
ทะลุมิติมาเป็นแม่ที่ร้ายกาจของเจ้าหัวผักกาดทั้งสอง 80s
บทย่อ
ชญาณีหรือแก้มหอมเจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และเจ้าของสถาบันเสริมความงามที่กำลังมีชื่อเสียงที่สุดแห่งยุค แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงเธอกลับสามารถบริหารงานได้อย่างไม่มีที่ติ แต่เป็นเพราะทำงานอย่างหนักจึงอาการหัวใจวายเฉียบพลันเสียและชีวิตด้วยอายุสี่สิบปี หลังจากที่ตายแล้ว เธอถูกพญายมตัดสินให้มาชดใช้กรรม โดยมาอยู่ในร่างของโจวลี่เซียน ผู้หญิงร้ายกาจซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม ก่อนที่จะได้แต่งงานกับเซียวเหวินหยางเธอได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อที่จะบังคับให้เขากลายมาเป็นสามี ยิ่งไปกว่านั้นในคืนที่เข้าหอชายหนุ่มยังถูกเธอเป็นฝ่ายเปิดฉากปลุกปล้ำ ระยะเวลาที่พวกเขาอยู่กินกันเป็นสามีภรรยานั้นผ่านมาด้วยความอดทนอดกลั้นทั้งสองฝ่าย นั่นก็เป็นเพราะชายหนุ่มไม่ได้อยากได้ผู้หญิงร้ายกาจอย่างโจวลี่เซียนมาเป็นภรรยาตั้งแต่แรก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และเมื่อเธอตั้งครรภ์เขาจึงจำเป็นจะต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด และเมื่อชายหนุ่มบาดเจ็บกลับมา และอาการของเขานั้นไม่ต่างจากคนพิการแล้ว โจวลี่เซียนจึงหอบเงินทั้งหมดหนีไป ทิ้งสามคนพ่อลูกใช้ชีวิตกันเอง!! เมื่อกลับมาต้องทะเลาะกับแม่สามีไม่เว้นวัน หญิงสาวจะทำให้ลูกสามีกลับมารักเธอได้หรือไม่กันนะ ภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ ติดตามในเรื่องนี้ได้เลยค่ะ
คุณหมอชญาณี 1.1
คุณหมอชญาณี
ภายในคลินิกเวชกรรมแห่งหนึ่งในย่านกลางเมือง แสงสว่างจากหลอดไฟนีออนสีขาวส่องสว่างทั่วทั้งบริเวณ พื้นกระเบื้องเงาวับสะท้อนแสงทำให้ดูสะอาดสะอ้าน พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์สวมยูนิฟอร์มตามแบบของคลินิก ใบหน้าของแต่ละคนยิ้มแย้มพร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ
คลินิกแห่งนี้ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยสีขาวและสีเขียวอ่อน มีเก้าอี้เรียงรายไว้คอยบริการ ด้านหนึ่งของห้องมีโต๊ะวางนิตยสารสุขภาพและแผ่นพับข้อมูลเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ เอาไว้
เครื่องปรับอากาศทำงานอย่างต่อเนื่อง สร้างความเย็นสบายภายในห้อง ในขณะที่เสียงลำโพงที่ติดตั้งไว้เปิดเพลงคลาสสิกเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียดให้ผู้ที่มารอรับการรักษา
หลายคนกำลังนั่งรอคิวด้วยความสงบ บ้างก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ บ้างก็นั่งดูโทรศัพท์มือถือ บ้างก็คุยกับคนที่มาด้วยแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนคนอื่นที่มาหาคุณหมอในวันนี้
ภาพที่เรียกความเอ็นดูให้ทุกคนมีรอยยิ้มคือภาพของเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่งที่กำลังนั่งเล่นของเล่นพลาสติกสีสดใส
ที่ผู้ปกครองนำมาด้วย ขณะที่อีกมุมหนึ่งของห้องมีแม่ลูกกำลังพูดคุยกับพยาบาลที่กำลังเตรียมวัดความดันโลหิตให้
เด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนแม่กำลังเบะปากร้องไห้เพราะความกลัว แต่พอเด็กชายนำของเล่นไปแบ่งให้ และจับมือให้กำลังใจก็ยิ้มออกมาอย่างสดใส
ด้านในสุดของคลินิกมีประตูไม้ที่เขียนว่า ‘ห้องตรวจ’ ซึ่งติดป้ายคำว่า ‘ว่าง’ หรือ ‘ไม่ว่าง’ นั้น ขึ้นอยู่กับว่าด้านในมีคนไข้กำลังรับการรักษาอยู่หรือไม่
ทันทีที่ประตูเปิดออกก็มีผู้ป่วยรายหนึ่งเดินออกมาพร้อมใบหน้าที่ดูผ่อนคลาย โดยมีพยาบาลเดินตามออกมาเพื่อส่งต่อเอกสารการรักษาและให้คำแนะนำเพิ่มเติม
“เชิญคุณทิพวรรณรับยาค่ะ” พนักงานสาวเรียกชื่อคนไข้ที่เพิ่งออกมาจากห้องตรวจเมื่อสักครู่ให้มารับยาที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า
คนไข้คนนี้ป่วยด้วยอาการไข้หวัดมาหลายวันแล้ว ทีแรกก็คิดว่าแค่กินยาแก้หวัดแล้วนอนพักก็คงจะหาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปสามสี่วันแต่ยังไม่หายสักที จึงตัดสินใจมาหาหมอที่คลินิกเวชกรรมแห่งนี้
ส่วนสาเหตุที่เลือกมาคลินิกแทนที่จะเป็นโรงพยาบาลก็เพราะว่าสะดวกสบายกว่า และการตรวจรักษาก็เสร็จเร็วกว่าที่โรงพยาบาล อีกทั้งราคายังย่อมเยากว่าคลินิกอื่น
“เท่าไรคะ” คนไข้ถามหลังจากที่รับยามา
“หนึ่งพันสามร้อยบาทค่ะ” พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ตอบกลับอย่างสุภาพพร้อมยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“สแกนจ่ายนะคะ” เมื่อรู้ราคาค่ายา คนไข้รายนี้จึงพูดพร้อมเปิดแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง แล้วสแกนคิวอาร์โค้ดที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์
หลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้ว คนไข้ยิ้มออกมา ก่อนจะก็กลับไปพร้อมกับถุงยาในมือ ส่วนด้านในห้องตรวจนั้นยังมีการเรียกคนไข้เข้าไปตรวจตามคิวเรื่อย ๆ
คลินิกแห่งนี้มีคนไข้มารอรับการรักษาเยอะมาก เพราะว่าชื่อเสียงค่อนข้างดี ผู้คนถึงได้ให้ความไว้วางใจจนมีคนไข้มามากมาย บางครั้งถึงแม้จะเป็นเวลาปิดของคลินิกแล้ว แต่ว่าคนไข้ก็ยังไม่หมด จนหมอที่คลินิกต้องทำงานล่วงเวลาก็มี
คลินิกแห่งนี้มีหมออยู่ทั้งหมดสามคน หมอทักษอร หมอวิลาสิณี และหมอชญาณี หมอทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็แยกย้ายกันไปทำงาน หมอทักษอรกับหมอวิลาสิณีได้ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง
หลังจากเลิกงานในตอนเย็น ก็จะเข้ามาที่คลินิกเพื่อมาตรวจคนไข้
ส่วนหมอชญาณีนั้นเป็นเจ้าของคลินิกแห่งนี้ อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้าที่รับช่วงต่อจากพ่อมาด้วย ทำให้เธอต้องทำหน้าที่กิจการสองอย่างนี้ไปพร้อมกัน
ช่วงกลางวันหมอชญาณีจะเข้าไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าก่อน หลังจากนั้นค่อยเข้ามาที่คลินิกในตอนเย็น ส่วนใหญ่แล้ว
เธอจะทำงานด้านบริหารของคลินิก ไม่ค่อยได้ตรวจคนไข้ด้วยตัวเองสักเท่าไร คนที่ทำหน้าที่รักษาคนไข้จะเป็นหมอทักษอรกับหมอวิลาสิณีมากกว่า แต่ว่าวันนี้คนไข้เยอะมากจริง ๆ จนเธอต้องลงมาตรวจคนไข้ด้วยตนเอง
“คุณศักดาเชิญที่ห้องตรวจหมายเลขสามค่ะ” เสียงผู้ช่วยพยาบาลเอ่ยเรียกเพื่อที่จะส่งต่อไปยังหมอชญาณีที่รออยู่ภายในห้องตรวจ