บทที่ 7 รายการอาหารใหม่เพื่อซูกูกูโดยเฉพาะ
หลังจากแยกจากองครักษ์หลี่แล้ว ซือหนิงก็พบซูกูกูกำลังยืนรออยู่ที่บริเวณหน้าห้องบรรทมของนาง ใบหน้าของซูกูกูฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน ไม่มีคนของแคว้นฉีอยู่แถวนี้ เช่นนั้นซูกูกูจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำเป็นเคารพองค์หญิงของตน
"พระองค์เสด็จไปที่ใดมาเพคะ?" ซูกูกูเอ่ยถาม น้ำเสียงกดต่ำ "เหตุใดจึงไม่พานางกำนัลเซียวไปด้วย?"
ซือหนิงลอบหัวเราะเยาะในใจ ‘หากข้าพานางไปด้วย ข้าก็ถูกจับตามองหมดสิ’
"ที่นี่ข้าคือเจ้านาย ซูกูกูต้องการให้ข้าย้ำเรื่องนี้กี่ครั้งกัน? อีกอย่าง ข้าเพียงเดินออกไปไม่นาน ไยต้องมีผู้ติดตามด้วย?"
กล่าวจบซือหนิงก็เดินเข้าห้องไปโดยไม่รอฟังคำตอบอื่นใดอีก ขณะที่ซูกูกูยืนนิ่งอยู่ที่เดิมสีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสงสัย นางรับรู้ได้ชัดว่าองค์หญิงซือหนิงเปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่เคยเป็นเพียงองค์หญิงที่เชื่อฟังและไม่เคยต่อต้าน กลับกลายเป็นผู้ที่กล้าพูดสวนตนโดยตรง
ซูกูกูขมวดคิ้วแน่น ความไม่ไว้วางใจทวีขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น นางมั่นใจว่าเมื่อครู่องค์หญิงซือหนิงไม่ได้อยู่ภายในเขตตำหนักรับรอง เพราะก่อนหน้านี้นางได้เดินสำรวจทั่วแล้ว ไม่พบองค์หญิงแม้แต่น้อย
องค์หญิงซือหนิงผู้นี้ชักจะทำอะไรที่นอกเหนือจากที่นางคาดไว้เกินไปเสียแล้ว นางจำเป็นต้องรายงานท่านผู้นั้น!
เมื่อซูกูกูตัดสินใจได้ก็รีบหมุนตัวเดินกลับห้องของตนทันใด
เมื่อปิดประตูห้องลง นางก็ลงมือจุดตะเกียงให้แสงไฟส่องเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบพู่กัน แต้มหมึก แล้วเริ่มเขียนจดหมายด้วยลายมือที่ราบเรียบมั่นคง บรรยากาศในห้องเงียบสนิทราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ภายห้องมีเพียงเสียงน้ำหมึกที่หยดซึมลงกระดาษตรงหน้าอย่างอัดแน่นด้วยเนื้อหามากมายเท่านั้น
...ตกดึกคืนนั้นเอง ซูกูกูสวมชุดคลุมมิดชิด ลอบเดินออกจากตำหนักรับรองอย่างระมัดระวัง นางมุ่งหน้าไปยังโรงม้าอันเงียบสงัดของวังหลวง ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเป็นประกาย เมื่อไปถึงมุมหนึ่งของคอกม้า นางเป่าปากแผ่วเบาเพียงครู่เดียว ไม่นานนัก นกตัวหนึ่งก็บินลงมาเกาะกิ่งไม้ใกล้ ๆ
ซูกูกูหยิบม้วนกระดาษขนาดเล็กขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะมัดติดไว้ที่ขาของนก จากนั้นจึงปล่อยให้มันบินขึ้นสู่ท้องฟ้ายามราตรีเพื่อให้มันได้ทำหน้าที่ส่งสารอย่างที่ฝึกไว้ ก่อนเจ้าของสารนั้นก็หมุนตัวกลับไปอย่างเร่งรีบ...
ปั้กกก!
ร่างของนกน้อยร่วงตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง ห่างออกไปเล็กน้อยบนต้นไม้ใหญ่ เงาร่างบางในชุดสีมืดกำลังนั่งเอนกายซ่อนตัวอยู่ ดวงตาสีฟ้าสะท้อนประกายเฉียบคม
ซือหนิงโน้มตัวลงจากกิ่งไม้ กระโดดลงมาอย่างแผ่วเบา นางก้าวไปหยิบนกน้อยขึ้นมา ก่อนจะคลายเชือกที่มัดสารลับออก นางรู้อยู่แล้วว่าซูกูกูต้องทำเช่นนี้ เพราะนางหย่อนเหยื่อไว้หลายคราในที่สุดซูกูกูก็ทนไม่ไหวงับเข้าเสียที
เป้าหมายของซือหนิงคือ นางต้องการยืนยันสิ่งที่ตนคิดว่าผู้ใดคือเจ้านายของซูกูกูที่สั่งให้กลั่นแกล้งและจับตาดูนาง
เมื่อเปิดจดหมาย นางก็เห็นข้อความสั้น ๆบนกระดาษชนิดพิเศษชัดเจน และปลายทางของสารนี้คือ… แคว้นเย่ ไม่ผิดจากที่คิดไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น ในช่วงที่ซือหนิงกำลังดื่มด่ำกับมื้อเช้าที่ศาลากลางสระที่ประจำนั้นเอง นางกำนัลลี่หมิงก็นำถาดเข้ามา ในถาดนั้นมีชามตุ๋นนกตัวหนึ่ง ส่งกลิ่นหอมกรุ่นอบอวลไปทั่วศาลา ซือหนิงเหลือบตามองก่อนจะยิ้มบาง ๆ
ใช่แล้ว นี่คือนกที่นางยิงเมื่อคืน นางตั้งใจให้นำมาปรุงเป็นอาหารเช้าในวันนี้
ซูกูกูที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองชามตุ๋นนกด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอยากรู้
"องค์หญิงโปรดอาหารเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ? หม่อมฉันไม่รู้ว่าพระองค์เคยเสวยมาก่อน"
ซือหนิงหยักยกมุมปากก่อนเอ่ยน้ำเสียงปรกติ
"เวลาเปลี่ยนผันความชอบของข้าก็เปลี่ยนได้เช่นกัน แกงนกนี้ช่วยบำรุงร่างกายและจิตใจได้ดีทีเดียว"
ซูกูกูพยักหน้าเข้าใจแต่ไม่ได้รู้สึกแปลกและเอะใจอันใด นางไม่รู้ว่าสารที่นางส่งไปเมื่อคืนไม่เคยถึงปลายทาง ทว่าหลังจากผ่านไปหลายวัน ซูกูกูเริ่มรู้สึกแปลกประหลาดใจมากขึ้นเมื่อหลายวันมาแล้วที่มักจะมีรายการอาหารที่มีนกเป็นส่วนประกอบหลักเสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ซือหนิงเสร็จจากมื้อเช้าแล้ว องครักษ์หลี่เดินเข้ามาได้เวลาพอดี
"องค์หญิง นกที่กระหม่อมจับได้เมื่อคืน จะให้ทำเป็นอาหารใดดีพะยะค่ะ?"
ซือหนิงยกยิ้มจาง ๆ พลางแสร้งบ่น "ช่วงนี้นกในวังหลวงเยอะเหลือเกิน ข้าเริ่มเบื่อแล้ว"
จากนั้นนางก็ปรายตามองไปที่ซูกูกูที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ "ซูกูกู เจ้าชอบนกตุ๋นหรือไม่? ข้าขอมอบเป็นของกำนัลแก่เจ้าก็เเล้วกันนะ"
ใบหน้าของซูกูกูซีดเผือดทันทีเมื่อเห็นนกในมือของหลี่เจ๋อหาน ไม่ว่าจะเป็นสีขนหรือขนาดตัวช่างดูคุ้นตาเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
ไม่ผิดแน่ นี่มันนกส่งสารที่นางใช้งานเมื่อคืน!
นางเริ่มตระหนักว่าอาหารทุกมื้อที่ผ่านมาล้วนมีเนื้อนกเป็นส่วนประกอบหลัก นางเพิ่งเข้าใจในวินาทีนั้นเองว่านกเหล่านั้นคือนกส่งสารของตน!
เลือดในกายเย็นเฉียบราวกับถูกแช่แข็ง มือของนางสั่นระริก ริมฝีปากซีดเผือด นางรู้แล้วว่าตนตกหลุมพรางขององค์หญิง
ซือหนิงเข้าเต็ม ๆ ความหวาดกลัวแล่นเข้าสู่ร่างจนแทบทรงตัวไม่อยู่
ความคิดที่จะอธิบายหรือแก้ตัวพังทลายลงทันทีที่ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นปรายมองมาอย่างเจือรอยยิ้มเย็น ซูกูกูอ้าปากพะงาบ ๆ ราวกับจะกล่าวบางอย่าง แต่แล้วกลับกลืนทุกคำลงคอ ภาพนกและสารที่นางเขียนส่งไปให้ฮองเฮาแคว้นเย่ปรากฎวนเวียนจนลายตา ความวิตกกังวลทั้งหมดพุ่งขึ้นจุกขอจนเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผะอืดผะอมจนทนไม่ไหว
อาหารที่กินไปเมื่อเช้ากำลังจุกคอและพร้อมออกสู่อิสระเเล้ว แต่หากนางสำรอกออกมาตรงนี้มีหวังถูกสั่งลงโทษอย่างไม่มีเงื่อนไขแน่!
ซูกูกูไม่สามารถเอ่ยอันใดได้อีก นางหมุนตัวพรวดพราดวิ่งออกจากศาลาไปทันที ราวกับต้องการหนีจากฝันร้ายที่ตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
ซือหนิงมองตามแผ่นหลังของซูกูกู พลางยิ้มสมใจ นางกำนัลรอบข้างที่มองเหตุการณ์ต่างรับรู้ถึงแปลกไปของซูกูกูแต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยอันใดทำลายความเงียบ
ซือหนิงเบ้หน้าเล็กน้อยแล้วจึงหันไปมองบรรดานางกำนัลของตน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความหมายลึกซึ้งชัดเจน
"ซูกูกูผู้นี้ทำให้ข้าทานไม่ลงอีกต่อไปแล้ว ต่อไปนางไม่ต้องมาปรนนิบัติใกล้ชิดข้าอีก ให้ไปทำความสะอาดตำหนักแทนก็แล้วกัน..."
บรรยากาศในศาลาเงียบกริบอย่างเเสดงออกว่ายอมรับตามรับสั่ง แม้นางกำนัลจากแคว้นเย่อย่างกำนัลเซียวดูเหมือนจะกล่าวค้าน แต่พอเห็นสายตาเย็นชาของซือหนิงก็ต้องรีบกลืนคำพูดลงไปทันใด
ซือหนิงหันไปหานางกำนัลซินเยว่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม "จากนี้ไป เจ้ามาคอยติดตามข้าแทนซูกูกูเถอะ"
ซินเยว่โค้งคำนับรับคำสั่งอย่างไม่ลังเล ขณะที่ซือหนิงปรายตามองไปทางองครักษ์หลี่ ก่อนจะหยักยิ้มบาง ๆ ให้กับเขาอย่างรู้กัน
...เนื้อความในสารที่ซูกูกูตั้งใจส่งออกไปนั้นทำให้ซือหนิงมั่นใจกว่าค่อนแล้วว่ากลุ่มคนผู้อยู่เบื้องหลังการตายขององค์หญิง
ซือหนิงเจ้าของร่างคือคนจากแคว้นเย่
