ทะลุมิติมาเป็นสตรีร้ายกาจ 80s

158.0K · จบแล้ว
sanvittayam
78
บท
12.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ตายแล้วแทนที่จะได้เกิดใหม่ กลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีร้ายกาจที่ใครต่างก็เบือนหน้าหนี แบบนี้ขอตายอีกสักครั้งได้ไหมนะ ยังไงฉันจะเปลี่ยนแปลงต้วเองให้ดู แต่ใครร้ายมาก็ร้ายกลับไม่โกงนะคะ!! หลินซินเยว่ หญิงร้ายกาจประจำหมู่บ้าน ที่ไม่ชอบทำงาน วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวสวย ใครเห็นก็เอาแต่ส่ายหน้าและไม่คิดแต่งเธอเข้าบ้านมาให้ลำบากทั้งกายใจ ไม่ว่าเธอจะขี้เกียจและมักจะหาเรื่องคนไปทั่ว แต่ก็ยังเป็นที่รักของครอบครัว วันหนึ่งเกิดถูกใจลูกชายคนที่สามของบ้านโม่ โม่กวนหยาง จึงได้วางแผนผิดผีเพื่อให้เขาแต่งงานด้วยแล้วเธอก็ทำสำเร็จ!! แต่เพราะขี้เกียจและมักจะมีปากเสียงกับบ้านสามีอยู่แทบทุกวัน ฉีซื่อจึงให้ลูกชายแยกบ้าน โดยให้เงินจำนวนหนึ่งสร้างบ้าน เมื่อแยกบ้านมาอยู่ด้วยตัวเองทุกอย่างในบ้านจึงตกเป็นหน้าที่ของสามีอย่างโม่กวนหยาง แม้ว่าเขาจะทำงานด้วยก็ตาม แต่ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ วันหนึ่งนักธุรกิจสาวนักขวัญข้าว จะเข้ามาอยู่ในร่างนี้หลังจากตายแล้วกันล่ะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณนางเอกเก่งข้ามมิติจีนโบราณโรแมนติกนิยายย้อนยุคผู้ชายอบอุ่นคนธรรมดายุค80

ฉันย้อนมาในยุค 80 1.1

บทที่ 1

ฉันย้อนมาในยุค 80

เมืองหลิงโจว หมู่บ้านไผ่เขียว ปี 1981

“ฮือ ๆ ซินเยว่ ตื่นมาเถิดลูกแม่ อย่าทำให้แม่กลัวแบบนี้สิ รู้ไหมว่าใจแม่จะขาดแล้ว ตื่นเถอะลูก” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาพร้อมกับร้องไห้เสียใจปานใจจะขาด นางมองบุตรสาว

ที่นอนไร้สติด้วยสายตาเป็นห่วง

“สมน้ำหน้าแล้ว หาเรื่องเขาไปทั่วแบบนี้ก็สมควรแล้ว

นี่คงเป็นผลพวงจากที่ผู้คนสาปแช่งสินะ”

เสียงหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเย้ยหยัน นางไม่ชอบ

หญิงสาวที่นอนสลบอยู่เลยแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายมักจะหาเรื่องคนไปทั่ว ใครมองหน้าเข้าหน่อยก็ชี้หน้าด่าอย่างไร้เหตุผล จึงทำให้มีแต่คนสาปแช่งเธอมากมาย

“นั่นสิ หาเรื่องคนอื่นก่อนแล้วตัวเองล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติ แล้วอย่างนี้จะเอาผิดใครกันล่ะ แบบนี้ก็สมน้ำหน้าแล้ว” ชาวบ้านอีกคนที่มุงดูอยู่พูดขึ้นอย่างเหลืออด เพราะหล่อนก็ไม่ค่อยชอบหญิงสาวที่ชื่อหลินซินเยว่คนนี้สักเท่าไร เนื่องจากครั้งหนึ่ง

เคยถูกอีกฝ่ายชี้หน้าด่า โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย

“ทำไมถึงพูดกันแบบนี้ ต่อให้มีเรื่องหรือไม่ชอบใจกัน

เห็นคนล้มหัวฟาดพื้นสลบไปแบบนี้ ทำไมถึงไม่เรียกหมอหรือให้ใครมาช่วยพาเธอไปโรงพยาบาล นี่ไม่เท่ากับต้องการให้ซินเยว่ของฉันตายหรือ”

จางฮุ่ยอีที่เป็นแม่ของหลินซินเยว่ ยังคงร้องไห้ฟูมฟายพร้อมกับพูดไปด้วย ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวคนหนึ่งอย่าง

มีความหมาย

“มองอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ นังซินเยว่มัน

ลื่นล้มของมันเอง ไม่เชื่อก็ถามคนพวกนี้ดูสิ”

หญิงสาวที่มีชื่อว่าตู้หลินเซียนพยายามพูดปัดให้พ้นผิด

เธอรู้ดีว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีใครชอบหลินซินเยว่เลย และเธอ

ก็เกลียดอีกฝ่ายมากที่มาแย่งชายที่เธอชอบไป พอเจอหน้ากัน

ในวันนี้จึงมีปากเสียงกันจนลุกลามถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าหลินซินเยว่จะเหยียบไปโดนตะไคร่น้ำจนล้มหัวฟาดกับปูนแล้วสลบไปแบบนี้

