บทที่ 8 เรื่องบังเอิญที่จงใจ
หลังจากที่ซือหนิงลดขั้นซูกูกูให้ออกไปทำงานเป็นนางกำนัลชั้นนอกผู้มีหน้าที่ทำความสะอาดตำหนักและให้คนของนางจับตาดูพฤติกรรมของซูกูกูและข้ารับใช้ที่มาจากแคว้นเย่ต่อ นางก็ใช้ชีวิตในตำหนักรับรองได้ง่ายขึ้นมาก หลังจากวันนี้ซูกูกูก็คงไม่กล้าส่งสารสำคัญอันใดกลับไปยังคนแคว้นเย่อีกแล้ว
ซือหนิงสามารถเรียกตัวหลี่เจ๋อหานมาพูดคุยได้โดยไม่ต้องระแวงว่าจะมีใครคอยจับตามองมากเท่าก่อนหน้านี้อีกด้วย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซือหนิงได้รับรู้เรื่องราวขององค์หญิง
ซือหนิงร่างเดิมมากมาย นางก็ได้รู้ความจริงหลายเรื่องที่ไม่สามารถอ่านได้จากหนังสือที่มีเป็นความจริงเกี่ยวกับอดีตของร่างนี้
องค์หญิงซือหนิงในวัยสิบแปดปีถูกส่งมาแคว้นฉีเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง หน้าที่หนึ่งเดียวของนางคือทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อภิเษกกับองค์รัชทายาทแคว้นฉี ซึ่งเป็นคำสั่งที่ได้รับจากฮองเฮาแคว้นเย่ ผู้ที่เลี้ยงดูนางมาเพื่อเป้าหมายนี้ตั้งแต่เยาว์วัย
น่าแปลกตรงที่เหตุใดฮองเฮาแคว้นเย่ถึงได้คาดหวังตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาในอนาคตได้กัน แคว้นเย่ไม่หาเรื่องให้แคว้นตนเองโดยการแต่งสตรีจากแคว้นอื่นเป็นฮองเฮาหรอก หากไม่โลกสวยเช่นองค์หญิงซือหนิงร่างเดิม...
อีกทั้งหากเป็นเช่นนี้จริงซูกูกูที่ติดตามมาด้วยควรส่งสารรายงานถึงการเปลี่ยนไปขององค์หญิงซือหนิงมิใช่หรือ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการไม่เชื่อฟังของนาง หรือความคืบหน้าขององค์หญิงกับตำแหน่งพระชายาขององค์รัชทายาท อะไรทำนองนั้น
ทว่าในสารของซูกูกูกลับบอกเอาแต่ย้ำเรื่องว่าองค์หญิง
ซือหนิงมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ต้องเป็นกังวล ย้ำเรื่องนี้อยู่นั่นแหละไม่ว่าจะส่งสารไปกี่รอบก็ตาม ไหนจะอาการแปลกไปของซูกูกูหลังรู้ตัวว่านางรู้ทันว่าส่งสารออกไปนอกวังอีกเล่า
หากนำเรื่องพวกนี้มารวมกับเบาะแสที่นางพบว่ามีใครบางคนจากนอกวังหลวงแอบเข้ามาวางยาพิษ และจดหมายตัดพ้อต่อชีวิตขององค์หญิงซือหนิงที่เขียนระบายไว้ก่อนตายที่นางจะมาเข้าร่างแทนนั้น ก็ทำให้สามารถสรุปเรื่องราวได้แล้ว!
คราวนี้ซือหนิงจะไม่รอความตายอีกต่อไป แต่นางจะเป็นผู้มอบความตายให้ผู้ที่คู่ควรเอง!
ภายในเรือนรับรองขององค์หญิงซือหนิง แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านหน้าต่างไม้แกะสลัก กระทบกับจานฝนหมึกและพู่กันบนโต๊ะไม้หอม ซือหนิงนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาคมกริบมองหลี่เจ๋อหานที่ยืนค้อมหัวรายงานอยู่ตรงหน้า
"องค์หญิง กระหม่อมแจ้งเรื่องไปยังวังองค์รัชทายาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่า---"
"ให้ข้าทายก่อน" ซือหนิงม้วนปลายผมของตนเล่น ก่อนเอ่ยต่อ "เขางานยุ่งจนไม่มีเวลาให้ข้าเข้าพบ ถูกต้องหรือไม่?"
หลี่เจ๋อหานเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย "พ่ะย่ะค่ะ..."
"เฮ้อ..." ซือหนิงทอดถอนใจอย่างไม่จริงจังนัก "องค์รัชทายาทฉีหยางเฉินผู้นี้ช่างเป็นคนที่รักงานเสียจริง สงสัยอีกไม่นานคงได้ถูกขนานนามว่า ‘องค์รัชทายาทดีเด่นแห่งแผ่นดิน’ กระมัง!"
ไม่ใช่ว่านางจะเดาไม่ออกว่าตนจะต้องได้คำตอบรับนี้ แต่ก็แอบหวังว่าจะได้เข้าพบง่ายๆเสียหน่อยเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเปลืองหัวสมองคิดเยอะ...
"เอาเถอะ..." ซือหนิงเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้ กวาดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเป็นธรรมชาติ
"ดูจากการกระทำที่ผ่านมา เขาจะยอมพบใครทีก็ต้องมีผลประโยชน์บางอย่างนั่นล่ะ น่าเสียดายที่ข้าเป็นองค์หญิงต่างแคว้นที่โดนเฉดมาต่างเมือง ไม่ได้มีอำนาจหนุนหลังเขาอย่างที่ต้องการ จะให้มาพบข้าโต้ง ๆ เช่นนี้ก็อาจทำให้ตระกูลหวงที่อยู่ข้างเขาไม่พอใจเสียเปล่า"
"เช่นนั้นแล้วองค์หญิงจะให้ทำอย่างไรต่อไปดีพะยะค่ะ" หลี่เจ๋อหานมีสีหน้าเคร่งเครียดต่างจากเจ้านายของเขานัก
"ไม่ยาก ๆ เพียงแต่ข้าต้องออกแรงมากหน่อยเท่านั้น..."
ซือหนิงเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้น ก่อนหันไปสั่งองครักษ์คู่ใจ "เจ้าไปสืบดูว่าเขามีสถานที่ที่ไปเป็นประจำหรือไม่ ไปตอนไหน วันไหน และทำอะไร ขอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"
"พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง" หลี่เจ๋อหานตอบรับอย่างไร้ความลังเล
ในเมื่อนางขอเข้าพบตรง ๆ แล้วไม่ได้ก็แค่ให้เกิดสถานการณ์ ‘บังเอิญพบ’ แทนก็เท่านั้น
ยามบ่าย สายลมพัดโชยเบาๆ นำกลิ่นหอมของดอกเหมยลอยฟุ้งไปทั่วสวนในวังหลวง องค์รัชทายาทฉีหยางเฉินประทับในสวนท่าทางสบายๆ กำลังประลองหมากรุกอยู่กับหลัวกงกง ผู้ติดตามคนสนิทของเขาเองอย่างที่ทำเป็นประจำแทบทุกวันที่งานราชการไม่ยุ่ง
"หมากตัวนี้ ถ้าเดินพลาดก็หมดกระดานเลยนะพ่ะย่ะค่ะ" หลัวกงกงกล่าวอย่างนอบน้อมพลางยิ้มบางๆ
ฉีหยางเฉินเหยียดยิ้ม มองกระดานหมากนิ่งๆ ราวกับไตร่ตรองเล็กน้อยทั้งที่เพียงแค่เขาวางหมากในมือไปตัวเดียวก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะแล้ว ในขณะที่มือข้างถนัดกำลังคว้าตัวหมากสีดำเพื่อวางลงตำแหน่งสุดท้ายก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเสนาะของสตรีที่ดังขึ้นจากด้านข้างไม่ไกลเสียก่อน
"ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ"
เสียงนั้นรื่นหู ทว่าแฝงด้วยความยินดีที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกชวนให้ไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ฉีหยางเฉินเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร
องค์หญิงจากแคว้นเย่ เย่ซือหนิง...
สตรีที่เขาเพิ่งปฏิเสธไม่พบไปเมื่อไม่นานนี้ ปรากฏตัวตรงหน้าเขาราวเป็นเรื่องบังเอิญ แต่องค์รัชทายาทเช่นเขาน่ะหรือจะตามไม่ทันมารยาของสตรีผู้หนึ่ง
หยางเฉินยังคงนั่งนิ่ง ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นรับคำทักทาย เพียงหันหน้ามองและเอ่ยเสียงเรียบตอบรับ
"องค์หญิงซือหนิง..."
ซือหนิงยิ้มจางๆ นางมากับนางกำนัลคนสนิทคนใหม่อย่างซินเยว่ พลางกวาดสายตามองกระดานหมากรุกตรงหน้าแล้วหยักยิ้มเล็ก ๆ มุมปาก
นางไม่ได้ตั้งใจจะมาขัดขวางการวางหมากของใครเสียหน่อยเหตุใดเขาต้องมองนางเช่นนั้นด้วย
"หม่อมฉันมิคิดว่าจะมาพบองค์รัชทายาทที่นี่ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง ...พอดีนางกำนัลประจำตำหนักของหม่อมฉันกล่าวถึงความงดงามของดอกเหมยที่สวนแห่งนี้จึงถือโอกาสมาเยี่ยมชม ไม่คิดรบกวนพระองค์เลยแม้แต่น้อยเพคะ"
นางกล่าวพลางแสร้งทำเป็นไม่สนใจท่าทีเย็นชาของรัชทายาท จากนั้นก็ก้าวถอยหลังเตรียมจะจากไปตามมารยาท
แต่ในขณะที่เยื้องกายผ่านบริเวณที่หลัวกงกงนั่งอยู่นั้น ผ้าเช็ดหน้าผืนงามในมือของนางก็หล่นลงไปใกล้หลัวกงกงพอดิบพอดี
"โอ๊ะ! ดูเหมือนข้าจะซุ่มซ่ามไปหน่อย" ซือหนิงกล่าวอย่างอ่อนใจ
หลัวกงกงยิ้มรับก่อนก้มลงเก็บผ้าเช็ดหน้าและส่งให้ด้วยความเคารพ "นี่ขององค์หญิงพะยะค่ะ..."
ขณะที่หลัวกงกงยื่นคืนให้ ซือหนิงโน้มตัวรับกลับมาด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ทว่ามือของนางกลับแนบกระดาษแผ่นหนึ่งพร้อมก้อนเงินลงไปในมือของหลัวกงกงต่อหน้าต่อตาองค์รัชทายาทแคว้นฉีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ขอบคุณกงกงที่ช่วยเก็บให้”
ซือหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ และผละเดินออกไปโดยไม่พูดอันใด นางเพียงแค่ยิ้มให้หลัวกงกงและฉีหยางเฉินแล้วหมุนตัวเดินจากไปอย่างสง่างาม...
หลัวกงกงกระพริบตาปริบๆ มองสิ่งที่นางยัดใส่มือเขา ก่อนจะแอบเหลือบมององค์รัชทายาทอย่างลังเล
ฉีหยางเฉินมองตามร่างอรชรที่ค่อยๆ ห่างออกไป นัยน์ตาเรียบเฉยของเขาฉายแววครุ่นคิดกับการกระทำโจ่งแจ้งเช่นนี้
จากที่คิดว่าจะไม่อ่านข้อความในกระดาษนั่นก็คงไม่อาจไขข้อสงสัยและคลายความอยากรู้ได้ นางจะมีจุดประสงค์เดียวกับสตรีอื่นที่เข้าหาเขาหรือไม่นั้นเขาชักเริ่มไม่แน่ใจแล้ว...
