บทที่ 5 เจตนาของบุรุษผู้นี้ช่าง...
ซือหนิงเดินตามฉีหนานหวังไปอย่างเงียบ ๆ แต่ภายในใจของนางพยายามคิดหาหนทางปลีกตัวออกจากสถานการณ์นี้อยู่ตลอดเวลา บุรุษผู้นี้ก็เดินนำไปอย่างเชื่องช้าเสียจริง เขาไม่เร่งรีบใด ๆ ทำให้นางต้องคอยชะลอฝีเท้าตามโดยไม่ให้ดูเร่งร้อนเกินไปเช่นกัน
นางเหลือบตามองไปทางสตรีที่เดินเคียงข้างฉีหนานหวัง ซูลี่ชายารองของเขา สีหน้าของนางแม้จะเรียบนิ่งแต่ก็ไม่อาจซ่อนความขัดใจไว้ได้ กระนั้นกลับไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกจากริมฝีปากของนาง ทั้งสี่เดินต่อไปโดยไม่มีใครพูดอะไร
แต่ดูเหมือนสวรรค์จะเล่นตลกกับซือหนิงเสียแล้ว!
เส้นทางที่ฉีหนานหวังพานางไปนั้น ดันผ่านสวนในเขตตำหนักขององค์รัชทายาท ตำหนักตะวันออก และก็เป็นอย่างที่นางไม่อยากให้เกิดขึ้น กลุ่มของพวกนางต้องเดินผ่านศาลาที่มีบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งดื่มชาอยู่กับคุณหนูหวง!
ซือหนิงพยายามเดินให้ชิดร่มไม้ หวังจะไม่เป็นจุดสนใจ ทว่าแผนการของนางกลับล้มเหลว เพราะฉีหนานหวังจงใจเดินเข้าไปทักสองคนนั้นโดยตรง
"ดื่มชาอันใดหรือ กลิ่นหอมโชยมาแต่ไกล"
เสียงของฉีหนานหวังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ทว่ากลับทำให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นทันที
องค์รัชทายาทแคว้นฉี ฉีหยางเฉินที่นั่งอยู่ในศาลาหันมอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและคำนับให้ผู้ที่มีศักดิ์เป็นอาของตน คำพูดดีแต่มีแววขัดเคืองซ่อนอยู่ลึก ๆ ในดวงตาที่ไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้
"ถวายบังคมเสด็จอาพะยะค่ะ" น้ำเสียงขององค์รัชทายาทราบเรียบเป็นไปตามมารยาท
ถัดมาเป็นคุณหนูหวงที่คำนับตามด้วยท่าทีอ่อนช้อย ทว่าดวงตากลับส่องประกายความพึงพอใจ เมื่อเห็นซือหนิงที่เดินตามอยู่ข้างหลังฉีหนานหวัง นางแย้มยิ้มก่อนจะเอ่ยทักเสียงหวานแต่แฝงความเย้ยหยัน
"อ้าว นั่นมิใช่องค์หญิงซือหนิงหรอกหรือเพคะ?" คำพูดของนางดึงดูดสายตาขององค์รัชทายาทให้หันมามองตาม
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉีหยางเฉินได้พบหน้าค่าตาของว่าที่พระชายารองของตน เย่ซือหนิง
สายตาขององค์รัชทายาททอดมองซือหนิงด้วยแววตาประเมิน สตรีตรงหน้างดงามหมดจด ดวงหน้ารูปไข่ได้สัดส่วน คิ้วเรียวงาม จมูกโด่งรั้น และดวงตาสีฟ้าที่หาได้ยากยิ่งในดินแดนนี้ แม้จะไม่ถึงกับหลงใหลทันทีที่พบเจอ
ความรู้สึกยามถูกจ้องมองจากฉีหยางเฉินนั้นทำให้ซือหนิงรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ สายตาของเขาทำราวกับค้นหาบางอย่าง สายตาปนสงสัยใคร่รู้
ซือหนิงที่พยายามจะลดตัวตนให้กลมกลืนกับฉากหลัง จำเป็นต้องก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อถวายบังคมองค์รัชทายาทตามมารยาท
"ถวายพระพรองค์รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันองค์หญิงสามเเคว้นเย่เพคะ"
องค์รัชทายาทพยักหน้าเล็กน้อย สายตาของเขายังคงจับจ้องนางด้วยความสนใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีหวั่นไหวหรือพึงพอใจมากนัก บุคลิกของเขาแสดงให้เห็นถึงความสุขุมเยือกเย็น ทว่าแฝงไปด้วยเสน่ห์อันอันตราย ดวงตาของเขาแม้จะดูนิ่งสงบ แต่ก็ซ่อนความเอาแต่ใจที่ควบคุมไว้ภายใน
"พวกท่านมาพอดี ดื่มชาด้วยกันสักหน่อยดีหรือไม่?"
