บทที่ 9 อาจกลายเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ (2)
"แน่นอนเพคะ" ซือหนิงมองสบตากับฉีหยางเฉินอย่างไม่เกรงกลัว "หากหม่อมฉันสามารถช่วยให้พระองค์เจรจากับแคว้นเย่ได้โดยที่ฝ่ายแคว้นฉีของพระองค์เป็นฝ่ายได้เปรียบล่ะเพคะ"
ฉีหยางเฉินขยับตัวเล็กน้อย แต่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ซือหนิงคิดมาแล้วว่าต้องไม่อาจทำให้อีกฝ่ายสนใจข้อเสนอของนางพอที่จะไว้ใจคนของอีกแคว้นได้
แต่หากว่าพวกเขาจำเป็นต้องรีบตัดสินใจเล่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่งน่ะนะ
"การที่ทางแคว้นฉีนั้นใช้กลยุทธิ์ต่อรองโดยการยื้อการแต่งงานนี้ออกไปไม่ใช่ผลดีนักหรอกเพคะ" นางกล่าวพลางชาขึ้นจิบอย่างไว้ที "วันหนึ่งมันอาจกลายเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ต่อแคว้นฉีของพระองค์ได้"
"หมายความว่าอย่างไร?" ฉีหยางเฉินเอ่ยถามน้ำเสียงมีความตื่นตัวเล็ก ๆ
ซือหนิงยิ้มก่อนจะกล่าวอย่างไม่รีบร้อน "อืม หากอยู่ดีๆ องค์หญิงแคว้นเย่ที่ถูกส่งมาเป็นแขกของแคว้นฉีเกิด…สิ้นพระชนม์เล่าเพคะ?"
เสียงในศาลาเงียบลงทันที หากองค์หญิงต่างแคว้นสิ้นพระชนม์ในแคว้นของเขา ผู้ที่รับผิดชอบต่อการตายนี้ก็ย่อมต้องเป็นเจ้าของแคว้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ผลที่ตามมาอาจก่อนให้เกิดสงคราม หรือไม่ก็อาจนำไปสู่การเจรจาต่อรองที่ฝ่ายแคว้นเย่ที่เสียองค์หญิงของแคว้นร้องขออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉีหยางเฉินนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่แววตาของเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"องค์หญิงกำลังข่มขู่ข้าหรือ?"
"ข่มขู่?" ซือหนิงเลิกคิ้ว "เปล่าเพคะ ข้าเพียงแค่เสนอภาพรวมที่เป็นไปได้ให้พระองค์พิจารณาเท่านั้น"
ฉีหยางเฉินจ้องนางอย่างลึกซึ้ง ซือหนิงไม่แปลกใจที่ทางแคว้นฉีจะไม่คิดเฝ้าระวังในกรณีนี้ พวกเขาย่อมอาจรู้แต่คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ต่างหาก
คนจากแคว้นอื่นไม่รู้ความสัมพันธ์ขององค์หญิงซือหนิงกับราชวงศ์แคว้นเย่เสียหน่อย ว่าเปาะบางและไร้สายสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวเพียงใด...
ใครจะคิดเล่าว่าว่าองค์หญิงซือหนิงที่ถูกส่งมาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ครานี้จะเป็นหมากที่ไร้ค่า เท่าที่ซือหนิงวิเคราะห์ดูนั้นหากแคว้นฉียอมรับในข้อตกลงแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์นี้พวกแคว้นเย่ได้ผลผลิตไปแก้ปัญหาความยากไร้ของแคว้นตนในปีนี้เสร็จ อนาคตแก้ปัญหาผลผลิตไม่เพียงพอได้ก็สามารถตัดความสัมพันธ์กับแคว้นฉีได้เลย ไม่สนใจว่าองค์หญิงผู้เสียสละจะเป็นเช่นไรด้วยซ้ำ
เช่นนั้นแล้วซือหนิงจึงตั้งใจจะสร้างสถานะตัวเองใหม่จากความไร้ค่านี้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและเกิดผลเสียต่อแคว้นเย่ที่ทรยศองค์หญิงซือหนิงร่างเดิมเสีย!
นางเลือกที่จะใช้ความจริงใจของตนแลกความเชื่อใจจากเขา...
"หม่อมฉันไม่แปลกใจหากพระองค์จะระแวงว่าหม่อมฉันรวมหัวกับแคว้นเย่ของตนเอง" ซือหนิงกล่าวดักหน้าราวกับอ่านใจเขาออก "แต่หม่อมฉันอยากให้พระองค์รู้ไว้ว่าหม่อมฉันแม้เป็นองค์หญิงของแคว้นเย่ แต่ก็มิได้สูงศักดิ์อะไรหรอกเพคะ หม่อมฉันถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้องค์รัชทายาทแคว้นเย่ขึ้นครองบัลลังก์เท่านั้น ยามหม่อมฉันได้รู้ว่าตนจะถูกคนในครอบครัวตัวเองปลิดชีพเพื่อใส่ร้ายแคว้นฉี สายใยเชื่อมโยงที่มีอยู่เบาบางก็ขาดสะบั้นลงแล้ว..."
ฉีหยางเฉินเงียบฟัง ดวงตาของเขาฉายแววประเมินตลอดเวลา
"หม่อมฉันเป้าหมายเดียวในตอนนี้" นางกล่าวต่อ "หม่อมฉันอยากมีชีวิตใหม่ ที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแคว้นเย่อีกต่อไป ในเมื่อชีวิตหม่อมฉันสำหรับพวกเขามิต่างจากหมากในกระดานตัวหนึ่ง หม่อมฉันก็จะเป็นหมากในกระดานที่พวกเขาคาดไม่ถึงและจะต้องเสียใจไปตลอดที่ทำกับหม่อมฉันเช่นนี้!"
ดวงตาของฉีหยางเฉินวาววับ เขาครุ่นคิดนานก่อนเอ่ยเสียงเข้มต่อมา
"แล้วข้าจะได้อะไรจากข้อเสนอนี้?"
ซือหนิงยิ้ม "พระองค์จะได้ทุกอย่างที่ต้องการจากแคว้นเย่เพคะ การทำข้อตกลงครั้งนี้แคว้นเย่จะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ"
ฉีหยางเฉินนิ่งไปครู่หนึ่ง นางสัมผัสได้ว่าเขากำลังชั่งใจคิดอยู่ แน่นอนว่าวันนี้เขายังไม่ไว้ใจนางหรอก...
ซือหนิงปล่อยเวลาผ่านไปชั่วครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ "หากทรงไม่ไว้ใจหม่อมฉัน พระองค์ก็ส่งคนให้มาจับตาดูหม่อมฉันใกล้ชิดหรือตรวจสอบก็ได้เพคะ เพียงแต่อาจจะช้าอีกไม่ได้มาก..."
"เรื่องนั้นข้าทำอยู่แล้ว..." ฉีหยางเฉินเลิกคิ้วจ้องมองซือหนิงอย่างสำรวจต่อมา "แล้วสิ่งที่ท่านต้องการ...คงมิใช่ ให้ข้าแต่งตั้งท่านเป็นพระชายาเอก?"
ซือหนิงหัวเราะเบาๆ "หม่อมฉันดูเหมือนคนที่อยากเป็นพระชายาเอกขนาดนั้นเลยหรือเพคะ?"
ฉีหยางเฉินไม่ได้ตอบ แต่มุมปากของเขายกขึ้นน้อยๆ ราวกับขบขันเช่นกัน
"แน่นอนว่า มิใช่เพคะ" ซือหนิงกล่าวต่อ "หากแผนของหม่อมฉันสำเร็จ หม่อมฉันขอเพียง…ให้พระองค์ช่วยให้หม่อมฉันได้เป็นพลเมืองแคว้นฉีอย่างมั่นคงก็พอ หม่อมฉันมิขอแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์แต่ขออยู่ในสถานะทูตระหว่างสองแคว้นก็พอเพคะ"
ฉีหยางเฉินจ้องมองนาง ดวงตาของเขายังคงไม่เปิดเผยความคิดแต่มีแววแห่งความชื่นชมเพิ่มขึ้นมา
"เรื่องนี้ข้าคงต้องเอากลับไปคิดใคร่ครวณก่อน"
"เชิญตามสบายเพคะ" ซือหนิงก้มหัวรับอย่างยินดี
นางไม่ได้คาดหวังว่าองค์รัชทายาทเช่นเขาจะตอบตกลงวันนี้อยู่แล้ว เรื่องสำคัญต่อแว่นแคว้นเช่นนี้จะไม่ผ่านฮ่องเต้ของแคว้นก็อาจเป็นภัยของเขาในภายหลังได้
ฉีหยางเฉินลุกขึ้นยืนหันมองสบตาเฉียบคมขององค์หญิงซือหนิงชั่วครู่ก่อนจะเดินออกจากศาลาไป
หลัวกงกงที่เดินตามหลังเจ้านายหันกลับมาเอ่ยกับซือหนิงด้วยน้ำเสียงเคารพ
"ให้กระหม่อมไปส่งองค์หญิงกลับตำหนักหรือไม่พะยะค่ะ?"
"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่เข้า..."
หลัวกงกงไม่พูดอะไรอีกแต่พยักหน้าเข้าใจ ก่อนเขาจะเดินออกไป ทิ้งให้ซือหนิงยืนอยู่ในศาลากับหลี่เจ๋อหานสองคนอย่างที่เป็นก่อนหน้า...
