บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ขายลูกชิ้นปิ้งวันแรกหมดเกลี้ยง

ยามเหม่าของวันต่อมา จ้าวจางหมิ่นตื่นพร้อมกับสาวใช้ทั้งสอง เพื่อเตรียมของสำหรับการค้าวันแรก รถเข็นที่มีวัตถุดิบและอุปกรณ์ครบครัน ถูกเข็นออกจากจวนมุ่งหน้าไปยังตลาดเช้า ซึ่งแผงขายของนี้ของจ้าวจางหมิ่น อยู่ข้าง ๆ กับแผงขายผักพอดี

ทั้งสามคนแบ่งงานกันทำเช่นเมื่อวาน เมื่อเตาถ่านเริ่มร้อนลูกชิ้นที่เตรียมไว้ ถูกนำออกมาวางลงบนเตา เพื่ออุ่นให้ร้อนอีกครั้งสำหรับขายให้ลูกค้า และกลิ่นหอมของลูกชิ้นปิ้ง ก็เรียกความสนใจของคนที่เดินผ่านไปมา จนมีบุรุษวัยกลางคนเดินเข้ามาถาม ด้วยความสนใจอาหารของจ้าวจางหมิ่น

“เอ่อ แม่ค้าเจ้าทำอันใดมาขายเช่นนั้นหรือ กลิ่นมันคล้ายเนื้อแต่ทำไมมันถึงเป็นลูกกลม ๆ ไปเสียได้เล่า”

“นั่นน่ะสิ แต่ข้าสองคนทนกลิ่นหอมนี้ไม่ไหว ถึงได้มาถามดูเสียก่อนว่ามันคือสิ่งใด”

“ท่านอาทั้งสองช่างมีจมูกที่ดีมากเจ้าค่ะ เจ้าลูกกลม ๆ นี้ข้าเรียกมันว่าลูกชิ้น และมันทำมาจากเนื้อหมูจริง ๆ พอนำมาปิ้งกับเตาถ่านจึงมีกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังมีน้ำจิ้มสองรสให้เลือก หากท่านอาสนใจข้าจะหั่นให้พวกท่านลองชิมดู ถ้าถูกใจในรสชาติค่อยซื้อก็ยังไม่สายเจ้าค่ะ”

จ้าวจางหมิ่นตอบคำถามลูกค้าอย่างเป็นกันเองบุรุษทั้งสองรับไม้จิ้มขนาดเล็ก ที่มีลูกชิ้นหั่นครึ่งจิ้มน้ำจิ้มแล้วมาลองชิม พอได้สัมผัสกับเนื้อหมูที่มีส่วนผสมของเครื่องปรุง ก็หันมามองหน้ากันพยักหน้าขึ้นลงรัว ๆ ในที่สุดก็ทนกับความอร่อยลงตัวไม่ไหว

“อื้อหือ! แม่ค้าเจ้าลูกชิ้นนี้อร่อยจริง ๆ ชิมแค่ชิ้นเล็กคงไม่จุใจข้าแล้วล่ะ เจ้าขายอย่างไรว่าราคามาได้เลย”

“ใช่ ๆ ๆ ข้าชอบน้ำจิ้มรสเผ็ดร้อนนี่มาก รู้สึกมันทำให้เลือดลมในร่างกายร้อนไปทั่ว”

“ขอบคุณท่านอาที่ชอบเจ้าค่ะ เนื่องจากลูกชิ้นของข้าทำมาจากเนื้อหมู และมีต้นทุนอย่างอื่นอีกเล็กน้อย ข้าขายอยู่ที่ไม้ละสี่อีแปะเจ้าค่ะ พวกท่านรับได้หรือไม่เจ้าคะ นอกจากจะทานกับน้ำจิ้มแล้ว พวกท่านจะนำไปทานกับข้าวก็ได้ ถ้าจะให้ดีกินเนื้อก็ควรกินผักควบคู่กัน ยิ่งทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์ด้วยนะเจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นคิดว่าสี่อีแปะต่อไม้ น่าจะขายให้ทุกคนสามารถซื้อกินได้ไม่ยาก

