บทที่ 15 ทำสัญญาเลือด (1)
ภายใต้ท้องฟ้ายามรัตติกาล ซือหนิงตามด้วยองครักษ์ส่วนตัวหลี่เจ๋อหาน เดินฝ่าความเงียบงันออกจากตำหนักรับรองที่บัดนี้ไร้ทหารเฝ้ายามแข็งขันกว่าเมื่อช่วงกลางวันแล้ว ที่มีของหลี่เจ๋อหานมีตะเกียงไฟอันหนึ่งส่องสว่างพอให้มองเห็นเส้นทางที่ทั้งสองกำลังมุ่งไป
เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานบนลานหินเย็น พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยัง เรือนคุมขัง ที่ซึ่งข้าราชบริพารของแคว้นเย่ถูกคุมตัวไว้ก่อนจะถูกส่งกลับไปยังแคว้นเย่กับคณะทูตในวันรุ่งขึ้น
เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าประตูเรือนคุมขัง ทหารเฝ้ายามเพียงเหลือบมองพวกเขาเล็กน้อยอย่างสงสัย ทว่าเมื่อเห็นป้ายผ่านที่มีตราประทับฮ่องเต้ฉีจิ่นหลงพวกเขาก็หลีกทางให้โดยไม่ซักถามใดใด
"เชิญ..."
เสียงลูกกรงเหล็กเสียดสีดังลั่นขณะถูกเลื่อนเปิดออก
บรรยากาศภายในมืดสลัว มีกลิ่นอับจากควันไฟจางๆ และเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าผู้ถูกจองจำที่แอบสังเกตการณ์จากเงามืดราววิญญาณร้าย
ซือหนิงเดินตรงไปยังห้องขังที่ดูสะอาดตาที่สุด ภายในมีกลุ่มคนที่คุ้นหน้ารวมตัวอยู่ หนึ่งในนั้นมีสตรีนางหนึ่งที่นางต้องการพบ ซูกูกู อดีตข้ารับใช้ของนางและคนที่น่าจะเป็นสายลับผู้รู้เรื่องแผนฆ่าองค์หญิงในครานี้
หญิงวัยสาวในชุดนางกำนัลเงยหน้าขึ้น พอนางมองเห็นซือหนิงก็ราวกับสบตากับปีศาจ
"องค์หญิง..." น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความอ่อนแรง
ซือหนิงไม่พูดพร่ำทำเพลง เพราะซือหนิงมาในครั้งนี้เพื่อส่งคำพูดไปถึงเหล่าผู้คนในอดีตขององค์หญิงซือหนิงร่างเดิมในตอนที่อาศัยอยู่ที่แคว้นเย่
ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังซูกูกูที่ยืนขึ้นและเดินเข้ามาหานางอย่างไม่รีรอ
"เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านหญิงซือหนิงแห่งแคว้นฉี เพราะนับแต่นี้ข้าไม่ใช่คนแคว้นเย่อีกต่อไปแล้ว"
ซูกูกูไล่สายตาสำรวจสตรีตรงหน้าที่นางรู้สึกไม่คุ้นเคยอีกต่อไปก่อนแค่นหัวเราะเสียงแหบแห้ง "ท่านเหมือนไม่ใช่องค์หญิงซือหนิงที่หม่อมฉันรู้จักเลย..."
"องค์หญิงคนเดิมตายไปตั้งแต่พวกเจ้าจงใจใช้แผนการนั้นแล้ว ที่ข้ามาพบเจ้าในวันนี้ก็เพื่อฝากเจ้าไปแจ้งเจ้านายของเจ้าให้รู้ไว้ นับแต่นี้ให้แยกจากกันไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก
...องค์หญิงแห่งแคว้นเย่ผู้นั้นได้ตายไปแล้ว บัดนี้เหลือแต่ท่านหญิงซือหนิง ทูตสองแคว้นเท่านั้น"
เสียงของซือหนิงเย็นชาเด็ดขาด เมื่อพูดสิ่งที่ต้องการจบนางก็หันหลังเดินออกจากเรือนคุมขังทันที ข้าราชบริพารเหล่านี้เป็นเพียงเบี้ยที่ต้องทำตามคำสั่งเจ้านาย เช่นนั้นแล้วก็ให้พวกเขากลับไปรับผลของการทำภารกิจไม่สำเร็จยังแคว้นเย่ก็แล้วกัน
ยามออกมาจากเรือนคุมขังอันแสนอบอ้าวแล้วความรู้สึกหนักอึ้งก็ผ่อนคลายลง อากาศยามค่ำคืนในวันนี้นางรับรู้ได้ว่ามันเบาบางกว่าคืนไหน ๆ ซือหนิงยืนนิ่งอยู่ใต้แสงจันทร์ เงยหน้าขึ้นทอดสายตามองท้องฟ้ากว้าง โดยที่ข้างกายของนางมีหลี่เจ๋อหาน คนแคว้นเย่หนึ่งเดียวที่ยืนเคียงข้าง
นับตั้งแต่นางทะลุมายุคโบราณและหายใจภายใต้ร่างองค์หญิงซือหนิง ก็มีเขาที่เคียงข้างอย่างไม่มีข้อแม้ นี่นับเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นางไม่รู้สึกว่าตนยืนอยู่แผ่นดินอันแสนกว้างใหญ่นี้คนเดียวกระมัง...
"เจ้าจะไม่กลับแคว้นเย่จริงๆ หรือ?"
นางเอ่ยถามเสียงเรียบและคำตอบก็เป็นเช่นเดิม หลี่เจ๋อหานพยักหน้าแทบจะทันที
"กระหม่อมตัดสินใจแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่คะนึงหาครอบครัวของเจ้าหรือ?"
ในความทรงจำอันแสนน้อยนิดนี้นางจำได้ว่าเขาคือบุตรชายในครอบครัวขุนนางหนึ่งในแคว้นเย่
"กระหม่อมไม่มีครอบครัวนานแล้ว..."
ซือหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ได้แสดงความเห็นใจอย่างทำราวเขาคือคนอ่อนแอ แต่นางมองเขาด้วยสายตาที่สงสัยในความหมายนั้นแทน
"พวกเขาตัดขาดกับกระหม่อมตั้งแต่วันที่กระหม่อมขอเดินทางมาพร้อมองค์หญิงแล้ว" หลี่เจ๋อหานกล่าวเสียงเรียบ "บิดาของกระหม่อมมิได้เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนั้น"
ซือหนิงนิ่งเงียบ นางไม่เอ่ยถามถึงเหตุผลที่เขาเลือกตัดสินใจเช่นนั้น เพราะแต่ละคนล้วนมีเหตุผลของตนเอง หากเขาพร้อมจะบอกเมื่อไรนางก็คงจะได้รู้เอง
"เช่นนั้นแล้ว...เอาอย่างนี้หรือไม่ ในเมื่อข้าก็ไม่มีครอบครัว เจ้าก็ไม่มีครอบครัว เช่นนั้นแล้วเราก็มาเป็นครอบครัวซึ่งกันและกัน"
หลี่เจ๋อหานมองลึกเข้ามาในดวงตาของซือหนิงอย่างตระหนกทันใด
"ข้าคือท่านหญิงซือหนิงมิใช่องค์หญิงแคว้นไหนอีกต่อไปแล้ว และข้ากับเจ้าก็คือพี่น้องร่วมสาบาน พี่หานท่านยินยอมเป็นครอบครัวเดียวกันกับข้าหรือไม่!?"
ซือหนิงเงียบไปครู่หนึ่งปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาตัดสินใจเมื่อได้รับการตอบรับจากเจ๋อหาน นางก็ยกมือตัวเองขึ้น หยิบปิ่นปักผมบนตัวแล้วใช้มันกรีดปลายนิ้วตนเองจนเลือดซึมออกมา
"เรามาทำสัญญาเลือดต่อหน้าดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้กัน" นางกล่าวช้าๆ ดวงตาฉายประกายแน่วแน่ขณะมองเจ๋อหาน
หลี่เจ๋อหานเบิกตากว้างเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง แต่ไม่นานนักเขาก็ยื่นมือออกมากรีดปลายนิ้วของตนเองเช่นกัน
"บัดนี้..." ซือหนิงกล่าวขึ้น "ท่านคือพี่ชายร่วมสาบานคนสำคัญของข้า"
"ท่านคือน้องสาวร่วมสาบานคนสำคัญของข้าเช่นกัน"
เจ๋อหานเอ่ยเสียงชัดเจนพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่มักเต็มไปด้วยความเศร้าหมองของเขา
ซือหนิงยื่นมือไปข้างหน้ายังตำแหน่งที่มองเห็นดวงจันทร์ที่วันนี้เต็มดวงพอดี
"ข้ารุ่งโรจน์ ท่านก็รุ่งโรจน์ ข้าตกต่ำท่านก็จะอยู่ข้างข้าใช่หรือไม่"
"แน่นอน!"
หลี่เจ๋อหานไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเอื้อมจับมือของซือหนิงไว้แน่น เลือดจากปลายนิ้วที่กรีดไว้ผสมผสานเป็นสัญลักษณ์ของพันธสัญญาอันแน่วแน่
เจ๋อหานหันกลับมามองสบสายตามุ่งมั่นของนางก่อนเอ่ยตอบ "ข้าสาบาน"
สัญญาเลือดนี้แม้ไม่ต่างจากสัญญาปากเปล่า ทว่าคำเอ่ยในวันนี้ของทั้งสองก็ได้สลักอยู่ในใจของพวกเขาภายใต้แสงจันทร์แล้ว
ผัวะ!
เสียงฝีเท้าการเดินที่พุ่งเข้ามากะทันหัน และมือของบุคคลที่สามแทรกกลางระหว่างมือทั้งสอง การกระทำนี้ผลักพวกเขาให้แยกจากกันทันใด
หลี่เจ๋อหานขยับตัวอย่างระมัดระวัง ดวงตาแข็งกร้าวจับจ้องไปยังผู้บุกรุกพร้อมตั้งท่าเตรียมตัวหากไม่ได้ซือหนิงห้ามไว้ก่อน นางตั้งสติได้ก็มองหน้าผู้ทำการอุกอาจได้ทัน
ซือหนิงเลิกคิ้วขึ้นสงสัย ไม่ต่างกับองครักษ์นามอาฉีที่ติดตามมาด้วยเลย เขาติดตามเจ้านายเช่นฉีหนานหวังมานานไม่เคยเห็นเจ้านายกระทำการใดที่ไร้ที่มาเช่นนี้
ฉีหนานหวังก้าวเข้ามายืนแทรกกลางด้วยสีหน้านิ่งเฉย ราวกับไม่ได้ตระหนักถึงความอุกอาจของตนเอง ท่าทางของเขาเยือกเย็นและดูคล้ายไม่ได้ตั้งใจ แต่มันมิใช่เรื่องที่ใครจะหลงเชื่อได้ง่าย
“ขออภัย” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย แต่ฟังดูคล้ายไม่ได้สำนึกผิดนัก “ข้าไม่เห็นว่ามีใครจับมือกันอยู่ในกลางดึกเช่นนี้”
คำกล่าวนั้นยิ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ทุกคนมากขึ้นไปอีก
ซือหนิงรู้ว่าไม่อาจถือเป็นความผิดของเขาได้ ด้วยยศศักดิ์ที่ต่ำกว่า นางที่บัดนี้เป็นเพียงท่านหญิงมีเพียงบรรดาศักดิ์แต่ไร้อำนาจจึงทำได้เพียงคารวะเคารพและจำต้องปล่อยผ่านไป...
หลี่เจ๋อหานก็เช่นกัน แม้เขาจะไม่พอใจแต่ก็เลือกที่จะสงบนิ่งอย่างที่องครักษ์เช่นเขาทำเป็นประจำ
"ข้ามีเรื่องต้องการจะคุยกับท่านหญิงซือหนิงเพียงลำพัง..."