บที่ 5 เตรียมเปิดกิจการเลี้ยงชีพ
ด้านเรือนใหญ่ต่างสั่งบ่าวไพร่เร่งมือเก็บของ เพื่อต้องการออกเดินทางให้เร็วที่สุด แต่ด้วยข้าวของที่มีมากจำต้องใช้เวลาสองสามวัน กว่าจะเก็บทั้งหมดให้แล้วเสร็จได้
ส่วนจางหมิ่นที่นอนเอกเขนกรอสาวใช้ หลังจากคิดเรื่องอาชีพของตนไว้เรียบร้อยแล้ว ก็นึกถึงระบบขึ้นมาได้ว่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับค้าขาย ย่อมมีให้นางได้เลือกซื้อจึงเรียกระบบออกมาอย่างเร็วรี่
“ระบบ ข้าต้องการค้นหาสิ่งจำเป็นในการสร้างอาชีพ”
[ติ๊ง ระบบออนไลน์ขั้นเทพยินดีรับใช้ ไม่ทราบว่าท่านต้องการสิ่งของประเภทใด]
“ข้าอยากรู้ราคาพวกเตาและตะแกรง สำหรับอาหารจำพวกเสียบไม้ย่าง รวมถึงราคาของลูกชิ้น ไม้เสียบลูกชิ้น น้ำจิ้มแบบหวานและเผ็ด ถาดดินเผาสำหรับวางอาหาร หรือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้อื่น ๆ เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายก่อนจะสร้างอาชีพ” จ้าวจางหมิ่นต้องคำนวณต้นทุนการค้าเสียก่อน นางจะได้ตั้งราคาขายที่ทุกคนสามารถซื้อกินได้
[กรุณารอสักครู่ ระบบกำลังเรียกรายการสินค้าที่เกี่ยวข้อง]
“ขอบใจมาก”
[ติ๊ง สิ่งที่ท่านต้องการปรากฏตามหน้าจอ พร้อมราคาขายท่านสามารถคำนวณเงินไว้ล่วงหน้าได้ พร้อมเมื่อใดแจ้งกับระบบได้ทุกเวลา]
จางหมิ่นใช้นิ้วป้อม ๆ เลื่อนหน้าจอไปมา เพื่อดูราคาสิ่งของที่ต้องการซื้อ และบวกเป็นจำนวนเงินออกมาคร่าว ๆ หลังจากนี้จะได้เตรียมเลือกซื้อให้ครบในครั้งเดียว
“ระบบ สิ่งที่ข้าต้องการซื้ออยู่ในรายการคำสั่งแล้ว เจ้าช่วยนำมันไปเก็บไว้ที่ช่องเก็บของให้ข้าทีนะ”
[ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าที่ท่านต้องการแล้ว ทั้งหมดเป็นเงินห้าสิบสามตำลึงเงินสามสิบอีแปะ เชิญท่านวางเงินค่าสินค้า]
พรึ่บ!
[ขอบคุณที่ใช้บริการระบบออนไลน์ขั้นเทพ เราได้รับเงินค่าสินค้าเรียบร้อยแล้ว ในระบบยังมีสินค้าจากโลกอนาคตอีกมากมาย หากท่านต้องการซื้อกรุณาเตรียมเงินให้พร้อม ติ๊ง]
“ขอบใจระบบที่มีสินค้าทุกอย่างที่ข้าต้องการ ไว้ข้าหาเงินได้เยอะ ๆ จะมาอุดหนุนเจ้าอีกแน่” จางหมิ่นมองดูสิ่งของที่ตนได้ซื้อไว้ในช่องเก็บของ ก็อยากเปิดร้านค้าเสียวันนี้พรุ่งนี้ ที่สำคัญนางอยากกินเองด้วยนี่สิ แม้อยากกินมากแค่ไหนจางหมิ่นต้องอดทนให้ได้ เมื่อใดที่นางมีจวนเป็นของตนเอง อาหารเลิศรสทุกอย่างจะกินให้หายอยากก็ยังได้ และสาวใช้ของนางต้องได้กินเหมือนกับนาง
ทางด้านสาวใช้ทั้งสองคน ได้แยกกันหาซื้อสิ่งที่จางหมิ่นต้องการ พวกนางเลือกชิ้นที่ดูงดงามลวดลายแปลกตา เสื้อผ้ามีทั้งของบุรุษและสตรีที่การตัดเย็บละเอียด เนื้อผ้าไหมอย่างดีย่อมมีราคา เมื่อได้ครบจึงรีบกลับเพราะอยากรู้ว่า เจ้านายจะนำของพวกนี้ไปหาเงินได้อย่างไร
หนิงอวี่เรียกหาจ้าวจางหมิ่นทันทีที่เข้ามาในเรือน “คุณหนูเจ้าคะ พวกบ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
“กลับมาแล้วหรือ ได้ของตามที่ข้าสั่งครบหรือไม่?” จ้าวจางหมิ่นเดินออกมาจากห้องนอนและถามกลับหนิงอวี่
“ครบเจ้าค่ะ ทั้งปิ่นปักผม กำไลหยกและเสื้อผ้าบุรุษกับสตรีเจ้าค่ะ แล้วคุณหนูจะนำมันไปหาเงินอย่างไรหรือเจ้าคะ?” ฮุยอินรายงานจบจึงถามกลับบ้าง
“อืม เรื่องนี้คงต้องบอกว่าเป็นความลับที่สำคัญมาก จะบอกให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด จะมีพวกท่านสองคนเท่านั้นที่ข้ายอมบอก แต่ต้องสาบานต่อฟ้าดินว่า จะเก็บเป็นความลับไปจนตาย พวกท่านกล้าสาบานหรือไม่” เพราะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป หากหลุดไปถึงหูคนชั่วนางย่อมเป็นอันตราย
“พวกบ่าวสาบานว่าจะเก็บความลับนี้ไว้จนตัวตาย จะไม่บอกผู้ใดเด็ดขาดหากผิดคำสาบาน ขอให้ถูกฟ้าผ่าทันทีเจ้าค่ะ”
หนิงอวี่และฮุยอินกล้ากล่าวคำสาบาน ด้วยความรักที่มีต่อจ้าวจางหมิ่นอย่างแท้จริง หลังจากได้เห็นความจริงใจของสาวใช้ นางจึงบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวที่แต่งขึ้นกับทั้งสองคน ว่าดวงจิตได้หลุดออกจากร่างยามที่ล้มป่วย และได้ล่องลอยไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของแปลกตา แต่มันน่าดึงดูดนางจึงได้เรียนรู้
และทดลองใช้จนชำนาญ
เมื่อดวงจิตกลับมาเข้าร่างอีกครั้ง ก็มีของวิเศษบางอย่างติดตัวกลับมา โดยสามารถใช้เงินตำลึงซื้อสินค้าของโลกแห่งนั้น หรือนำของมีค่าในโลกนี้ขายแลกเงินก็ได้เช่นกัน พอได้ฟังเรื่องอัศจรรย์นี้ทำเอาสองสาวใช้ตาโตเท่าไข่ห่าน และรบเร้ากับจ้าวจางหมิ่นว่าอยากเห็นของวิเศษ เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก
“น่าอัศจรรย์จริง ๆ เจ้าค่ะคุณหนู นอกจากท่านจะเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่ ของวิเศษที่ได้มาต้องเป็นเทพบนสวรรค์ ประทานให้ท่านเพราะมองเห็นชีวิตของท่านก็เป็นได้นะเจ้าคะ” หนิงอวี่คิดไปว่าเป็นเทพที่มอบของวิเศษให้จ้าวจางหมิ่น
“ใช่เจ้าค่ะ ว่าแต่ว่าคุณหนูพอจะทำให้ดูได้ไหมเจ้าคะ ว่าเจ้าของวิเศษนี้ใช้หาเงินอย่างไรน่ะ แหะ ๆ ๆ” ฮุยอินก็อยากเห็นแล้วเช่นกัน
“ได้สิพี่ฮุยอิน แต่ก่อนอื่นพวกท่านต้องปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ป้องกันพวกบ่าวคนอื่นไว้ก่อนดีกว่านะเจ้าคะ”
“โอ้ จริงด้วยเจ้าค่ะ หนิงอวี่พวกเราช่วยกันปิดประตูหน้าต่างเร็วเข้า คุณหนูจะได้เรียกของวิเศษออกมาได้”
เพราะความอยากรู้อยากเห็น ทำให้พวกนางทำงานได้อย่างรวดเร็ว และกลับมายืนอยู่ข้าง ๆ จ้าวจางหมิ่น เพื่อรอดูของวิเศษที่ได้ฟังจากปากเจ้านาย
“ระบบ ข้ามีของต้องการขาย”
[ติ๊ง สวัสดีอีกครั้ง การขายสินค้าท่านสามารถทำตามขั้นตอนได้ ขอเพียงเป็นสินค้ามีคุณภาพย่อมขายได้ราคาดีเช่นกัน]
“นะ นั่นคือของวิเศษเช่นนั้นรึ ฮะ ฮุยอินเจ้าเห็นเหมือนข้าหรือไม่”
“หนะ หนะ หนิงอวี่พวกเราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม นะ นั่นคือของวิเศษที่คุณหนูพูดถึงจริง ๆ”
“คิ คิ ข้ามีปิ่นทองคำแท้ลวดลายงดงามสองชิ้น และกำไลหยกอีกสองวง เสื้อผ้าทำจากผ้าไหมอย่างดีของบุรุษและสตรี อย่างละสองชุด” จ้าวจางหมิ่นนำทั้งหมดวางลงบนช่องว่างกลางอากาศ ก่อนจะกดประเมินราคาขายทันที
[กรุณารอสักครู่ ระบบกำลังประเมินราคาสินค้า]
ระหว่างรอการประเมินราคาจากระบบ สาวใช้ทั้งสองยังคงจ้องมองหน้าจอสีขาวตาไม่กระพริบ ด้วยกลัวว่าหากกระพริบตามันจะหายไป
[ติ๊ง รวมราคาประเมินของสินค้าทั้งหมด เป็นเงินหนึ่งพันสามร้อยสามสิบตำลึงทอง ท่านต้องการขายตอนนี้หรือไม่]
“ขายแน่นอน!”
“ห๋า!! หนึ่งพันสามร้อยสามสิบตำลึงทอง นะ นะ นี่มันมีราคาแพงถึงเพียงนี้เชียวรึ” ฮุยอินตะลึงกับราคาที่ได้ยิน
“เช่นนั้นคุณหนูก็มีเงินซื้อจวน และมีเงินเหลือนำมาเปิดกิจการได้แล้ว บ่าวพูดถูกหรือไม่เจ้าคะคุณหนู” หนิงอวี่ที่ตะลึงไม่ต่างจากสหาย พอตั้งสติได้ก็นึกถึงคำพูดของจ้าวจางหมิ่น
“ใช่แล้วล่ะ และพวกเราสามคนจะไปจากที่นี่ ในต้นยามเฉินของวันพรุ่งนี้ พวกท่านเตรียมตัวให้พร้อมนะเจ้าคะ” เมื่อมีเงินในมือหลักพันตำลึงทอง จะรั้งรออยู่ที่นี่ต่อไปทำไมกัน
[ติ๊ง สินค้าของท่านทำการขายแล้ว ระบบจะวางเป็นตั๋วเงินและก้อนตำลึงในช่องเก็บของ ขอบคุณสำหรับสินค้าคุณภาพดี]
“หากไม่เห็นกับตาก็ยากจะเชื่อ ว่าจะมีของวิเศษเช่นนี้อยู่จริง ขอบคุณท่านเทพทั้งหลายที่เมตตาคุณหนูของข้าเจ้าค่ะ” หนิงอวี่รีบคุกเข่าคำนับขอบคุณสวรรค์
“เช่นนั้นวันนี้คุณหนูต้องเข้านอนเร็วสักนิดนะเจ้าคะ พรุ่งนี้จะได้สดชื่ออารมณ์ดียามออกจากจวนเจ้าค่ะ” ฮุยอินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง
“ตกลงเจ้าค่ะ”
และในคืนนี้นายบ่าวทั้งสามนอนหลับสนิท ด้วยความสบายใจที่จะเป็นอิสระ ไม่ต้องทนอยู่กับคนเห็นแก่ตัวอย่างตระกูลนี้อีกต้นยามเฉินของวันต่อมา บ่าวไพร่คนอื่น ๆ มองจ้าวจางหมิ่นที่มีสาวใช้อีกสองคน เดินตามออกจากจวนไปด้วยความอิจฉาเสียดื้อ ๆ นั่นเพราะว่าหนิงอวี่กับฮุยอิน มีอิสระในการใช้ชีวิตมากกว่าพวกตน
แต่อิจฉาแล้วอย่างไรเล่า คิดจะเป็นอิสระจะเก็บเงินไถ่ตนเองได้เมื่อใด สามคนนายบ่าวที่เดินพ้นประตูจวน ก็ไม่หันกลับไปมองอดีตอันทุกข์ระทมนั่นอีก นับจากนี้ต่อไปพวกเขาจะมองเพียงปัจจุบัน และอนาคตที่จะมีกิจการร้านค้าขนาดใหญ่เท่านั้น
จ้าวจางหมิ่นให้สาวใช้พาไปศาลาว่าการ เพื่อซื้อจวนหลังขนาดกลางเมื่อคิดจะเปิดกิจการ ซึ่งคนที่ทำหน้าที่ตอนนี้คือผู้ช่วยเจ้าเมือง นางเลือกจวนด้านทิศเหนือที่ดูสงบเงียบไม่วุ่นวาย และยังสะดวกยามต้องนำสิ่งของออกมาจากระบบ และไม่ลืมเช่าแผงขายของตลาดเช้าเสียเลย
จวนตระกูลจ้าวหลังที่เลือกซื้อมา ถือว่ายังมีความแข็งแรงทนทาน ไม่ต้องซ่อมแซมหรือปรับปรุงแต่อย่างใด เนื่องจากเจ้าของเพิ่งย้ายออกไปได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน และจ้าวจางหมิ่นซื้อในราคาหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง
ด้วยเป็นจวนที่มีห้องเท่าที่จำเป็นและเรือนเล็กหนึ่งหลัง ทั้งสามคนจึงช่วยกันทำความสะอาด จนผ่านไปหนึ่งชั่วยามเล็กน้อยก็แล้วเสร็จ เป็นเวลาใกล้ยามอู่เสียงท้องของพวกนาง พร้อมใจกันส่งเสียงร้องเรียกหาอาหาร จ้าวจางหมิ่นจึงถือโอกาสนี้นำอุปกรณ์ทั้งหมดออกมา เพื่อทำอาหารมื้อเที่ยงเสียเลย
ทั้งอุปกรณ์และวัตถุดิบแปลกตาวางอยู่ตรงหน้า หนิงอวี่รีบถามทันทีว่าใช้อย่างไร
“คุณหนูเจ้าคะ อุปกรณ์พวกนี้ใช้ทำอันใดหรือ แล้วยังมีเจ้าลูกกลม ๆ เหล่านี้อีก”
“อ้อ เจ้าพวกนี้คือเครื่องมือทำมาหากินของพวกเรา และข้าจะทำมันให้พวกพี่สองคนชิมเป็นคนแรก ก่อนที่จะทำไปขายในวันพรุ่งนี้อย่างไรล่ะเจ้าคะ”
“แล้วเราจะเรียกมันว่าอาหารอันใดดีเจ้าคะ” ฮุยอินอยากรู้ชื่ออาหารที่จ้าวจางหมิ่นกำลังจะทำให้ชิม
“เจ้านี่มันเรียกว่าลูกชิ้นหมู พวกเราจะใช้ไม้ปลายแหลมนี้ เสียบลูกชิ้นไม้ละห้าลูกเว้นระยะห่างเล็กน้อย จากนั้นนำไปย่างบนเตาถ่าน พลิกกลับด้านไปมาอย่าให้ไหม้เกรียมจนเกินไป แค่พอมีสีเหลืองนิด ๆ ก็พอ เนื่องจากเจ้าลูกชิ้นนี้มันผ่านความร้อนแล้ว หรือจะบอกว่ามันสุกก็ย่อมได้ เพียงแค่เราเอามาปิ้งให้ร้อนกินกับน้ำจิ้ม ยิ่งทำให้อร่อยกว่ากินลูกชิ้นเปล่า ๆ เจ้าค่ะ”
“โอ้ ฟังเช่นนี้แล้วก็อยากชิมขึ้นมาทันทีเลยเจ้าค่ะ งั้นบ่าวจะไปติดเตาถ่านไว้รอ ให้หนิงอวี่ช่วยคุณหนูเสียบเจ้าลูกชิ้นนะเจ้าคะ”
“ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ จะได้ชิมลูกชิ้นปิ้งแสนอร่อยเร็ว ๆ” แบ่งหน้าที่กันทำทุกอย่างย่อมรวดเร็ว
เมื่อทุกอย่างพร้อมลูกชิ้นหลายสิบไม้ ก็วางเรียงรายอยู่บนเตาถ่าน ทั้งสามคนช่วยกันปิ้งลูกชิ้นอย่างสนุกสนาน จนมันสุกได้ที่ตามที่จ้าวจางหมิ่นพูดไว้ จึงนำไปวางในจานและเทน้ำจิ้ม ที่มีรสหวานและรสเผ็ดร้อนใส่ถ้วยใบเล็ก แค่คำแรกก็ไม่อาจหยุดกินได้อีก
“อื้ม! อร่อยมากเจ้าค่ะคุณหนู กินกับน้ำจิ้มแล้วเข้ากันมาก”
“โอย ร้อน ๆ ๆ อร่อยอย่างที่ฮุยอินพูดจริง ๆ ถ้าพวกเราทำขายวันพรุ่งนี้ บ่าวว่าคงหมดก่อนถึงยามเฉินแน่เจ้าค่ะ” หนิงอวี่ชอบน้ำจิ้มรสเผ็ดร้อนหรือก็คือน้ำจิ้มซีฟู้ดนั่นเอง
“นั่นมันแน่อยู่แล้วเจ้าค่ะ ของอร่อยจะขายไม่หมดได้อย่างไร แต่ข้าคิดว่าเย็นนี้จะปิ้งเอาไว้และเก็บในช่องเก็บของ หากพรุ่งนี้เช้าไปปิ้งที่ตลาดคงขายไม่ทัน”
“บ่าวเห็นด้วยเจ้าค่ะ เพราะต้องใช้เวลาในการปิ้งพอสมควร หากเตรียมไว้ล่วงหน้าจะขายได้เร็ว และลูกค้าไม่ต้องรอนานด้วยนะเจ้าคะ” ฮุยอินแค่คิดก็สนุกกับการค้าขายครั้งแล้ว
“อืม กินเสร็จก็พักผ่อนให้หายเหนื่อยเสียก่อน พอยามเซินพวกเราค่อยมาช่วยกันปิ้งลูกชิ้นอีกครั้งนะเจ้าคะ”
“เจ้าค่ะคุณหนู/เจ้าค่ะคุณหนู”
เมื่อถึงยามเซินนายบ่าวก็มานั่งเสียบลูกชิ้น ซึ่งจ้าวจางหมิ่นจะทำประมาณสามร้อยไม้ และจะปิ้งให้พอมีสีสันน่ากิน ก่อนจะเก็บเข้ามิติคงสภาพไว้เช่นนั้น ยามที่พวกนางเปิดร้านในวันพรุ่งนี้ ก็แค่นำไปอุ่นให้ร้อนก็ทานได้ทันที อาหารรูปร่างแปลกตาที่ทำจากเนื้อหมู รวมกับน้ำจิ้มสองรสชาติให้เลือกได้ จะไม่เป็นที่สนใจของผู้คนในเมืองเหอเฟยได้อย่างไร
