
บทย่อ
ตายแล้วแทนที่จะได้เกิดใหม่ กลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีร้ายกาจที่ใครต่างก็เบือนหน้าหนี แบบนี้ขอตายอีกสักครั้งได้ไหมนะ ยังไงฉันจะเปลี่ยนแปลงต้วเองให้ดู แต่ใครร้ายมาก็ร้ายกลับไม่โกงนะคะ!! หลินซินเยว่ หญิงร้ายกาจประจำหมู่บ้าน ที่ไม่ชอบทำงาน วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวสวย ใครเห็นก็เอาแต่ส่ายหน้าและไม่คิดแต่งเธอเข้าบ้านมาให้ลำบากทั้งกายใจ ไม่ว่าเธอจะขี้เกียจและมักจะหาเรื่องคนไปทั่ว แต่ก็ยังเป็นที่รักของครอบครัว วันหนึ่งเกิดถูกใจลูกชายคนที่สามของบ้านโม่ โม่กวนหยาง จึงได้วางแผนผิดผีเพื่อให้เขาแต่งงานด้วยแล้วเธอก็ทำสำเร็จ!! แต่เพราะขี้เกียจและมักจะมีปากเสียงกับบ้านสามีอยู่แทบทุกวัน ฉีซื่อจึงให้ลูกชายแยกบ้าน โดยให้เงินจำนวนหนึ่งสร้างบ้าน เมื่อแยกบ้านมาอยู่ด้วยตัวเองทุกอย่างในบ้านจึงตกเป็นหน้าที่ของสามีอย่างโม่กวนหยาง แม้ว่าเขาจะทำงานด้วยก็ตาม แต่ใครจะคิดว่าอยู่ ๆ วันหนึ่งนักธุรกิจสาวนักขวัญข้าว จะเข้ามาอยู่ในร่างนี้หลังจากตายแล้วกันล่ะ
ฉันย้อนมาในยุค 80 1.1
บทที่ 1
ฉันย้อนมาในยุค 80
เมืองหลิงโจว หมู่บ้านไผ่เขียว ปี 1981
“ฮือ ๆ ซินเยว่ ตื่นมาเถิดลูกแม่ อย่าทำให้แม่กลัวแบบนี้สิ รู้ไหมว่าใจแม่จะขาดแล้ว ตื่นเถอะลูก” เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาพร้อมกับร้องไห้เสียใจปานใจจะขาด นางมองบุตรสาว
ที่นอนไร้สติด้วยสายตาเป็นห่วง
“สมน้ำหน้าแล้ว หาเรื่องเขาไปทั่วแบบนี้ก็สมควรแล้ว
นี่คงเป็นผลพวงจากที่ผู้คนสาปแช่งสินะ”
เสียงหญิงชราคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเย้ยหยัน นางไม่ชอบ
หญิงสาวที่นอนสลบอยู่เลยแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายมักจะหาเรื่องคนไปทั่ว ใครมองหน้าเข้าหน่อยก็ชี้หน้าด่าอย่างไร้เหตุผล จึงทำให้มีแต่คนสาปแช่งเธอมากมาย
“นั่นสิ หาเรื่องคนอื่นก่อนแล้วตัวเองล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติ แล้วอย่างนี้จะเอาผิดใครกันล่ะ แบบนี้ก็สมน้ำหน้าแล้ว” ชาวบ้านอีกคนที่มุงดูอยู่พูดขึ้นอย่างเหลืออด เพราะหล่อนก็ไม่ค่อยชอบหญิงสาวที่ชื่อหลินซินเยว่คนนี้สักเท่าไร เนื่องจากครั้งหนึ่ง
เคยถูกอีกฝ่ายชี้หน้าด่า โดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย
“ทำไมถึงพูดกันแบบนี้ ต่อให้มีเรื่องหรือไม่ชอบใจกัน
เห็นคนล้มหัวฟาดพื้นสลบไปแบบนี้ ทำไมถึงไม่เรียกหมอหรือให้ใครมาช่วยพาเธอไปโรงพยาบาล นี่ไม่เท่ากับต้องการให้ซินเยว่ของฉันตายหรือ”
จางฮุ่ยอีที่เป็นแม่ของหลินซินเยว่ ยังคงร้องไห้ฟูมฟายพร้อมกับพูดไปด้วย ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวคนหนึ่งอย่าง
มีความหมาย
“มองอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยนะ นังซินเยว่มัน
ลื่นล้มของมันเอง ไม่เชื่อก็ถามคนพวกนี้ดูสิ”
หญิงสาวที่มีชื่อว่าตู้หลินเซียนพยายามพูดปัดให้พ้นผิด
เธอรู้ดีว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีใครชอบหลินซินเยว่เลย และเธอ
ก็เกลียดอีกฝ่ายมากที่มาแย่งชายที่เธอชอบไป พอเจอหน้ากัน
ในวันนี้จึงมีปากเสียงกันจนลุกลามถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าหลินซินเยว่จะเหยียบไปโดนตะไคร่น้ำจนล้มหัวฟาดกับปูนแล้วสลบไปแบบนี้
พอชาวบ้านได้ยินว่าลูกสาวบ้านตู้ต้องการพยาน ทุกคน
ที่อยู่ในที่นี้ ก็พยักหน้ารับกันรัว ๆ
“มาเถอะแม่ เดี๋ยวผมพาน้องไปโรงพยาบาลเอง หัวไม่แตกแต่สลบไปแบบนี้ ผมกลัวเลือดคั่งในสมองเหลือเกิน”
มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกังวลใจ เขาคือหลินอี้เฉินพี่ชายของหญิงสาวที่กำลังนอนสลบไสลอยู่นั้นเอง
ชายหนุ่มรีบวิ่งเข้ามาหลังจากมีคนไปแจ้งข่าวว่าน้องสาวตนเองนั้นลื่นล้มหัวฟาดพื้นจนหมดสติ ก่อนจะรีบอุ้มร่างของ
หลินซินเยว่ แล้วรีบพาไปที่รถสามล้อที่ได้ว่าจ้างมา เพื่อจะได้
พาน้องสาวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยมีผู้เป็นแม่ติดตามไปด้วยอย่างห่วงใย
โรงพยาบาลในเมือง
หลังจากส่งน้องสาวเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว หลินอี้เฉินและแม่
ก็นั่งรออยู่ที่หน้าห้องด้วยความร้อนใจ เนื่องจากกลัวว่าหลินซินเยว่จะเป็นอันตรายกว่าที่เห็นจากการหกล้มหัวฟาดพื้นในครั้งนี้
เวลาผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมง ร่างของหญิงสาวก็ถูกพามาไว้ที่ห้องพักของผู้ป่วย
“พยาบาล ลูกสาวของฉันเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมเธอยังไม่ฟื้นอีกล่ะ” จางฮุ่ยอีถามพยาบาลที่มาดูแลอย่างร้อนใจ
“อย่ากังวลไปเลยค่ะ หมอบอกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก ให้นอนพักอีกสักหน่อยก็คงจะฟื้นแล้ว” พยาบาลสาวตอบกลับอย่างใส่ใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักคนป่วย
เมื่อได้ยินพยาบาลพูดอย่างนั้น ทั้งสองก็รู้สึกสบายใจขึ้น
มาเล็กน้อย ดังนั้นหลินอี้เฉินจึงพูดขึ้นมาว่า
“แม่ครับ เดี๋ยวผมกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อส่งข่าวให้พ่อได้รับรู้ก่อนนะครับ พ่อจะได้ไม่เป็นห่วง”
“ดี ๆ ลูกรีบไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้แม่จะอยู่เฝ้าซินเยว่เอง”คนเป็นแม่รีบตอบกลับอย่างเห็นด้วย นั่นเพราะอยากอยู่เฝ้าลูกสาวที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง
“ซินเยว่ลูกแม่ ตื่นมาเถอะนะลูกรัก แม่เป็นห่วงลูกมากเหลือเกิน อ้อ..จริงสิ เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำมาไว้ให้ลูกดีกว่า ตื่นมาลูกคงจะหิวน้ำ”
จางฮุ่ยอีมานั่งข้างเตียงแล้วจับมือลูกสาวไว้อย่างห่วงใยพร้อมกับพร่ำบอกให้เธอตื่นขึ้นมาเสียที ก่อนจะนึกได้ว่าลูกสาวคงจะหิวน้ำหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา จึงเดินออกไปหาน้ำมาไว้ให้เธอ
‘ใครคือซินเยว่’ คนที่หลับอยู่คิดในใจอย่างสงสัย
ความจริงเรื่องที่คนอื่นคิดว่าเธอกำลังสลบอยู่นั้น กลับฟื้นคืนสติมาได้สักพักแล้ว แต่พอรู้สึกหนักศีรษะก็เลือกที่จะไม่ลืมตาขึ้นมา ในใจนึกสงสัยว่า ‘ซินเยว่คือใครกันนะ แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมมีแต่คนพูดภาษาจีนกันล่ะ แล้วทำไมฉันถึงฟังรู้เรื่องทุกคำแบบนี้ ’
หญิงสาวนอนคิดไปคิดมาอย่างไม่เข้าใจ แต่ยังไร้เรี่ยวแรง
ที่จะลืมตาขึ้นมา จึงคิดไปเรื่อย ๆ
‘เท่าที่จำได้ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ในงานรับรางวัลนักธุรกิจมือทอง ซึ่งฉันได้รับรางวัลนี้หกปีซ้อนนี่น่า แล้วเท่าที่จำได้ฉันก็กลับมาถึงที่พัก ก็รู้สึกเหนื่อยล้าและหลับไป แล้วเสียงการพูดจาของคนจีนพวกนี้เป็นใคร คนพวกนี้ไม่น่าจะมาอยู่ในห้องพักของฉันเลยนะ’
ขณะที่ความคิดของเธอกำลังตบตีกันอยู่นั้น หญิงสาว
จึงตัดสินใจที่จะลืมตาขึ้นมาเพื่อจะได้รู้ว่าใครกันที่มาอยู่
ในห้องนอนของตัวเอง แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาจริง ๆ กลับพบว่าบรรยากาศโดยรอบไม่เป็นเหมือนเดิม ‘สถานที่ตรงนี้ไม่ใช่ห้องของเธอ’
หญิงสาวคิดอย่างตกใจ จากนั้นจึงได้ลุกพรวดขึ้นมานั่ง
แล้วหันมองรอบ ๆ จึงได้รู้ว่าตนเองนั้นน่าจะอยู่ที่ห้องพักฟื้นของโรงพยาบาลสักแห่ง แต่ที่น่าแปลกใจเพราะที่นี่ดูเก่าและโทรมมากในสายตาเธอ
“เอ๊ะ นี่มันที่ไหนกัน” เธอพูดขึ้นเสียงเบา
