สามีที่หล่อเหลา 1.2
หลินซินเยว่นึกถึงอาหารที่เธออยากกินในตอนนี้ ในที่สุด
ก็คิดถึงอาหารจำพวกปลาขึ้นมา นั่นเพราะหนึ่งเลยหาง่าย
สองมีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงตอบสามีไปอย่างสดใส
พอได้ยินว่าภรรยาต้องการกินปลา ชายหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าให้อย่างรับรู้ทันที และตั้งใจว่าเมื่อกลับไปถึงหมู่บ้านแล้ว เขาจะต้องไปที่ลำธารสักหน่อยเพื่อไปหาปลามาให้เธอ
“ได้สิ เดี๋ยวกลับไปถึงบ้านแล้วผมจะไปหาปลามาให้นะ”
แม้จะแปลกใจแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก เขาคิดเพียงว่าภรรยาคงอยากกินจริง ๆ จึงบอกความตั้งใจของตนเองให้เธอรับรู้
ส่วนจางฮุ่ยอีชำเลืองมองลูกสาวด้วยความแปลกใจเหมือนกัน เธอนั้นเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำไมจะไม่รู้ว่าหลินซินเยว่นั้นไม่ชอบกินปลาเลยสักนิด แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร นั่นเพราะว่าเธอได้ยินมาเหมือนกันว่า คนที่ผ่านความตายมาแล้วมักจะมีท่าทีเปลี่ยนไป และไม่ค่อยเหมือนคนเดิมสักเท่าไหร่
นางเลยคิดว่าลูกตัวเองก็คงจะเป็นแบบนั้น
“เอาล่ะ แยกกันตรงนี้นะ เดี๋ยวแม่จะกลับไปที่บ้านเพื่อบอกพ่อและพี่ใหญ่ของลูกว่าลูกปลอดภัยดีและกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว ทั้งสองคนจะได้สบายใจ แล้วค่ำ ๆ แม่จะไปหา กวนหยาง
แม่ฝากซินเยว่ด้วยนะ”
เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้าน จางฮุ่ยอีเห็นว่ามีลูกเขยอยู่กับลูกสาวแล้ว นางเลยเอ่ยปากขอตัวกลับบ้านหลิน เพื่อไปบอกข่าวกับสามีและลูกชายให้รู้ว่าหลินซินเยว่นั้นปลอดภัยดีและกลับมา
บ้านแล้ว
“ครับ” โม่กวนหยางตอบรับคำฝากฝังของแม่ยายเพียงสั้น ๆ แต่ก็คอยประคองภรรยาอย่างห่วงใย
ส่วนทางด้านโม่กวนหยาง พอมาถึงบ้านของตนเอง
ชายหนุ่มก็พาภรรยาเข้าไปนั่งพักผ่อนในบ้าน แล้วรีบเอาอุปกรณ์มาทำความสะอาดออกมาและกำลังจะลงมือทำความสะอาดบ้าน แต่กลับถูกผู้เป็นภรรยาเอ่ยห้ามไว้เสียก่อน
“งานบ้านมันไม่ใช่หน้าที่ของพี่ เดี๋ยวฉันจัดการเอง พี่จะเข้าป่าหรือไปจับปลาก็ไปเถอะ” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและลุกมาเพื่อจะทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเอง
“เอ่อ…” ชายหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้งไป เขาคิดว่าตนเองกำลัง
หูฝาดที่ได้ยินแบบนี้ เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา หน้าที่ทำงานบ้านเป็นของเขามาเสมอ แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมภรรยาถึงได้อยากทำแบบนี้ขึ้นมา
หลินซินเยว่เหมือนจะรู้ความคิดของสามี เลยรีบพูดขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทีจริงจังว่า
“พี่ไม่ต้องแปลกใจอะไรหรอก ไม่ใช่ว่าฉันทำงานบ้านไม่เป็น แต่ก่อนหน้านี้ฉันแค่ไม่อยากทำเท่านั้น ฉันรู้ตัวเองดี
ว่าเมื่อก่อนฉันนั้นทั้งร้ายกาจและขี้เกียจแค่ไหน แต่การที่ฉันผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ทำให้ฉันคิดอะไรได้มากมายเลยล่ะ
ฉันจึงอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น หรือพี่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดี ถ้าฉันจะเปลี่ยนตัวเอง”
“ดีครับ”
นี่คือคำตอบเดียวที่ออกมาจากปากชายหนุ่ม ก่อนที่เขา
จะไปหยิบอุปกรณ์จับปลามา แล้วเดินออกจากบ้านไปด้วยความงุนงง
พอเห็นว่าสามีออกจากบ้านไปแล้ว หลินซินเยว่ก็ไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดมาทำความสะอาดบ้านทันที เธอไม่ได้รู้สึกเลยว่าการทำงานบ้านจะเป็นเรื่องที่หนักหนาอะไร ในชีวิตที่แล้วก่อนที่จะมาเป็นนักธุรกิจชื่อดัง บ้านเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร
งานบ้านทุกอย่างเธอก็ทำเองทั้งหมด เรื่องแค่นี้จึงสบายมาก
หลังจากทำอะไรทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็นั่งนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
‘แม้ว่าตอนนี้ฉันจะมาอยู่ในยุค 80 และยังเป็นช่วงต้นปี ความยากลำบากก็ยังคงมี ต่อให้การค้าจะมีการเปิดเสรีแล้วก็ตาม แต่สินค้าหลายอย่างก็ยังไม่สามารถซื้อขายได้ตามใจชอบ เนื่องจากยังเป็นสินค้าจำกัดของรัฐ ร้านค้าใหญ่ ๆ ทั่วไปก็คงจะเป็นสหกรณ์ของรัฐ หรือไม่ก็ห้างสรรพสินค้าที่นายทุนได้สร้างร่วมกับรัฐเหมือนกัน ส่วนร้านของชำของชาวบ้านก็คงจะมีประปราย’
“แล้วในหมู่บ้านของแห่งนี้ มีสหกรณ์หรือร้านค้าหรือเปล่านะ ลองออกไปดูว่ามีอะไรให้ซื้อดีไหมนะ”
หญิงสาวพึมพำออกมาเพียงลำพัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วคิดว่า
‘ก่อนที่จะคิดว่าไปซื้ออะไร ก็คงจะต้องคิดก่อนว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ ตอนนี้ไปดูในครัวก่อนดีกว่าว่ามีอะไรให้ทำกินได้บ้าง หิวแล้วเหมือนกัน’
คิดได้อย่างนั้นก็รีบเดินเข้าครัวไปทันที
“จะว่าไป บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้ย่ำแย่จนเกินไป ข้าวสารและของแห้งก็ยังคงมีไม่ขาด จะว่าไปบ้านโม่เองก็คงจะไม่ได้ยากจนเหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว คงไม่ให้เงินลูกชายมาสร้างบ้านในราคาหลายร้อยหยวนแบบนี้หรอก เป็นบุญเธอแท้ ๆ
หลินซินเยว่ ที่ทำตัวร้ายกาจและขี้เกียจขนาดนั้นสุขสบาย แถมสามียังคงดูแลและใส่ใจอย่างดีแบบนี้”
ขณะที่หญิงสาวเดินสำรวจในครัวและภายในบ้านแล้ว
ก็ได้แต่บ่นร่างเดิมออกมาอย่างหัวเสีย เพราะหากทำตัวดีกว่านี้
ก็คงไม่เกิดเรื่องแย่ ๆ กับเธอหรอกนะ
แม้จะทำใจไว้แล้วว่าเธอจะต้องอยู่ในร่างของหญิงสาวร้ายกาจประจำหมู่บ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าร่างเดิมจะร้ายกับครอบครัวตัวเองแบบนี้ด้วยเหมือนกัน