“นี่ถือว่าถูกมากนะสำหรับอาหารที่ทำจากเนื้อ แม่ค้าข้าเอาลูกชิ้นห้าไม้ราดน้ำจิ้มรสหวาน เอ้านี่ ยี่สิบอีแปะค่าลูกชิ้นของเจ้า”

“ข้าขอราดน้ำจิ้มรสเผ็ดห้าไม้ และอีกห้าไม้ราดน้ำจิ้มรสหวานนะ อ่ะ สี่สิบอีแปะข้าคำนวณให้เจ้าเลย”

“ได้เลยเจ้าค่ะ ท่านอารอไม่นานได้กินของอร่อยแน่นอน ขอบคุณมากที่ชอบอาหารของข้านะเจ้าคะ”

จ้าวจางหมิ่นรับคำสั่งซื้อมาแล้ว ก็ให้หนิงอวี่ช่วยจัดการแทน เพราะนางยังเด็กไม่สามารถหยิบจับอะไรได้คล่องนัก จึงทำหน้าที่รับเงินใส่กระปุกและต้อนรับลูกค้าเท่านั้น

เมื่อมีคนได้ลองกินแล้วยืนยันว่าอร่อย พอลูกค้าทั้งสองเดินจากไปก็เริ่มมีคนเข้ามาซื้อตาม บางคนทดลองซื้อแค่หนึ่งไม้เพราะกลัวไม่อร่อย แต่หลังจากรับรู้รสชาติแล้วต้องรีบกลับมาซื้อ เนื่องจากมีคนมาต่อแถวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และพากันซื้ออย่างต่ำคนละห้าไม้ทั้งสิ้น

“ขอบคุณทุกท่านที่อุดหนุนนะเจ้าคะ อยากอร่อยเพิ่มต้องมีผักสด ๆ กินคู่กันเจ้าค่ะ”

“นี่เจ้าทำตามที่แม่ค้าบอกเถิด ข้าลองทำตามแล้วมันอร่อยคนละแบบเลยล่ะ”

“ไอหยา มีคนยืนยันเช่นนี้ไม่ทำตามได้รึ”

“ของข้ายี่สิบไม้นะแม่ค้า หากจะนำน้ำจิ้มมาผสมกันได้หรือไม่”

“ท่านน้าคือคนที่ค้นเจอเส้นทางความอร่อยใหม่ และมันย่อมทำได้อยู่แล้วเจ้าค่ะ เมื่อผสมน้ำจิ้มทั้งสองเข้าด้วยกัน จะได้รสชาติใหม่ที่ไม่เผ็ดหรือหวานจนเกินไป ให้ความอร่อยไปอีกแบบ” จ้าวจางหมิ่นไม่คิดว่าลูกค้าคนนี้จะคิดวิธีกินเช่นนี้ได้

“เช่นนั้นของข้าสามสิบไม้ราดด้วยน้ำจิ้มทั้งสองอย่าง ข้าต้องเอาไปเผื่อคนที่จวนด้วยน่ะ”

“โอ้ย ข้ากลัวจะไม่เหลือมาถึงข้าจริง ๆ หากหมดเสียก่อนวันนี้คงอดกิน”

“นี่เจ้าจะเศร้าไปใย วันนี้อดกินพรุ่งนี้เจ้าก็มาเร็วกว่าเดิมสิ รับรองได้กินก่อนใคร”

“จริงด้วย! ฮ่า ๆ ๆ ข้าจะตื่นมารอแต่เช้าเชียว ฮึ่ม”

นับว่าแผนการรับมือลูกค้าของจ้าวจางหมิ่น เป็นสิ่งที่ถูกต้องกับการเตรียมลูกชิ้นปิ้งไว้ก่อน และนำมาอุ่นให้ร้อนก่อนขายอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นลูกค้าที่ต่อแถวคงยืนจนขาแข็งแน่ ๆ สตรีวัยกลางคนที่ขายผักอยู่แผงใกล้ ๆ ถึงกับขอบอกขอบใจจ้าวจางหมิ่น ที่ช่วยให้นางขายผักได้เยอะกว่าทุกวัน

และสาวใช้ของจ้าวจางหมิ่นพูดถูก เพราะพวกนางขายลูกชิ้นปิ้งได้หมด ก่อนจะถึงยามเฉินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากเก็บข้าวของแล้วหนิงอวี่ไม่ลืมซื้อผัก ข้าวสารอาหารแห้งที่จำเป็น นำกลับไปทำอาหารสำหรับเช้านี้

พอกลับมาถึงจวนจ้าวจางหมิ่นให้หนิงอวี่ไปทำอาหาร ส่วนตนเองจะช่วยฮุยอินทำความสะอาดอุปกรณ์หากินเอง จากนั้นจึงนั่งนับเงินจากการค้าวันแรกรอมื้อเช้า “พวกเราทำลูกชิ้นขายสำหรับวันแรก ทั้งหมดสามร้อยไม้ขายไม้ละสี่อีแปะและขายได้ไม่เหลือกลับมา รวมแล้วหนึ่งพันสองร้อยอีแปะเชียวนะ”

“หนึ่งพันสองร้อยอีแปะ!” ฮุยอินเดินมาตามาจ้าวจางหมิ่น ทันได้ยินจำนวนเงินที่ขายของได้ ก็ไม่คิดเชื่อจนต้องมาดูกองเหรียญบนโต๊ะทันที

“ใช่แล้วล่ะพี่ฮุยอิน พวกเราทำการค้าวันแรกได้หนึ่งพันสองร้อยอีแปะ หรือก็คือหนึ่งตำลึงเงินสองร้อยอีแปะเจ้าค่ะ”

“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่าจะขายได้เงินเยอะตั้งแต่วันแรก”

“นี่เป็นการเริ่มต้นกิจการเท่านั้น หากเราเพิ่มจำนวนไม้ขึ้นอีก ยอดขายย่อมเพิ่มตาม เราต้องขายให้ได้มากกว่าเดิมสักหน่อย และทำบัญชีรายรับรายจ่ายทุกวัน จะได้รู้ว่าหลังหักต้นทุนทั้งหมด กำไรที่ได้จริง ๆ คือเท่าใด” จ้าวจางหมิ่นอธิบายให้สาวใช้เข้าใจ

“อ้อ บ่าวคงต้องเรียนรู้จากคุณหนูให้มากแล้วเจ้าค่ะ”

ทั้งสองคนพูดคุยไม่ทันไร หนิงอวี่ก็ยกถาดอาหารมื้อเช้าเข้ามา ฮุยอินที่ดีใจยังไม่หายจึงหันไปบอกกับสหายอีกครั้ง

“อาหารเช้ามาแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”

“หนิงอวี่ ๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการค้าของเราเช้านี้ ทำเงินได้ถึงหนึ่งตำลึงสองร้อยอีแปะเชียวนะ”

“เจ้าพูดจริงรึฮุยอิน!! คุณหนูที่ฮุยอินพูดเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ” หนิงอวี่ต้องการความมั่นใจ จึงถามกับจ้าวจางหมิ่นอีกครั้ง

“จริงสิเจ้าคะ พวกเราเริ่มต้นการค้าได้ดีทีเดียว” จ้าวจางหมิ่นตอบสาวใช้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ดีจริง ๆ เจ้าค่ะ เท่าที่เห็นลูกค้าซื้อไม่ทันไร ก็หยิบขึ้นมากินทันทีก็บ่งบอกแล้วว่า ลูกชิ้นปิ้งของคุณหนูอร่อยเป็นแน่แท้ เช่นนั้นเช้านี้ท่านต้องทานข้าวให้มากหน่อยนะเจ้าคะ ร่างกายจะได้แข็งแรงมากกว่าเดิมเจ้าค่ะ” หนิงอวี่อยากเห็นจ้าวจางหมิ่น มีรูปร่างสมบูรณ์เช่นเด็กวัยเดียวกันบ้าง