พอชาวบ้านได้ยินว่าลูกสาวบ้านตู้ต้องการพยาน ทุกคน

ที่อยู่ในที่นี้ ก็พยักหน้ารับกันรัว ๆ

“มาเถอะแม่ เดี๋ยวผมพาน้องไปโรงพยาบาลเอง หัวไม่แตกแต่สลบไปแบบนี้ ผมกลัวเลือดคั่งในสมองเหลือเกิน”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกังวลใจ เขาคือหลินอี้เฉินพี่ชายของหญิงสาวที่กำลังนอนสลบไสลอยู่นั้นเอง

ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหลังจากมีคนไปแจ้งข่าวว่าน้องสาวตนเองนั้นลื่นล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติ ก่อนจะรีบอุ้มร่างของ

หลินซินเยว่ แล้วรีบพาไปที่รถสามล้อที่ได้ว่าจ้างมา เพื่อจะได้

พาน้องสาวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยมีผู้เป็นแม่ติดตามไปด้วยอย่างห่วงใย

โรงพยาบาลในเมือง

หลังจากส่งน้องสาวเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว หลินอี้เฉินและแม่

ก็นั่งรออยู่ที่หน้าห้องด้วยความร้อนใจ เนื่องจากกลัวว่าหลินซินเยว่จะเป็นอันตรายกว่าที่เห็นจากการหกล้มหัวฟาดพื้นในครั้งนี้

เวลาผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมง ร่างของหญิงสาวก็ถูกพามาไว้ที่ห้องพักของผู้ป่วย

“พยาบาล ลูกสาวของฉันเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอีกล่ะ” จางฮุ่ยอีถามพยาบาลที่มาดูแลอย่างร้อนใจ

“อย่ากังวลไปเลยค่ะ หมอบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก ให้นอนพักอีกสักหน่อยก็คงจะฟื้นแล้ว” พยาบาลสาวตอบกลับอย่างใส่ใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักคนป่วย

เมื่อได้ยินพยาบาลพูดอย่างนั้น ทั้งสองก็รู้สึกสบายใจขึ้น

มาเล็กน้อย ดังนั้นหลินอี้เฉินจึงพูดขึ้นมาว่า

“แม่ครับ เดี๋ยวผมกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อส่งข่าวให้พ่อได้รับรู้ก่อนนะครับ พ่อจะได้ไม่เป็นห่วง”

“ดี ๆ ลูกรีบไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้แม่จะอยู่เฝ้าซินเยว่เอง”คนเป็นแม่รีบตอบกลับอย่างเห็นด้วย นั่นเพราะอยากอยู่เฝ้าลูกสาวที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง

“ซินเยว่ลูกแม่ ตื่นมาเถอะนะลูกรัก แม่เป็นห่วงลูกมากเหลือเกิน อ้อ..จริงสิ เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาไว้ให้ลูกดีกว่า ตื่นมาลูกคงจะหิวน้ำ”

จางฮุ่ยอีมานั่งข้างเตียงแล้วจับมือลูกสาวไว้อย่างห่วงใยพร้อมกับพร่ำบอกให้เธอตื่นขึ้นมาเสียที ก่อนจะนึกได้ว่าลูกสาวคงจะหิวน้ำหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา จึงเดินออกไปหาน้ำมาไว้ให้เธอ

‘ใครคือซินเยว่’ คนที่หลับอยู่คิดในใจอย่างสงสัย

ความจริงเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเธอกำลังสลบอยู่นั้น กลับฟื้นคืนสติมาได้สักพักแล้ว แต่พอรู้สึกหนักศีรษะก็เลือกที่จะไม่ลืมตาขึ้นมา ในใจนึกสงสัยว่า ‘ซินเยว่คือใครกันนะ แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมมีแต่คนพูดภาษาจีนกันล่ะ แล้วทำไมฉันถึงฟังรู้เรื่องทุกคำแบบนี้ ’

หญิงสาวนอนคิดไปคิดมาอย่างไม่เข้าใจ แต่ยังไร้เรี่ยวแรง

ที่จะลืมตาขึ้นมา จึงคิดไปเรื่อย ๆ

‘เท่าที่จำได้ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ในงานรับรางวัลนักธุรกิจมือทอง ซึ่งฉันได้รับรางวัลนี้หกปีซ้อนนี่น่า แล้วเท่าที่จำได้ฉันก็กลับมาถึงที่พัก ก็รู้สึกเหนื่อยล้าและหลับไป แล้วเสียงการพูดจาของคนจีนพวกนี้เป็นใคร คนพวกนี้ไม่น่าจะมาอยู่ในห้องพักของฉันเลยนะ’

ขณะที่ความคิดของเธอกำลังตบตีกันอยู่นั้น หญิงสาว

จึงตัดสินใจที่จะลืมตาขึ้นมาเพื่อจะได้รู้ว่าใครกันที่มาอยู่

ในห้องนอนของตัวเอง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาจริง ๆ กลับพบว่าบรรยากาศโดยรอบไม่เป็นเหมือนเดิม ‘สถานที่ตรงนี้ไม่ใช่ห้องของเธอ’

หญิงสาวคิดอย่างตกใจ จากนั้นจึงได้ลุกพรวดขึ้นมานั่ง

แล้วหันมองรอบ ๆ จึงได้รู้ว่าตนเองนั้นน่าจะอยู่ที่ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลสักแห่ง แต่ที่น่าแปลกใจเพราะที่นี่ดูเก่าและโทรมมากในสายตาเธอ

“เอ๊ะ นี่มันที่ไหนกัน” เธอพูดขึ้นเสียงเบา