บทที่ 1 แน่ใจ! ว่าข้าคือองค์หญิง
ช่วงสายวันหนึ่ง ณ ห้องบรรทมในตำหนักรับรองของวังหลวงแคว้นฉี
บนเตียงหรูหราประดับม่านบางสีอ่อน ร่างขององค์หญิงสามจากแคว้นเย่ เย่ซือหนิงนอนแน่นิ่งอยู่ ใบหน้าซีดเซียวราวไร้ชีวิต ทว่าเพียงครู่หนึ่ง เปลือกตานางค่อยๆ ขยับ ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความงุนงง
‘นี่มันที่ไหน?’
ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบๆ พบว่าตนเองอยู่ในห้องกว้างขวางประดับอย่างหรูหราแต่ออกจะดูโบราณไปนิด
และไม่ทันได้คิดมากไปกว่านั้น คลื่นความทรงจำปะทะเข้ามาในหัวอย่างรุนแรง ทำให้ต้องขมวดคิ้วมุ่น ร่างกายนี้ไม่ใช่ของตน
ก่อนหน้านี้ นางยังคงเป็นสายลับขององค์กรลับแห่งหนึ่งในศตวรรษที่ 20 กำลังปฏิบัติภารกิจสุดท้าย ก่อนถูกศัตรูจับได้และจบชีวิตลง… ทว่าบัดนี้เมื่อลืมตาอีกครั้ง นางกลับมาอยู่ในร่างของหญิงสาวในยุคโบราณ!
ที่สำคัญหญิงสาวนางนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นองค์หญิงลำดับที่สาม จากแคว้นเย่ เย่ซือหนิง ที่เดินทางมาพักอยู่ที่แคว้นฉีเพื่อรอกำหนดการอภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทแคว้นฉีในตำแหน่งชายา
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวคิดพิจารณาความทรงจำอันแสนน้อยนิดที่ติดมาตอนนี้ เสียงจากนอกห้องข้างหน้าก็ดังขึ้น
“สายมากแล้ว องค์หญิงซือหนิงยังไม่ตื่นจากบรรทมอีกหรือ?”
เสียงของนางกำนัลผู้หนึ่งดังขึ้นด้านหน้าประตู
“องค์หญิงคงบรรทมดึกวันนี้จึงตื่นบรรทมสายไปบ้าง เดี๋ยวข้าไปปลุกพระองค์เอง” อีกเสียงหนึ่งกล่าวอย่างสุภาพ แต่ฟังดูทรงอำนาจกว่า
...ซูกูกู
คลื่นความทรงจำที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวอีกรอบ ทำให้นางเข้าใจได้ในเสี้ยวเวลา ซูกูกูคือข้าหลวงที่ติดตามนางมาจากแคว้นเย่ เป็นหญิงวัยยี่สิบต้น ๆ ที่มีอำนาจมากผู้หนึ่งในตำหนักแห่งนี้ แต่นิสัยและความสัมพันธ์ระหว่างซูกูกูและองค์หญิงซือหนิงเป็นอย่างไรนั้นไม่มีในความทรงจำเลยแม้แต่นิดเดียว
เสียงสนทนานอกประตูเงียบลง
ไม่นานนักประตูห้องบรรทมถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างมีสัดส่วนเว้าโค้งของซูกูกูที่ก้าวเข้ามาอย่างถือดี สายตาคมกริบของนางกวาดมองเย่ซือหนิงอย่างพิจารณา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความยำเกรง
“ก็ตื่นบรรทมแล้วนี่ เหตุใดไม่ลุกจากเตียงเสียทีเพคะ”
“...” ซือหนิงมองผู้มาใหม่อย่างสับสน เหตุใดนางกำนัลผู้หนึ่งถึงได้ปฏิบัติตัวกับเจ้านายด้วยกิริยาเช่นนี้กัน
“เลิกสำออยได้แล้วเพคะ เอ๊ะ นั่น เหตุใดข้างพระโอษฐ์ของพระองค์มีรอยสีดำตุ่นแดง?”
เย่ซือหนิงยกนิ้วแตะที่ริมฝีปากทันที พบว่ามันเปื้อนคราบบางอย่าง เมื่อป้ายมาดูก็รู้ได้เลยว่าเป็นคราบเลือดสีเข้มจางๆ อีกทั้งนางก็รับรู้ถึงรสขมฝาดในปากได้ตั้งแต่ตื่นแล้วเช่นนั้น คาดว่าคงเป็นเพราะร่างเดิมได้รับยาพิษจึงสิ้นใจตาย...
ทว่าเพียงเสี้ยวอึดใจเดียว ซือหนิงที่ตอนนี้มีวิญญาณสายลับสวมร่างอยู่ก็รีบระงับสีหน้าของตนอย่างแนบเนียน
“อาจเป็นเพราะเมื่อคืนข้าลืมเช็ดปากหลังกินของหวานนั่นแหละ” นางกล่าวเรียบ ๆ อย่างไม่หยี่หระ ก่อนจะขยับตัวขึ้นเล็กน้อย พลางกล่าวเสียงนิ่ง “ซูกูกู รินน้ำชาให้ข้าหน่อย”
สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่ความนอบน้อมและรีบทำตามคำสั่งแต่อย่างใด หากแต่เป็นสีหน้าประหลาดใจของซูกูกู นางยืนกอดอกนิ่ง ดวงตาฉายแววเย้ยหยันราวกับได้ยินเรื่องตลก
“องค์หญิงไม่มีมือรินชาเองหรือเพคะ?”
เย่ซือหนิงเลิกคิ้วสมใจ คำพูดของซูกูกูทำให้นางเข้าใจบางอย่างชัดเจนขึ้นจากที่เพิ่งลองทดสอบไป
...นางได้มาเกิดใหม่ทั้งที นึกว่าจะได้สุขสบายในร่างองค์หญิงสูงศักดิ์ แต่กลายเป็นว่าฐานะองค์หญิงนี้ต่ำต้อยจนแม้บ่าวยังกล้าสั่งได้
หรือนี่อาจเป็นเหตุผลให้องค์หญิงซือหนิงผู้นี้ดื่มยาพิษปลิดชีพตนเอง?
ทว่าตอนนี้นางก็ยังไม่อาจยืนยันได้หรอกว่าเจ้าของร่างนี้ปลิดชีีพตนเองหรือใครวางยา ...สถานการณ์ที่รู้ยังน้อยเกินกว่าจะตัดสินใดใด
นางสูดลมหายใจเข้าอย่างตัดสินใจ ก่อนอื่นเลยในเมื่อจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในร่างองค์หญิงผู้น่าเวทนาผู้นี้ แต่กลับไร้ความทรงจำที่มีประโยชน์ เช่นนั้นแล้วนางจำเป็นต้องรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับองค์หญิงเย่ซือหนิงผู้นี้เสียก่อน แผนในอนาคตจะทำอันใดต่อค่อยว่าหลังจากนั้น
“ข้าตื่นแล้ว อยากล้างตัวหน่อยเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“เหอะ พระองค์คิดว่าทำผิดแล้วหม่อมฉันจะให้อภัยง่าย ๆ หรือเพคะ”
คำพูดแฝงความนัยทำให้ซือหนิงมองสบตาเจ้าของคำพูดอย่างฉงนกับความคาดไม่ถึงที่ได้เจอนี้อย่างไม่รู้จบ นางก็อยากรู้เหมือนกันว่าองค์หญิงผู้นี้วัน ๆ ต้องเจออันใดบ้าง
“หม่อมฉันเคยบอกแล้วมิใช่หรือว่าให้พระองค์รักษาหุ่น องค์หญิงแอบเสวยเช่นนี้ ต้องได้รับการลงโทษ มิเช่นนั้นแล้วหากฮองเฮารู้เข้าอาจจะไม่พอพระทัยและลงโทษหม่อมฉันที่ดูแลพระองค์ไม่ดีได้”
ซูกูกูปรายตามองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบแต่แฝงความเฉียบคม “เพื่อให้องค์หญิงรักษารูปโฉม ร่างกายต้องไม่อ้วนเผละ เช่นนั้นแล้วพระองค์จะต้องงดอาหารนับจากนี้ไปสามวัน เสวยได้เพียงน้ำเท่านั้น”
สิ้นคำซูกูกูสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่ใยดี ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้องค์หญิงเย่ซือหนิงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง พลางกระพริบตาปริบ ๆ อย่างเหลือเชื่อกับสิ่งที่พบเจอ
นี่ร่างนี้เป็นองค์หญิงหรือเป็นเชลยกันแน่เนี่ย?!