“ได้เจ้าค่ะ แต่นอกจากการทานอาหารแล้ว ไว้ข้าจะซื้อยาบำรุงอย่างดีมาทาน และจะซื้อให้พวกพี่สองคนด้วยนะ” เรื่องนี้จ้าวจางหมิ่นคิดเอาไว้แล้ว ไม่มีทางที่นางจะยอมกินยาต้มขม ๆ ในยุคนี้แน่ อาหารเสริมมากมายที่ระบบมีขายนั่นคือตัวช่วยอย่างดี

“ขอบคุณคุณหนูที่นึกถึงพวกบ่าวเจ้าค่ะ” สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความตื้นตัน ที่เจ้านายน้อยมีใจห่วงใยสุขภาพของตน

“เอาล่ะมาทานอาหารกันเถิด ประเดี๋ยวจะเย็นชืดไปเสียก่อน”

“เจ้าค่ะคุณหนู/เจ้าค่ะคุณหนู”

จ้าวจางหมิ่นรู้ว่ายามใดควรเป็นกันเอง ยามใดควรเคร่งครัดกับคนของตน แม้อาหารตรงหน้ายามนี้จะมีรสชาติอ่อนไปบ้าง นางก็ไม่ได้คิดอันใดให้ปวดหัว เอาไว้ค่อยหาซื้อสิ่งที่จำเป็นทีหลังก็ยังทันถมเถ

ในเมื่อนางมีระบบออนไลน์ขั้นเทพอยู่กับตัว จะกลัวขาดแคลนปัจจัยทั้งสี่ไปทำไม อาหารเช้าง่าย ๆ จึงถูกนายบ่าวจัดการจนเกลี้ยงจาน และก่อนจะเข้านอนฉู่จางหมิ่น ได้รับเงินรางวัลพิเศษจากระบบ หนึ่งพันตำลึงทองเมื่อนางสามารถเปิดกิจการ ก่อนครบกำหนดเจ็ดวัน ทำให้คืนนี้ฉู่จางหมิ่นนอนหลับฝันดี เกือบตื่นสายเมื่อถึงเวลาไปขายของ

จวนตระกูลจ้าวของจ้าวจางหมิ่น นายบ่าวใช้ชีวิตวันแรกอย่างสบายใจ มิได้สนใจจวนเจ้าเมืองที่วุ่นวายเก็บข้าวของ เพื่อเดินทางเข้าเมืองหลวงในเร็ววัน มีสาวใช้ที่ช่วยงานในครัว ออกมาหาซื้อวัตถุดิบไปทำอาหารให้เจ้านาย เห็นสาวใช้สองคนของจ้าวจางหมิ่น ยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ต้องทำงานหนักเช่นเดิม ก็อิจฉาไม่น้อยและนำเรื่องนี้

ไปเล่าให้คนอื่น ๆ ได้ฟัง

แม้แต่เจ้านายของจวนฉู่ก็ได้ยินผ่านหู ถึงจะฉุกคิดขึ้นมาได้บ้างเพียงนิด หลังจากนั้นไม่มีใครนำมาใส่ใจอีกในเมื่อตัดขาดไปแล้ว ตอนนี้จ้าวจางหมิ่นก็คือคนอื่น ฉู่หมิงซ่านจึงมีคำสั่งห้ามพูดถึงนางอีก

กิจการลูกชิ้นปิ้งของจ้าวจางหมิ่นยังคงขายดีต่อเนื่อง และนางต้องเพิ่มจำนวนไม้ลูกชิ้นเป็นห้าร้อยไม้ นอกจากนี้ยังได้แนะนำลูกค้าเกี่ยวกับการกินลูกชิ้นของนาง

“แม่ค้าวันนี้ข้ามาอุดหนุนอีกแล้วนะ เมื่อวานซื้อน้อยไปหน่อยกินไม่จุใจเลย”

“อ้าวท่านอา แล้ววันนี้จะรับกี่ไม้ดีเจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นจำลูกค้าคนแรกของนางได้

“ข้าเอายี่สิบไม้เลยนะแม่ค้า เมื่อวานคนที่จวนแย่งกันกิน จนเกือบทะเลาะกันเพราะความอร่อยของเจ้าลูกชิ้น หากซื้อเท่าเดิมมีหวังข้าถูกบ่นจนหูชาแน่ ๆ”

“ได้เจ้าค่ะ แต่ถ้ากินไม่หมดตอนเย็นนำมาอุ่นได้นะเจ้าคะ”

“อ้อ ถ้าข้าจะซื้อเผื่อไว้กินพรุ่งนี้ มันจะเน่าเสียก่อนหรือไม่เล่า”

“หืม เป็นคำถามที่ดีมากเลยเจ้าค่ะท่านลุง หากท่านซื้อไปแล้วสามารถแบ่งเก็บได้ หลังจากลูกชิ้นหายร้อน โดยใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้ในที่มีความเย็นพรุ่งนี้เช้า ก็นำออกมาอุ่นบนเตาย่าง หรือจะนำไปผัดกับผักต่าง ๆ ก็ยังได้เจ้าค่ะ แต่ข้าไม่แนะนำให้เก็บไว้เกินสองวันนะเจ้าคะ เมื่ออาหารเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ต้องทิ้งทันทีอย่าเสียดายเป็นอันขาด มิเช่นนั้นมันจะทำให้พวกท่านล้มป่วย เสียเงินค่ารักษามากกว่าค่าลูกชิ้นได้เจ้าค่ะ” จ้าวจางหมิ่นทั้งบอกและเตือนลูกค้าในคราวเดียวกัน

“แม่ค้าพูดถูก ญาติของข้าเคยล้มป่วยเพราะเสียดายของนี่แหละ เกือบเอาชีวิตไม่รอดเสียตำลึงเงินรักษาไปมาก ข้าเชื่อคำเตือนของแม่ค้าและจะทำตามแน่นอน”

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ เรื่องใดมีประโยชน์หรือมีโทษ หากข้ารู้หรือพวกท่านรู้สามารถกล่าวเตือนกันได้ ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันนะเจ้าคะ” จ้าวจางหมิ่นรู้สึกโชคดีมาก ที่ลูกค้าของนางเป็นคนมีเหตุผล

“แม่ค้าหวังว่าวันนี้จะทำลูกชิ้นมาเยอะกว่าเมื่อวานนะ ข้าเองก็อยากซื้อหลาย ๆ ไม้ เพราะทำตามที่แม่ค้าบอกทั้งอิ่มทั้งอร่อยจริง ๆ”

“ท่านน้าไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ วันนี้ข้านำมาเยอะพอสมควร”

หนิงอวี่กับฮุยอินเห็นจ้าวจางหมิ่น พูดคุยกับลูกค้าอย่างยิ้มแย้ม พวกนางยิ่งรู้สึกโล่งอกและมีความสุข ที่เจ้านายน้อยของพวกตน ไม่มีสีหน้าของความหม่นหมองอมทุกข์เช่นแต่ก่อนอีก สิ่งที่สำคัญก็คือเจ้านายน้อยผู้นี้เป็นเด็กหญิงที่มีเค้าลางว่า จะกลายเป็นหญิงงามเมื่อถึงวัยปักปิ่น เนื่องจากบิดามารดามีใบหน้าที่งดงามทั้งคู่

สองสามวันหลังจากออกมาซื้อจวนเป็นของตนเอง จ้าวจางหมิ่นเพิ่งได้สำรวจภายในจวน เมื่อเห็นว่ามีพื้นที่ว่างด้านข้าง จึงอยากนำเมล็ดพันธุ์ผักมาปลูกเสียหน่อย เพื่อใช้ทำอาหารทานเองเพราะผักจากระบบมีหลากหลายสายพันธุ์ และน่าทานมากเมื่อนำมาทำอาหาร เนื่องจากผักที่นางเห็นในตลาดมีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel