บาปติดตัว 1.1
บาปติดตัว
ส่วนทางชญาณี หลังจากวิญญาณออกจากร่าง เธอก็มายืนดูร่างของตัวเองที่กำลังนั่งเอนกายหลับใหลอยู่บนเก้าอี้ทำงาน
“พล พอเถอะ ไม่ต้องช่วยพี่แล้ว มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว พอเถอะนะ”
เธอพยายามบอกกับวรพลว่าไม่ต้องพยายามเรียกหมอแล้ว เนื่องจากตอนนี้เธอได้ตายไปแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ยืนดูน้องชายวิ่งไปวิ่งมาอย่างร้อนรน เพื่อพยายามช่วยชีวิตเธอ
“เธอก็พอเถอะ เดี๋ยวเขาก็รู้เองนั่นแหละว่ายังไงก็ช่วย
ไม่ทันแล้ว” จู่ ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
ชญาณีสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใคร ในเมื่อห้องนี้มีเพียงแค่เธอกับน้องชายแค่สองคนเท่านั้น
‘เจ้าของเสียงนี่คือใครกันนะ หรือว่า...’
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงหันไปทางเสียงนั้นทันที พอเห็นเจ้าของเสียงเธอก็ถึงกับตกตะลึง เพราะอีกฝ่ายเป็นชายร่างสูงใหญ่ หน้าตาดุดัน ผิวสีเข้มดำแดง สวมชุดสีดำแลดูลึกลับ แถมยังถือหอกไว้ข้างตัวอีกต่างหาก มันช่างเป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย
“ยะ อย่าบอกน่าว่าท่านคือยมทูตน่ะ นี่หมายความว่าท่านจะมารับฉันเหรอ” ชญาณีถามด้วยความตกใจและรู้สึกหวาดกลัว
“เป็นวิญญาณที่ฉลาดดีนะ มองปุ๊บก็รู้ปั๊บเลยว่าข้าเป็นยมทูต” ยมทูตกล่าวเสียงเข้ม พลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ที่หญิงสาวตรงหน้ารู้ว่าตนคือใคร โดยไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลา
“ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะคะ ก็ท่านมาซะเต็มยศขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องรู้ทั้งนั้นแหละ ฉันเคยดูละครนะ” หญิงสาวก้มมองเท้าตนเองและบ่นคนเดียวเสียงเบา
“เจ้าแอบพูดอะไรน่ะ นินทาข้าเหรอ” ยมทูตเหมือนจะได้ยินไม่ชัดจึงถามย้ำออกมาเสียงเข้ม
“ปะ...เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่าน่าเสียดายที่ตายเร็วขนาดนี้ ฉันยังมีอะไรที่ไม่ได้ทำอีกหลายอย่าง” เธอรีบโบกมือและพูดปฏิเสธ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนสิ่งที่พูดออกมาเมื่อครู่นี้
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวก็มีคนจัดการเองแหละ เจ้าตามข้าไปแต่โดยดีจะดีกว่า อย่ามัวแต่ชักช้าอยู่เลย
ไปกันเถอะ” ยมทูตพูดขึ้นมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ ก่อนจะกวักมือเรียกให้หญิงสาวตามเขาไป
“แต่ว่าฉันยังเป็นห่วงเรื่องปัญหาที่ห้างสรรพสินค้ากับที่คลินิกอยู่ ฉันขอ...” หญิงสาวตอบด้วยเสียงเศร้าสร้อย เพราะยังห่วงกิจการทั้งสองแห่งอยู่ เธอยังมีเรื่องราวอีกหลายอย่างที่ต้องทำ จึงกำลังจะขอเวลาเพิ่ม แต่ทว่า...
“ไม่ได้ เวลาของเจ้าในโลกใบนี้หมดลงแล้ว เรื่องที่คลินิกเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก หมออีกสองคนเขาจะจัดการเอง
ส่วนเรื่องปัญหาที่ห้างสรรพสินค้าก็ไม่ต้องห่วงเหมือนกัน ข้ารู้ว่าเจ้าทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับน้องชายเรียบร้อยแล้ว อย่ากังวลและยึดติดกับทรัพย์สินนอกกายเลยนะ”
ยมทูตท่านนี้พูดดักคอไว้ เมื่อรู้ว่าหญิงสาวกำลังจะขอเวลาเพิ่ม
“แต่ว่าวรพลยังเด็กมากนะคะ เขาจะรับมือกับพวกลุง ๆ ป้า ๆ อา ๆ ที่เขี้ยวลากดินพวกนี้ไหวเหรอ” ชญาณียังคงพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย พลางมองดูวรพลที่กำลังกำมือของเธอไว้แน่น ด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
ยมทูตเองก็หันมามองที่วรพลบ้าง ก่อนจะพูดขึ้น
“เชื่อเถอะ เขาเก่งและเข้มแข็งมากกว่าที่เจ้าคิด เจ้าวางใจเถอะนะ ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปแล้ว ประเดี๋ยวท่านพญายมจะรอนาน เป็นเด็กปล่อยให้ผู้ใหญ่รอมันจะดูไม่ดีนะ”
“ไปก็ได้ค่ะ แล้วจะไปยังไงเหรอคะ” เธอพยักหน้ายอมรับอย่างเข้าใจสถานการณ์ดี พร้อมกับมองหันซ้ายหันขวา เมื่อไม่เห็นอะไรก็ถามอีกครั้ง “ไม่เห็นว่าจะมีเส้นทางไปยมโลกสักเส้น ประตูมิติก็ไม่มี”
“เดินตามฉันมาก็พอ แล้วอย่าถามให้มากนัก ขี้เกียจตอบ ไปถึงแล้วก็จะรู้เองนั่นแหละ” ยมทูตกล่าวขึ้นมาคล้ายกับเริ่มรำคาญ จากนั้นก็เดินนำหน้าเธอออกจากประตูไป
ชญาณีเดินตามยมทูตไปแต่โดยดี ในใจก็คิดไปด้วยว่า
‘ที่ยมโลกเผด็จการแบบนี้กันหมดเลยหรือเปล่านะ นี่แค่
จะถามอะไรนิดหน่อย ยมทูตท่านนี้ก็ถึงกับบอกว่าอย่าถามมาก
คิดแล้วยมโลกคงจะเป็นที่ที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย แถมพญายมก็คงจะน่ากลัวมาก’ เธออดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงหน้าท่านพญายมว่าคงจะน่ากลัวมาก
ก่อนที่จะออกจากประตู หญิงสาวได้หันมาพูดกับน้องชายอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินก็ตาม
“พล ต่อจากนี้พี่จะไม่อยู่แล้ว พลต้องดูแลตัวเองดี ๆ และเข้มแข็งให้มาก ๆ นะรู้ไหม ลาก่อนนะน้องรัก”
จากนั้นก็เดินออกไปพบทรายแก้วที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอกำลังโทรหาโรงพยาบาลอย่างร้อนรน รวมทั้งพนักงานคนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้น ต่างก็วิ่งไปวิ่งมาอย่างโกลาหล
เมื่อได้ยินว่าท่านประธานป่วยจนต้องเรียกรถพยาบาล เธอยิ้มออกมาอย่างยินดีที่รู้ว่ายังมีคนที่ห่วงเธออยู่หลายคน
“ฝากทุกคนดูแลวรพลแทนฉันด้วยนะ ลาก่อน”
พูดจบชญาณีเดินตามยมทูตไปเรื่อย ๆ จนไปถึงทางหนีไฟ ยมทูตเดินทะลุประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย ทว่าชญาณีลืมว่าตัวเองเป็นวิญญาณไปแล้ว จึงพยายามที่จะเปิดประตูออก เพื่อเดินเข้าไป แต่เปิดอย่างไรก็เปิดไม่ได้
ยมทูตเห็นแล้วก็ถึงกับส่ายศีรษะ แล้วโผล่ร่างทะลุบานประตูออกมาครึ่งร่าง ก่อนจะพูดกับเธอว่า
“ลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเป็นวิญญาณ เจ้าสามารถเดินทะลุประตูเข้ามาได้เลย จะพยายามเปิดประตูทำไมให้เสียเวลา”
