บทที่3
“ฮึก นี่..ม๊ารู้มาตลอดว่านันท์ไปเมียน้อยนอกบ้าน?”
“…”
“ฮืออ ม๊ากับนันท์ ทำแบบนี้กับนิได้ไง ทำไมถึงทำตัวเลวขนาดนี้”
“อีนิ..อั้วเป็นแม่ผัวลื้อนะ กล้าดียังไงมาลามปาม”
“ทำไมนิจะด่าไม่ได้ ทั้งอีผัวเส็งเคร็ง ทั้งแม่ผัวเฮงซวย..แม่ง เหี้ยทั้งบ้าน” นิรมนกรีดร้องแทบไม่มีสติ
“อีนิ!! ลื้อสิเหี้ย..ความผิดทุกอย่างก็มาจากลื้อทั้งนั้น ลื้อมันผู้หญิงไม่ได้เรื่อง..แต่งงานกันลูกอั้วมาสิบปี แค่ลูกคนเดียวลื้อยังมีไม่ได้ ลื้อไม่สมควรเกิดมาเป็นลูกผู้หญิง” ไม่พูดเปล่าแม่ผัวใจร้ายยังใช้นิ้วจิ้มหน้าผากมน ทั้งด่าเป็นภาษาจีนผสมอีกยาวเหยียด
“หุบปาก!!” ลูกสะใภ้ผู้ที่ยอมมาตลอดตั้งแต่แต่งงานมาวันนี้ถึงกลับเหลืออด
“อีนิ”
“ม้ามีสิทธิ์อะไรมาด่านิ ก็อีเหี้ยคนนี้ไม่ใช่เหรอ ที่คอยดูแลป๊าม้า คอยดูแลอาม่า ถ้านิเหี้ย..แล้วพวกลูกๆ ม้าเรียกว่าอะไร!!”
“อีหยำฉ่า..บ่อแป๋บ่อบ้อก้าสี่”
“บ่อแป๋บ่อบ้อก้าสี่?” หล่อนทวนคำด่าอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ ถ้อยคำขยี้ปมลูกกำพร้าแม่ผัวของหล่อนถนัดนัก
“ลื้อมันลูกไม่มีพ่อมีแม่ สันดานลื้อถึงไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่”
“ดีๆ ม้าด่าได้ดี..ถ้างั้นไอ้ลูกชายเฮงซวยของม้าที่แรดร่านไปมีเมียน้อย พ่อแม่อีไม่สั่งไม่สอนเลยเนาะ”
“อีนิ ลื้อ..กล้าด่าอั้ว!!” แม่สามีตัวร้ายเตรียมฟาดหน้าเล็กๆ นั่น ทว่าคนคนหมดใจกลับเชิดหน้าขึ้น ดวงตาที่เคยใสซื่อบัดนี้วาววับดุราวกับแม่เสือ นิ้วชี้หน้าเอาจริง
“อั้วบอกม้าเลยนะ ถ้าม้ากล้าตีอั้ว มือไม้อั้วตีกลับม้าจะมาว่าอั้วไม่ได้นะ”
“พอก่อนๆ พวกลื้อสองคนใจเย็นๆ ก่อน อั้วไม่เข้าใจพวกลื้อจะทะเลาะกันทำไม?” พ่อสามีรีบเข้ามาห้ามก่อนหญิงสาวทั้งคู่จะลงมือลงไม้กันจริงๆ
“ลื้อจะให้อั้วใจเย็น ลื้อไม่เห็นอีด่าอั้วเหรอ?” คนเป็นภรรยาหันไปขู่ฟ่อๆ กับสามี
“อั้วเห็นๆ แต่ลื้อก็ด่าอานิอีก่อน”
“นี่..นี่ ลื้อเข้าข้างอีใช่ไหม”
“อั้วไม่ได้เข้าข้างอี อั้วอยากให้ลื้อใจเย็นๆ”
“ไม่!! อั้วไม่เย็น ดีเหมือนกัน ในเมื่ออีรู้เรื่องหนูบัวแล้ว อั้วจะได้พาหนูบัวเข้าบ้านได้สักที ส่วนลื้อออกจากบ้านอั้วไปซะ!!” ประโยคแรกบอกผัว ส่วนประโยคสองไล่สะใภ้ตีทะเบียน
นิรมนแทบจะเลือดขึ้นหน้า ไอ้ความรักมันจบไปตั้งแต่ไอ้ผัวเฮงซวยทำผู้หญิงท้อง แต่เรื่องอะไรที่หล่อนจะยอมให้คนทั้งคู่ได้สมหวังง่ายๆ
“แล้วถ้าอั้วไม่หย่า ไม่ออกจากบ้านนี้ล่ะ”
“ถ้าลื้อไม่อยากหย่า ลื้อก็ไม่ต้องหย่า..แต่อั้วบอกลื้อได้เลยว่าบ้านหลังนี้จะกลายเป็นนรกสำหรับลื้อ!!” คำขู่อาฆาตเล่นเอาคนตัวเล็กสะอึก ความดีที่ทุ่มเทไปเพื่อครอบครัว กลายเป็นฟองอากาศที่ไร้ค่า
“งั้น...อั้วจะฟ้องศาลทั้งไอ้ผัวเฮงซวย ทั้งนังหน้าด้าน”
“หึ..ลื้อมันโง่ อยากฟ้องก็ฟ้องไป แต่อย่าลืมนะอานันท์ไม่มีชื่อในสมบัติสักชิ้น แม้แต่เงินฝากบาทเดียวก็เป็นชื่ออั้ว” ยัยแม่ผัวแสนร้ายเย้ยหยัน ความเก๋าของคนผ่านโลกมามากเตรียมพร้อมตั้งแต่รู้ว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่กำลังตั้งครรภ์
คำตอบของแม่สามีพาภรรยาตัวน้อยน้ำตาร่วง
“ฮึก..ใช่ อั้วมันโง่..ที่ทุ่มเทให้ทุกคนขนาดนี้..ดี..ดีมาก”
“…”
“งั้นอั้วขออวยพรให้พวกลื้อ...ลื้อ..รวมทั้ง..ฮึก...อีผัวเฮงซวย..ขอให้..ฉิบหายในหน้าที่การงาน..ทำอะไร..ก็มีแต่ปัญหา..ขอให้..โดนทรยศ..หักหลัง..ขอให้พวกลื้อทั้งที่มีส่วนร่วม และไม่มีส่วนร่วมในการกระทำชั่ว..ตกนรกหมกไหม้” เสียงหวานอาฆาต ดวงตาแดงก่ำ
“อีนิ มึง...มึงแช่งพวกกู”
“อั้วแค่อวยพรไงม้า..อวยพรให้สมกับพฤติกรรมเฮงซวยที่พวกลื้อทำกับอั้ว...แล้วก็..อั้วเองก็ไม่อยากอยู่เป็นแรงงานทาสให้ม้าจิกหัวใช้แล้วเหมือนกัน..ชาตินี้ชาติไหนก็อย่าได้มาเจอะเจอกันอีกเลย” คนตัวเล็กประกาศลั่น ก่อนจะกลับขึ้นไปเก็บข้าวเก็บของออกจากบ้านในทันที
เมื่อมาถึงบ้านยัยอุ่นผู้เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว นิรมนก็แทบหมดแรง..ความเข้มแข็งเคืองแค้นที่สาดใส่อดีตครอบครัวสามีพลันสลาย เหลือเพียงแต่ซากที่เป็นกายหยาบไร้วิญญาณ
“นิแกโอเคไหม” ยัยอุ่นแม่เลี้ยงเดี่ยว พึ่งเอาลูกเข้านอนทรุดตัวนั่งบนโซฟาด้านข้าง ทว่าคนถูกถามกลับนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา มือเล็กจึงตบบ่าเป็นเชิงให้กำลังใจ
ทั้งหล่อน ทั้งนิ..รวมถึงนันท์ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียน อีกทั้งสมัยก่อนบ้านยังอยู่ละแวกเดียวกันอีก
ซึ่งนิอาศัยอยู่กับอาม่าเปิดร้านขายข้าวหน้าเป็ดหน้าตรอก ในขณะที่พ่อแม่แท้ๆเสียชีวิตนานแล้ว
ส่วนบ้านของนันท์เปิดร้านขายยาในละแวกนั้นถือว่ามีอันจะกินพอสมควร เมื่อคบหาดูใจนิรมนจึงมักคลุกคลีอยู่ที่บ้านแฟนอยู่เป็นนิจ