ซือหนิงกำลังคิดหาทางหลบออกไปจากสถานการณ์ที่อึดอัดนี้ นางไม่อยากขัดอารมณ์สุนทรีย์ใคร และนางก็ไม่อยากอยู่ในสงครามฝีปากกับหวงเจียถิงที่ทำหน้าบึ้งอยู่ข้างหลังอีกแล้ว
ทว่าไม่ทันที่ซือหนิงจะเอ่ยปฏิเสธ ฉีหนานหวังก็กล่าวขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อน
"ดีสิ ข้าเองก็กำลังอยากดื่มชาพอดี..."
คำกล่าวนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าฉีหนานหวังและองค์รัชทายาทไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่กลับยอมมานั่งดื่มชาร่วมกันอย่างเป็นประวัติการณ์
"หม่อมฉันมีธุระต้องกลับไปจัดการที่ตำหนัก คงต้องขอตัว ไม่รบกวนพวกท่านเพคะ" ซือหนิงฉวยโอกาสกล่าวขึ้นก่อนที่เรื่องราวจะบานปลาย
นางก้าวถอยหลังเตรียมเดินออกไป ทว่าเสียงของฉีหนานหวังกลับดังขึ้น "อ้าว? แล้วเจ้ารู้ทางกลับตำหนักหรือ?"
ซือหนิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันมายิ้มจืดเจื่อน "หม่อมฉันขอให้นางกำนัลสักคนนำทางกลับก็คงไม่เป็นปัญหามากนักเพคะ"
ฉีหนานหวังหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย "หาได้ง่ายเช่นนั้นไม่ นางกำนัลต่างมีหน้าที่ต้องปรนนิบัติรินชา คงไม่มีใครว่างไปส่งเจ้า นั่งลิ้มรสชาสักหน่อยก่อนเถอะ"
ซูลี่ ชายารองของฉีหนานหวังก็เสริมขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ใช่เพคะ นี่ก็ว่าที่พระสวามีขององค์หญิงมิใช่หรือ การได้ใช้เวลาทำความรู้จักกันนับว่าเป็นเรื่องดีที่หาได้ยากยิ่ง"
ซือหนิงแม้จะยิ้มอยู่ แต่ในใจกลับรู้สึกปั่นป่วน เขาอยากนั่งดื่มชานักก็นั่งไปคนเดียวสิ เหตุใดต้องทำนางลำบากไปด้วยกันเล่า!
ซือหนิงที่กำลังจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่เว้นว่างอยู่ก็ชะงักไปกะทันหัน นางกุมท้องแล้วร้องเสียงไม่ดังเเต่ก็ไม่เบานัก "โอ๊ย...!"
ทุกสายตาหันมามองด้วยความตกใจ ซือหนิงแสร้งกล่าวอย่างอ่อนแรง "หม่อมฉันรู้สึกแน่นท้องเล็กน้อย สงสัยว่าอาหารมื้อเช้าจะย่อยไม่ดี หากดื่มชาอีกอาจจะยิ่งไม่ดีต่อร่างกาย เช่นนั้นหม่อมฉันขอกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่าเพคะ"
เรื่องสุขภาพของแขกต่างเมืองสำคัญกว่าการดื่มชาแน่ ๆ หากรู้มารยาทดีคำกล่าวของนางก็หมายถึงว่านางปวดท้องอยากเข้าสุขานั่นล่ะ เรื่องเช่นนี้ก็ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้แล้ว นางได้รับอนุญาตให้ออกไปพร้อมกับนางกำนัลนำทางหนึ่งคน
สิ่งหนึ่งที่นางได้จากการพบเจอเหล่าเชื้อพระวงศ์ในวันนี้ คือ...
ดูท่าแล้วคำบอกของขันทีขี้เมาผู้หนึ่งที่ซือหนิงมอมและสืบข้อมูลมาได้ว่าองค์รัชทายาทหยางเฉินนั้นไม่ถูกกับฉีหนานหวังด้วยเรื่องตนถูกแย่งชิงความโปรดปราณจากฝ่าบาท อีกทั้งยังไม่ถูกฉีหนานหวังที่มากด้วยอำนาจทางทหารสนับสนุนชัดเจนนั้นคือเรื่องจริงอย่างที่เลี่ยงไม่ได้ คนที่ฝักใฝ่ในอำนาจก็ไม่น่าจะพอใจที่ถูกวางให้อภิเษกกับองค์หญิงแคว้นเล็ก ๆ เช่นนางสิ
เช่นนั้นแล้วไม่ว่าจะองค์รัชทายาทแคว้นฉีหรือคนตระกูลหวงที่เป็นคู่แข่งที่สำคัญในตำแหน่งพระชายานั้นก็ล้วนมีเหตุจูงใจให้ลงมือปลิดชีพองค์หญิงซือหนิงทั้งสิ้น
แต่ที่น่าประหลาดใจคือ เหตุใดฉีหนานหวังถึงดูเหมือนจงใจทำให้นางลำบากใจเช่นนั้นกัน?
...หวังว่าจะเป็นนางที่คิดมากไปเองนะ
