บทนำ
คืนดึกสงัด แสงจันทร์ถูกกลืนหายไปในเมฆดำ ความเงียบปกคลุมทั่วตำหนักแห่งนี้ ตำหนักงดงามโอ่อ่ากลับดูมืดมนราวกับตำหนักร้างเมื่อเข้าสู่ยามกลางคืน
ภายในห้องบรรทม องค์หญิงสามแห่งแคว้นเย่นั่งอยู่เพียงลำพัง ร่างบางใต้ชุดสีขาวบริสุทธิ์นั่งนิ่งอยู่บนตั่งไม้ รอบกายมีเพียงเงามืดเป็นสหายรัก ใบหน้างดงามราวหยกบัดนี้ไร้สีเลือด ดวงตาคู่งามจับจ้องความว่างเปล่าราวกับจิตวิญญาณถูกดูดกลืนไปแล้ว
ความเงียบรอบข้างสะท้อนความทุกข์ในใจของนางอย่างเด่นชัด
เพียงคิดถึงความจริงที่เพิ่งล่วงรู้ หัวใจที่เคยอ่อนโยนก็ถูกบีบคั้นจนเจ็บราวกับมีมือเย็นเยียบกำเอาไว้
องค์หญิงจากแคว้นเย่ของตน มาเพื่ออภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับแคว้นฉี ความจริงที่ตนถูกใช้เป็นเครื่องมือช่วยเมืองของตนนี้ยังไม่เจ็บปวดเท่าความจริงที่เพิ่งล่วงรู้เลย...
ท่ามกลางความมืดมิดนี้ ร่างบางปลิวลมค่อยๆ ลุกขึ้นจากตั่งด้วยท่าทีเชื่องช้าไม่ต่างจากคนไร้วิญญาณ ไม่มีแววลังเลในดวงตา แม้กายจะอ่อนล้าแต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความตั้งมั่น วันนี้นางมีสิ่งที่ต้องทำ
เวลาล่วงเลยสู่ยามโฉ่ว (01.00 – 02.59 น.) องค์หญิงสามเย่ย่องออกจากห้องบรรทมของตำหนักรับรองในแคว้นฉี
...ไร้ซึ่งนางกำนัลเฝ้าเช่นเคย นางเดินเลียบกำแพงมืด หลบสายตาองครักษ์ที่เฝ้าด้านหน้าตำหนัก ก่อนจะลอบเร้นไปยังจุดนัดหมาย
ใต้ร่มเงาต้นเหมยเก่าแก่ ขันทีสองคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว นางก้าวเข้าไปใกล้ น้ำเสียงเย็นเยียบเมื่อเอ่ยถามอย่างไม่รีรอ
“ได้เรื่องหรือไม่?”
“เรียบร้อยพะยะค่ะ”
ขันทีคนหนึ่งก้มหน้ารายงาน นางมิได้พูดอะไรอีก เพียงพยักหน้าแล้วหมุนตัวจากไปเงียบๆ
จุดหมายของนางคือโรงเก็บฟืน ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงครัวเล็กของวังหลวง เมื่อมาถึง นางเปิดประตูไม้เก่าเอี๊ยดอ๊าดเข้าไป ภายในนั้นมีเพียงตะเกียงหนึ่งดวงให้แสงสลัว และร่างของบุรุษผู้หนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เขาหายใจหนักหน่วง ใบหน้าขาวซีดจากพิษยากำหนัดที่สองขันทีบังคับให้กิน
เงาตะคุ่มของร่างบุรุษดูไร้เรี่ยวแรง ร่างกายกำยำที่ดูสง่างามแม้ท่ามกลางความมืดนี้ทำให้องค์หญิงสามมองเขาค้างไปชั่วขณะ ก่อนดวงตาไร้ซึ่งความรู้สึกของนางนั้นกลับมาฉายวาบอีกครั้ง
...นางมิสนใจว่าเขาเป็นใคร มิสนใจว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร สิ่งเดียวที่นางต้องการคือทำตามแผนให้สำเร็จ นางคุกเข่าลง ปลดชุดสีดำของบุรุษผู้นี้โดยไร้ซึ่งความลังเล
ท่ามกลางความมืดนี้
เสียงลมหายใจแผ่วเบา...
เสียงลมกระทบกระเบื้องหลังคา...
และเสียงผ้าที่ถูกถอดออกทีละชิ้นดังแผ่วเบา
...ล้วนบ่งบอกถึงเรื่องที่กำลังเกิดที่มิอาจหวนคืน
ไม่มีเสียงครวญคราง ไม่มีความเร่าร้อนของรสสวาทที่สุขสม มีเพียงความเย็นชาของหญิงหนึ่งและร่างอันอ่อนแรงของบุรุษผู้หนึ่งที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว
เมื่อทุกอย่างจบลงตามแผน นางลุกขึ้น สวมชุดคืนสู่ร่างอย่างสงบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของแผนการ
ก่อนเดินจากไปนั้น องค์หญิงสามเย่ที่บรรลุเป้าหมายก็ไม่คิดใช้คนโดยไม่ตอบแทน นางหยิบห่อยาล้ำค่าของตนขึ้นมาพร้อมกรอกผงเหล่านั้นใส่ปากของบุรุษที่มีชะตากรรมน่าเวทนาอย่างไม่นึกเสียดาย
ผงยาสารพัดประโยชน์นี้สามารถแก้พิษทุกชนิดได้ หากเป็นพิษร้ายแรงก็จะบรรเทาลงอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งนี้มีเพียงเชื้อพระวงศ์ของแคว้นเย่เท่านั้นจะมีในครอบครอง และมีเพียงหนึ่งห่อด้วย!
นางไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้ใช้แล้ว หากมอบให้ผู้อื่นก็คงมีประโยชน์มากกว่า...
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงอาบแก้มขณะลุกและเดินออกมาจากโรงเก็บฟืน ดวงตาขององค์หญิงผู้เดียวดายยังคงแน่วแน่ นางมิได้สะอื้น ไม่ได้หันกลับไปมองร่างที่นอนแน่นิ่งนั้นแม้แต่น้อย
ในห้องอับแสง บุรุษที่นอนนิ่งบนพื้นขยับเปลือกตาเล็กน้อย ความมึนงงผสมกับโทสะเดือดดาล ดวงตาคมเปิดปรือขึ้นทีละน้อย แม้ร่างกายยังไร้เรี่ยวแรง แต่ริมฝีปากกลับพยายามขยับเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
“บังอาจนัก…!”
