พอแล้ว! เจ้าโง่เพียงนี้เชียวหรือ นี่เจ้ายังจะพูดชื่นชมนางได้อยู่อีก ทั้งที่นางทำเจ้าเสียใจเพียงนั้น”

“..นาง..เหมยฮวาจะต้องมีความจำเป็น นางอาจถูกท่านลุงต้าซานบังคับไม่ให้แต่งกับข้า ข้าเข้าใจและเจียมตัว ข้ารู้ว่าไม่มีบิดาคนใดอยากให้บุตรสาวแต่งงานกับคนยากจน” เขาพยายามแก้ตัว

แม้จะรู้เต็มอกว่าเหมยฮวาไม่มีทางทำในสิ่งที่นางไม่พอใจ หากนางอยากแต่งงานกับเขา ลุงผู้ใหญ่บ้านไม่มีทางขวางได้ เรื่องนี้ต้องเป็นความต้องการของเหมยฮวา แต่เขายังทำใจยอมรับไม่ได้ จึงพยายามอยากเชื่อว่านางถูกบังคับก็เท่านั้น

“โอ้โห..โง่ได้อีก” เจี่ยนหรงปล่อยมือจากแขนเสื้อของสามี พร้อมส่ายหัวด้วยความสมเพชในความโง่งมของบุรุษตรงหน้า

“เจ้า!”

“แต่เอาเถิด ถือว่าเจ้ามั่นคงในรัก ถึงจะโง่แต่ก็น่าสงสาร ข้าไม่ถือสา แค่รู้ไว้ว่าข้าไม่ชอบกินไก่เหมือนเหมยฮวานั่น ต่อไปไม่ต้องหามาให้ข้า เจ้าเก็บผักมาให้ข้าเยอะๆ จะดีกว่า” เจี่ยนหรงสั่งสามี

เอ้อร์กัวเคยคิดว่าภรรยาเป็นเด็กกำพร้าจึงไม่กล้ากินอาหารดีๆ ที่ผู้อื่นมอบให้ นางต้องรู้สึกเกรงใจเขาจนไม่กล้ากินไก่ ที่แท้ก็เป็นความเข้าใจผิดของเขา!

หญิงบ้าตรงหน้าไหนเลยจะเข้าใจคำว่าเกรงใจกัน นางสั่งเขาราวกับเป็นคนใช้ของนางด้วยซ้ำ เขาไม่น่าโง่เคยมองว่านางน่าสงสารเลยจริงๆ ชายหนุ่มเจ็บใจจนต้องรีบเดินทางออกไปจากตรงนั้น เขาหงุดหงิดมากจนหาคำมาบรรยายไม่ได้

วันนั้นเขาใช้ความโกรธที่มีต่อภรรยาเป็นแรงในการตัดฟืน จนได้ฟืนมามากมาย..

ยามเย็น เมื่อเอ้อร์กัวกลับมาถึงบ้าน เขารู้สึกได้ว่าภรรยายังคงอยู่ที่ลานหลังบ้าน จึงเดินไปดู และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก

นางสร้างเตาเผาขนาดใหญ่กว่าที่เขาเคยเห็นมาก่อน รูปร่างเตาดูมั่นคง แข็งแรง ด้านข้างของเตามีสิ่งประหลาดดึงดูดสายตา คล้ายที่สูบลมซึ่งนางสร้างจากไม้ไผ่ขัดมันและกระดาษบางชนิดและเขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันถูกดัดโค้งอย่างพอดี เชื่อมโยงเข้ากับเตาเผาอย่างชาญฉลาด

ปลายด้านหนึ่งเปิดกว้างพอให้ใช้เท้าเหยียบสูบลมเข้าไปได้ ปลายอีกด้านแคบลงเพื่อเร่งแรงลมให้พุ่งเข้าสู่เตาโดยตรง ดินโคลนที่นางตักเล่นในวันแรกถูกปั้นจนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเตาอย่างประณีต แม้ดูเหมือนเป็นงานหยาบ แต่กลับมีกลิ่นอายของการคำนวณและการออกแบบที่ละเอียด

เอ้อร์กัวจ้องมองเตาเผานั้นและสังเกตเห็นความคล้ายคลึงกับเตาเผาที่ร้านตีเหล็กในหมู่บ้านใช้ แต่ต่างกันตรงที่เตาของนางออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องออกแรงมากเหมือนเตาในร้านตีเหล็กทั่วไป เขาถึงกับตกตะลึง ภรรยาตัวเล็กที่ผู้อื่นต่างเรียกว่า หญิงบ้า กลับสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาได้เพียงลำพัง

“กลับมาแล้วเหรอ หิวแล้ว หาอะไรให้กินหน่อย” เจี่ยนหรงเอ่ยเสียงอ่อนล้า ร่างของนางเต็มไปด้วยคราบดินโคลนจากหัวจรดเท้า

นางกำลังก้มจัดเรียงก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นรอบเตาเผา หินเหล่านั้นคงเก็บมาจากแม่น้ำหลังบ้าน ท่าทางของนางดูเหน็ดเหนื่อยจนเอ้อร์กัวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร แม้เขาจะอยากรู้ว่านางไปเรียนรู้เรื่องเหล่านี้มาจากที่ใด แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถาม

เขาเพียงพยักหน้าแล้วรีบหันไปจุดไฟต้มน้ำให้นางอาบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลงมือเตรียมอาหารเย็น เขานำเมล็ดธัญพืชที่เหลืออยู่มาต้มพร้อมไห่ไช่ฮวา[1]ที่เขาเก็บจากหนองน้ำระหว่างทางกลับจากการตัดฟืน

แม้ตัวเขาเองจะเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักทั้งวัน แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของเขาจะเหนื่อยกว่า เมื่อเจี่ยนหรงอาบน้ำเสร็จ มีกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้และแตงกวาเช่นเคย นางรีบมานั่งกินข้าว แทบไม่พูดอะไร รีบกินเพียงพออิ่ม แล้วรีบเข้านอนตั้งแต่อาทิตย์ยังไม่ทันตกดิน

วันนี้เอ้อร์กัวจึงมีเวลาถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปอาบน้ำเย็นในแม่น้ำโดยไม่ต้องกังวลว่าภรรยาจะเห็น เขาหย่อนตัวลงในน้ำเย็นจัด ปล่อยให้กระแสน้ำชะล้างความเหนื่อยล้าไปกับสายธาร เขาไม่ได้ต้มน้ำอาบเพราะรู้สึกว่าเปลืองฟืนเกินไป อีกทั้งเขาเหนื่อยจนตักน้ำมาไว้ในโอ่งดินที่ภรรยาใช้อาบน้ำไปหมดแล้วไม่ไหว

เมื่อเขาลงสู่ลำธาร แสงอร่ามยามเย็นที่ทุ่งแดงสะท้อนเรือนร่างแข็งแกร่งผ่านสายน้ำ กล้ามอกชัดเจนและผิวเปียกชุ่มยิ่งขับให้ดูน่ามอง เขาไม่รู้เลยว่าภรรยาที่ควรจะหลับไปแล้วกำลังแอบดูเขาอยู่เงียบๆ จากในห้องนอน

“อัจฉริยะกล้ามโต..ก็ไม่ได้หล่อมาก แต่น่ามอง” เจี่ยนหรงยิ้มพึมพำก่อนจะทิ้งตัวนอนและหลับไปอย่างรวดเร็ว

[1]ไห่ไช่ฮวา หรือ ผักกาดน้ำ เป็นพืชพันธุ์น้ำเฉพาะถิ่นของจีน มีดอกสีขาว เป็นผักน้ำชนิดหนึ่ง เป็นพืชที่สามารถเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพน้ำได้ มักถูกนำมาประกอบอาหาร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel