บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ข้อเสนอขององค์หญิงผู้เดียวดาย

ยามจื่อ (23.00 – 00.59 น.) แสงจันทร์เหลืองทองทอดเงาลงบนพื้นศาลาที่เคยไร้ผู้คน ไฟตะเกียงมุมเสาริบหรี่เพราะแรงลม ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามค่ำคืน มีเพียงเสียงแมลงดังแว่วแทรกบรรยากาศตึงเครียด

ซือหนิงนั่งสงบอยู่บนเก้าอี้ไม้ เนื้อผ้าไหมสีอ่อนพริ้วไหวตามลม นางเอนกายพิงพำนักเก้าอี้ ใช้ปลายนิ้วไล้ถ้วยน้ำชาพลางทอดสายตาออกไปยังความมืด

"องค์หญิงแน่พระทัยหรือพะยะค่ะ ว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาตามที่ทรงนัด?"

เสียงทุ้มของหลี่เจ๋อหานทำลายความเงียบ เขายืนกอดอกอยู่ด้านข้าง น้ำเสียงของเขาไม่ได้แสดงความกังวล เพียงแค่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดซือหนิงจึงมั่นใจนัก ถึงขนาดรออยู่ที่ศาลาร้างนี้มีนานเกือบครึ่งชั่วยามเห็นจะได้

ซือหนิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยตอบ "ถ้าถามว่าข้ามั่นใจเต็มสิบหรือไม่…คำตอบก็คงไม่..."

หลี่เจ๋อหานขมวดคิ้ว "เช่นนั้น---"

"แต่ข้ามั่นใจมากกว่าครึ่งว่าเขาจะมา..." นางกล่าวพลางไล้นิ้วบนถ้วยน้ำชาเบา ๆ "ข้าไม่คิดว่าองค์รัชทายาทจะเมินเฉยต่อเรื่องที่เกี่ยวกับตำแหน่งขององค์รัชทายาทหรอก..."

หลี่เจ๋อหานยังคงเงียบ แต่ดวงตาของเขาสะท้อนแววเข้าใจเพิ่มขึ้น

ซือหนิงยิ้มมุมปาก “หากข้าเป็นเขา ข้าก็คงนั่งคิดหัวแทบแตกว่าสิ่งที่ข้าเขียนไว้นั้นหมายถึงสิ่งใดกันแน่ สุดท้ายเพื่อไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปสู้มาพบข้าให้จบ ๆ ไปมิดีกว่าหรือ"

หลี่เจ๋อหานถอนหายใจอย่างโล่งใจ องคืหญิงที่เขาเคยเป็นสหายร่วมเล่นมาด้วยกันเปลี่ยนไปอย่างมิอาจคาดเดาแล้วจริง ๆ

"กระหม่อมเข้าใจแล้วพะยะค่ะ"

ซือหนิงหัวเราะเบาๆ นางเริ่มนับถอยหลังในใจเพราะแม้นางจะเป็นฝ่ายนัดเขาออกมาแต่นางก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ในสถานะผู้เป็นรอง หากเขามาช้าเกินกว่าความอดทนของนางซือหนิงก็พร้อมเปลี่ยนเป้าหมายเป็นผู้มีอำนาจคนอื่นได้เช่นกัน

และแล้ว…

เสียงฝีเท้าเงียบๆ ก็ดังขึ้นจากด้านนอก

ซือหนิงเหลือบมองผ่านม่านศาลา เห็นเงาร่างของบุรุษสองคนเดินตรงมา หนึ่งในนั้นคือหลัวกงกง ส่วนอีกคน แม้จะอยู่ภายใต้แสงจันทร์เลือนรางแต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเป็น…

องค์รัชทายาทฉีหยางเฉิน

"หึ…" ซือหนิงยิ้มบางๆ

...ในที่สุดก็มาจนได้ แปลว่าในใจองค์รัชทายาทผู้นี้มีความกระหายในอำนาจที่มากว่าตอนนี้อยู่

ไม่นานนัก ร่างสูงสง่าของฉีหยางเฉินก็เดินเข้ามาภายในศาลา ดวงตาของเขาสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ภายในกลับซ่อนความระแวดระวังต่อนางอย่างสังเกตเห็นได้

"องค์หญิงซือหนิง"

เสียงของเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แต่ก็ไม่ปิดบังความไม่ไว้ใจ

ซือหนิงลุกขึ้นช้า ๆ คารวะเขาอย่างเคารพ ยิ้มเบาบางก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยนติดหยอกเย้าเล็ก ๆ

"โอ้ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ นะเพคะ ที่องค์รัชทายาทเสด็จยามดึกมาที่นี่เช่นเดียวกับหม่อมฉัน"

หลัวกงกงที่ยืนข้างฉีหยางเฉินกระแอมเบา ๆ อย่างกลั้นความขบขัน ขณะที่องค์รัชทายาทเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มุมปากกระตุกน้อย ๆ อย่างรับมือไม่ถูก

"สถานที่แห่งนี้ช่างเหมาะสมดีเสียจริงที่เหมาะจะเดินยืดเหยียดร่างกายก่อนนอน" ฉีหยางเฉินเลือกเปลี่ยนเรื่องแทนที่จะเล่นตามงิ้วที่นางเล่นส่งมา

"เป็นศาลาที่โล่งรอบด้าน มีทางเข้ามายังในศาลาเพียงทางเดียว เจ้าไม่กลัวจะมีใครอื่นอยากมาเดินเล่นเลยสินะ"

ซือหนิงเข้าใจดีว่าคำพูดของฉีหยางเฉินมิได้ตำหนิที่นางเลือกสถานที่โล่งเกินกว่าจะคุยเรื่องสำคัญหรอก แต่เขากำลังลองเชิงนางอยู่ต่างหาก และนางก็พร้อมจะเล่นตามหมากกระดานของเขาอย่างเต็มใจ

"โล่งแบบนี้จะมีผู้ใดกล้าแอบมาฟังล่ะเพคะ หรือหากมีใครลอบเข้ามาคนของพระองค์ก็คงจัดการอยู่แล้ว มิใช่หรือเพคะ?"

ดวงตาของฉีหยางเฉินหรี่ลงเล็กน้อย ราวกับกำลังพิจารณานางใหม่อีกครั้ง เขามั่นใจว่ามิใช่เรื่องบังเอิญที่นางนัดเขาที่สถานนี้เช่นนี้

"...รู้ดีเสียจริง"

"ขอบพระทัยสำหรับคำชมเพคะ"

นางว่ายักไหล่อย่างไม่ยี่หระก่อนผายมือเชิญให้แขกนั่งลงยังตรงข้ามของนาง

"องค์หญิงเรียกข้ามาคงไม่ใช่เพียงเพราะอยากพูดคุยเรื่องไร้สาระหรอกกระมัง?"

ฉีหยางเฉินเอ่ยเสียงเรียบ ขณะก้าวไปนั่งลงบนเก้าอี้ในศาลาอย่างไม่รีบร้อน ท่าทีของเขาแสดงออกว่าพร้อมที่จะฟังเนื้อหาอันเป็นต้นเหตุให้เขามาอยู่ที่นี่ตอนนี้แล้ว

ซือหนิงหัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยเสียงนุ่มแต่แฝงความหนักแน่นมั่นใจ

"แน่นอนว่าไม่เพคะ หากเรื่องที่หม่อมฉันจะพูดวันนี้ไร้สาระ คงไม่กล้ารบกวนพระองค์ยามดึกเช่นนี้หรอก..."

ฉีหยางเฉินเหลือบตามองนาง แต่ไม่ได้พูดอะไร

"หม่อมฉันมีข้อเสนอมาให้องค์รัชทายาทพิจารณาเพคะ" ซือหนิงเอ่ยอย่างตรงประเด็น

"ข้อเสนอ?"

"เพคะ" นางกล่าวต่อทันที "องค์หญิงต่างแคว้นอย่างหม่อมฉันถูกส่งมาที่นี่เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นด้วยการแต่งงาน แต่กลับถูกแคว้นของพระองค์ผลัดผ่อนมาเกือบปี นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกหรือเพคะ?"

ฉีหยางเฉินยังคงนิ่งไม่ตอบเพราะเขารู้สาเหตุดีและซือหนิงกล่าวก็ไม่ใช่เพื่อถามเขาด้วยเช่นกัน

"เหตุผลก็คงเพราะแคว้นฉีไม่ได้เห็นว่าการแต่งงานนี้คุ้มค่าพอ?" ซือหนิงยิ้มบางๆ "การแต่งงานครานี้ต้องแลกด้วยผลผลิตจำนวนมากที่แคว้นเย่ของหม่อมฉันร้องขอ แต่แคว้นฉีนั้นได้เพียงแค่องค์หญิงจากต่างแคว้นมาแต่งงานด้วย อันดูเป็นสัญญาเลื่อนลอยสำหรับการสนับสนุนทางการทหารที่มิใช่ช่วงเกิดสงครามด้วยซ้ำ…เช่นนั้นคงไม่คุ้มเท่าไรสินะเพคะ?"

ฉีหยางเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

"แต่แคว้นฉีก็มิต้องการจะปฏิเสธการเชื่อมความสัมพันธ์นี้ด้วยเช่นกัน เพราะการเป็นพันธมิตรกับแคว้นเย่ที่มากด้วยกำลังทหารม้าและจำนวนคนก็ยังมีประโยชน์มากในภายหน้าเช่นกัน? ปัญหาก็คือ…สองแคว้นต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการเป็นฝ่ายเสียเปรียบในข้อตกลง จึงยังหาข้อสรุปที่คุ้มค่ากันไม่ได้เสียที"

ฉีหยางเฉินมองนางอย่างพิจารณา เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ลึกๆ ในใจ เขาอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ที่นางสามารถมองภาพรวมของสถานการณ์นี้ได้ชัดเจนถึงเพียงนี้ ทั้งที่นางเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดานของพวกเขาเท่านั้น

"แล้วอย่างไร? องค์หญิงซือหนิงพูดมาคงมิใช่เพียงจะอวดฉลาดหรอกล่ะมั้ง" เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel