บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 นางถูกใครปลิดชีพกันแน่

สองวันผ่านไป ซือหนิงใช้เวลาช่วงที่อยู่ในบทลงโทษของซูกูกูนี้เพื่อตั้งตัว นางเฝ้าสังเกตคนรอบกายและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร่างนี้ให้มากที่สุดเพราะความทรงจำที่มีนั้นเป็นเพียงนามและคนผู้นั้นคือใครยามเจอหน้าเท่านั้น ซือหนิงเรียกนางกำนัลส่วนตัวที่ดูแลภายในตำหนักมาพบในบางที มีนางกำนัลเซียวซึ่งเป็นคนจากแคว้นเย่ และอีกสองคนที่เป็นนางกำนัลจากแคว้นฉี ได้แก่ ซินเยว่และลี่หมิง

สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจคือ นางกำนัลกลุ่มที่มาจากแคว้นเย่อันเป็นแคว้นเดียวกันกลับปฏิบัติต่อนางอย่างไม่ให้ความเคารพแม้แต่น้อย ต่อหน้าคนของแคว้นฉีพวกนางยังแสร้งเป็นข้ารับใช้ที่ดี ทว่าลับหลังกลับทำราวกับนางมิใช่องค์หญิง ซือหนิงใช้เวลาเพียงไม่นานก็สรุปได้ว่า คนที่นางพึ่งพาได้คือคนของแคว้นฉี หาใช่คนของแคว้นเย่ไม่

แต่เรื่ององค์หญิงร่างเดิมปลิดชีพตนเองหรือคนฝ่ายไหนเป็นผู้ลงมือนั้นย่อมเป็นคนละเรื่อง...

จากการสืบเสาะข้อมูลเพิ่มเติมจากการสอบถาม นางพบว่าร่างนี้เป็นพระธิดาของฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่กับนางบำเรอจากต่างแคว้น ดวงตาสีฟ้าของนางแตกต่างจากคนอื่นที่ล้วนมีนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มหรือดำ มันคือเครื่องหมายที่ทำให้ร่างนี้ถูกมองว่าเป็นคนนอกเสมอ และอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่องค์หญิงซือหนิงถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาเช่นนี้จากบ่าวรับใช้พวกนี้ก็เป็นได้

เรื่องนี้ทำให้ซือหนิงต้องกลับมาขบคิดเรื่องการหลบหนีจากวังหลวง หากยังอยู่ นางก็เป็นเพียงเครื่องมือ หากหนี นางก็จะถูกตามล่าจากทั้งสองแคว้นแน่

ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของร่างนี้งดงามเกินไป โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าที่เป็นจุดเด่น หากต้องการหนี นางต้องหาวิธีเปลี่ยนสีดวงตาให้ได้เสียก่อน มิฉะนั้น ต่อให้นางใช้ทักษะสายลับทั้งหมดที่มี ก็ไม่อาจหลบเลี่ยงสายตาผู้ใดได้

ทว่าลึกลงไป นางก็รู้ดีว่าตนไม่อยากใช้ชีวิตหลบซ่อนเช่นชาติที่แล้ว นางเป็นสายลับที่ต้องซ่อนตัวในเงามืดมาตลอด แต่เมื่อตายแล้วเกิดใหม่ เหตุใดถึงยังไม่อาจหลีกหนีชะตานี้ได้อีก? เหตุใดจึงไม่สามารถเกิดเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ที่ได้ใช้ชีวิตสงบสุขเยี่ยงคนทั่วไปได้? เหตุใดต้องเป็นองค์หญิงที่เต็มไปด้วยปริศนาและถูกขังอยู่ในกรงทองคำเช่นนี้ด้วย?

คืนนี้เป็นคืนที่สามที่ซูกูกูสั่งห้ามส่งอาหารให้นาง แต่นางมีมือมีเท้า ตลอดสองวันล้วนแอบออกไปจากตำหนักในเวลากลางคืนที่ข้ารับใช้หลับพักผ่อนเพื่อขโมยอาหารในโรงครัวประทังชีวิต

...กองทัพเดินด้วยเสบียงฉันท์ใด องค์หญิงเช่นนางก็ต้องดำเนินชีวิตด้วยการเติมอาหารให้เต็มท้องฉันท์นั้น!

ท้องฟ้ามืดสนิทเมื่อซือหนิงลอบออกจากตำหนักของตน นางเลือกหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งไม่เคยมีองครักษ์เฝ้าอยู่ ก่อนจะกระโดดออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง เท้าของนางเหยียบลงบนกิ่งไม้แข็งแรง นางขยับตัวไปตามต้นไม้ ใช้กิ่งไม้เป็นเส้นทางเคลื่อนไหว จนกระทั่งไปหยุดอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงเหนือกำแพงตำหนักรับรองที่พักของตน

นางนั่งนิ่ง รอเวลาที่เหมาะสม จนกระทั่งสองยามครึ่ง องครักษ์จากแคว้นเย่สองนายเดินเข้ามาประจำการที่กำแพงด้านล่าง

เสียงสนทนาของพวกเขาดังขึ้นอย่างชัดเจนในค่ำคืนอันเงียบสงัด

"องค์หญิงซือหนิงมิได้ออกจากห้องมาสองวันแล้วกระมัง หรือประชวรอีกแล้ว?" องครักษ์แคว้นเย่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจยาว

"ข้าก็ว่าอยู่ สีพระพักตร์ขององค์หญิงเมื่อวันก่อนดูแย่กว่าทุกที สุดท้ายก็ประชวรอีกจนได้" อีกคนสมทบ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ "แต่ก็เถอะ หากมิใช่เพราะพระสิริโฉมงดงามถึงเพียงนี้ แคว้นฉีคงมิยอมให้สินสอดตามที่แคว้นเราร้องขอเป็นแน่"

"นั่นสิ จะให้ผู้หญิงอ่อนแอเช่นนี้มีทายาทได้อย่างไร?" พวกเขาแค่นหัวเราะกันเบาๆ อย่างไม่เกรงใจ ทำราวกับว่าองค์หญิงที่กล่าวถึงมิใช่เจ้านายของพวกเขา

"เงียบปากเสีย!" เสียงของชายอีกคนหนึ่งดังแทรกขึ้น

ซือหนิงหยักยิ้มพอใจ นางยังคงนั่งนิ่งบนกิ่งไม้ มองไปยังต้นเสียง และเช่นเคยอย่างสองวันก่อน หลี่เจ๋อหาน องครักษ์จากแคว้นเย่อีกคนที่ยืนห่างออกไปจากสองนายนี้เสมอ เขาส่งสายตาคมกริบไปยังองครักษ์ทั้งสองก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ

"เป็นถึงองครักษ์ แต่กลับกล่าววาจาดูหมิ่นเจ้านายของตนเองเช่นนี้ เจ้าสองคนไม่ละอายใจบ้างหรือ?"

องครักษ์ทั้งสองหันไปมองหลี่เจ๋อหาน ก่อนจะหัวเราะเยาะ

"แล้วเจ้าจะทำอันใด? จะไปฟ้ององค์หญิงซือหนิงอย่างนั้นหรือ? ฟ้องไปแล้วพระนางจะทำอะไรพวกข้าได้? หรือว่าเจ้าไม่คิดเหมือนพวกข้าเล่า อีกอย่างที่ตรงนี้ก็หามีใครนอกจากพวกเราได้ยินไม่"

เจ๋อหานไม่ตอบอะไร เขาเพียงจ้องฝ่ายตรงข้ามนิ่ง ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่นแล้วหันหลังเดินจากไป ท่าทางของเขาทำราวกับไม่ต้องการลดตัวไปยุ่งเกี่ยวกับคนประเภทนี้อีก

ซือหนิงที่เฝ้าดูอยู่เบื้องบนแววตาครุ่นคิด นางแน่ใจได้แล้วว่าในบรรดาข้ารับใช้ทั้งหมดจากแคว้นเย่ที่ติดตามมาด้วย หลี่เจ๋อหานคือคนเดียวที่ควรค่าแก่การเข้าหา

...เขาเหมือนคนที่มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับองค์หญิงซือหนิงมากกว่าเป็นแค่เจ้านายลูกน้อง

หลังจากสังเกตการณ์จนพอใจ ซือหนิงก็ละจากบนกิ่งไม้นั้นไปยังโรงครัวต่อ นางลัดเลาะไปตามเงามืดของกำแพง ใช้เส้นทางที่นางสำรวจไว้ก่อนหน้านี้เพื่อหลบเลี่ยงสายตาองครักษ์อย่างคล่องแคล่ว เมื่อมาถึงโรงครัว นางฉวยโอกาสขโมยอาหารเล็กน้อยมาไว้กินในยามจำเป็น รวมถึงเก็บเสบียงเล็กๆ น้อยๆ ติดตัวไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

ทว่าเป้าหมายที่แท้จริงของนางมิใช่เพียงหาอาหาร นางเดินลัดเลาะไปยังแนวต้นหญ้าที่มีดอกไม้สีเหลืองอ่อนประปราย ซึ่งนางตามหามาสองวันเต็มและเพิ่งมาพบมันในค่ำคืนนี้เอง

เมื่อเดินตามแนวหญ้าดอกสีเหลืองไปเรื่อย ๆ ไม่นานนางก็พบจุดที่คาดไว้ บริเวณที่กลุ่มหญ้าอันกำลังออกดอกสีเหลืองนี้ถูกทับแบนลงราวกับมีใครบางคนเคยกระโดดลงมาตรงนี้

แปลกตรงที่จุดนี้อยู่ชิดกับกำแพงของตำหนัก เป็นจุดที่ไม่ควรมีใครเดินเข้าไปโดยปรกติ เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นคนที่แอบลอบเข้าตำหนักรับรองแห่งนี้!

ซือหนิงให้ความสนใจกับดอกหญ้าสีเหลืองนี้เป็นเพราะนางพบมันอยู่ข้างเตียงของตนในวันที่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้หลังร่างเดิมตายไป ดอกหญ้านี้มิใช่ดอกไม้ที่นำมาใช้ประดับตกแต่งห้องโดยทั่วไป ทุกเช้าหลังเจ้าของห้องตื่นนอน นางกำนัลทำความสะอาดจะรีบมาเก็บกวาดห้องบรรทมนี้ทุกวันในช่วงที่นางล้างตัวหรือออกไปกินอาหาร

นั่นหมายความว่าดอกหญ้าสีเหลืองพวกนี้อาจติดมากับใครบางคนในคืนก่อนหน้านั้น!

เมื่อนำสิ่งที่รวบรวมได้มาปะติดปะต่อกัน ซือหนิงก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าการตายของเจ้าของร่างเดิมอาจมิใช่การฆ่าตัวตายอย่างที่นางเข้าใจ แม้จะพบจดหมายที่องค์หญิงเจ้าของร่างเขียนตัดพ้อต่อชีวิตไว้ก่อนตายก็ตาม

บนร่างขององค์หญิงนั้นมีรอยช้ำจางๆ ที่ต้นคอด้านหลังด้วย ซึ่งอาจเกิดจากการถูกใครเอาอะไรฟาด และหากพิจารณาถึงดอกไม้ที่พบ นั่นหมายความว่าคืนที่องค์หญิงซือหนิงตาย ต้องมีใครบางคนแอบเข้ามาในตำหนักนี้แน่!

นางกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด

มีความเป็นไปได้สูงว่าร่างเดิมอาจมิได้เลือกจบชีวิตด้วยตนเอง หรือไม่ก็อาจมีผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังการปลิดชีพตนเอง แต่ความเป็นไปได้ที่จะถูกคนวางยาพิษขณะนอนหลับมีมากกว่าเสียแล้ว...

หากนางอยากมีชีวิตต่อจำเป็นต้องรีบสืบหาตัวคนร้ายที่วางยาตนเอง มิเช่นนั้นแล้วนางอาจได้ตายอีกรอบก็เป็นได้!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel