ตอนที่9 หลิวชิงเหอตื่นสาย
รุ่งเช้าของอีกวัน ทุกคนคิดว่าหลิวชิงเหอตื่นสายกว่าปกติ แน่นอนว่าคนอย่างป้าสะใภ้ใหญ่ คงไม่ปล่อยโอกาสแบบนี้ ในการเอ่ยถึงหลิวชิงเหอ ในทางที่แย่ๆ อย่างแน่นอน
"จนถึงตอนนี้ เสี่ยวชิงเหอก็ยังไม่ตื่นอีกอย่างนั้นหรือ น้องสะใภ้รองเธอสอนลูกสาวมาอย่างไรกันถึงเป็นแบบนี้ มีลูกชายไม่ได้ยังไม่น่าเกลียดเท่ากับเลี้ยงลูกผู้หญิงได้อย่างน่าผิดหวังขนาดนี้เลยนะ"
เหมยฮัวเริ่มมองหน้าพี่สะใภ้ใหญ่อย่างไม่สบายใจเท่าไหร่นัก คำพูดแบบนั้น มันจะทำให้คนอื่นๆ ในบ้านมองเสี่ยวชิงเหอในทางที่ไม่ดีหนักเข้าไปอีก แม้แต่แม่สามีเองก็มีสีหน้าที่ไม่ดีมากเท่าไหร่ หลังจากที่ได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่พูดขึ้นมาแบบนั้น
ทว่าหลิวชิงเหอออกจากบ้านไปตั้งแต่ท้องฟ้าไม่สว่างแล้ว วันนี้เธอคิดว่าจะไปขายกิ๊บหน้าโรงงานทอผ้าในช่วงเช้า เธอเอาสินค้ามาขายก่อนกำหนด มันมีอย่างจำกัดแค่หนึ่งร้อยชิ้นเท่านั้น เมื่อผู้คนเริ่มทยอยกันมาทำงาน รู้สึกดีใจที่เห็นเด็กสาวที่เคยมาขายกิ๊บ อีกครั้ง สินค้าถูกรุมซื้อและหมดอย่างรวดเร็ว เล่นเอาคนที่มาทำงานสาย แทบจะแย่งซื้อไม่ทันทีเดียว
เธอไม่รู้เลยว่า ตอนนี้คนในบ้านหลิว ต่างมองเธอเป็นเด็กหญิงที่มีนิสัยเกียจคร้านและเอาแต่ใจตัวเองอย่างถึงที่สุด หลังจากขายสินค้าหมดไม่นาน ก็เจอกับพ่อและแม่ที่เดินทางมาทำงานพอดี ทั้งคู่มีสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะในตอนแรกคิดว่าลูกสาวยังนอนหลับอยู่ในห้อง
ทั้งที่คนในบ้านรวมถึงย่าของลูก ก็ต่อว่าหลิวชิงเหอไปแล้ว ว่าคงจะมีการอบรมกันอีกครั้งในเรื่องนี้ แต่หลังจากที่เห็นแล้วว่า สิ่งที่ทุกคนเข้าใจไปนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่เป็นจริงเลยสักนิด ตอนนี้ ทั้งพ่อและแม่ต่างจะช่วยลูกสาวอย่างสุดกำลัง หากว่าวันนี้แม่หลิวจะต่อว่าลูกสาวของพวกเขา
"เสี่ยวชิงเหอ ลูกออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
"ขอโทษที่ไม่ได้บอกแม่นะคะ หนูแค่จะเอาสินค้ามาทยอยขายก่อน เลยรีบออกมาตั้งแต่ท้องฟ้าไม่สว่าง นี่ก็ขายหมดแล้วค่ะ หนูคิดว่าหนูจะกลับบ้านแล้วล่ะ"
ทั้งพ่อและแม่ต่างลงความเห็นกันว่า ลูกสาวควรเร่งหาที่พักได้แล้ว หากคิดที่จะย้ายออกไปจากบ้านหลิว ไม่อย่างนั้นแล้ว ทั้งพี่สะใภ้และน้องสามของสามี คงก่อความวุ่นวายให้เสี่ยวชิงเหอไม่จบสิ้นแน่ๆ
"เสี่ยวชิงเหอ เมื่อเช้าที่บ้านหลิวเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย เรื่องของลูก ป้าสะใภ้คิดว่าลูกตื่นสาย และคุณย่าเองก็เตรียมจะคิดบัญชีกับลูกเหมือนกัน อย่าคิดว่าแม่ขับไสลูกเลยนะ หากลูกคิดที่จะหาอพาร์ทเม้นท์จริงๆ แล้วล่ะก็ ตอนนี้ลูกน่าจะเตรียมหาที่พักได้แล้ว"
แม้ว่าในความคิดของหลิวชิงเหอ อยากจะให้พ่อแม่แยกบ้านออกมาจากบ้านหลิวเช่นกัน แต่ทว่าคิดไปถึงใบหน้าเสแสร้งของพี่สาวแล้วล่ะก็ เธอเลือกที่จะลอยตัวเหนือปัญหาคนเดียวเอาเสียจะดีกว่า
"ป้าสะใภ้ใหญ่พูดแบบนั้นเลยหรือคะ"
แม่พยักหน้า ก่อนที่จะต้องรีบไปตอกบัตรเข้างานแล้ว คงไม่มีมีเวลาที่จะยืนพูดคุยกับลูกมากนัก
ตงซานบังเอิญนั่งรถผ่านไปทางเส้นทางโรงงานทอผ้าพอดี ใบหน้าที่ดูเหมือนจะง่วงนอน พลางขยับแว่นเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างที่คุ้นตากำลังก้มเก็บแผงร้านค้าของเธอ
"จอดรถ"
เสียงเย็นสั่งลูกน้องอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนที่จะเปิดประตูรถและเดินตรงไปที่เสี่ยวชิงเหอ วันนี้เสี่ยวชิงเหออยู่ในชุดกางเกงสามส่วน เสื้อยืดเรียบง่าย และทรงผมหางม้าง่ายๆ ติดกิ๊บติผมน่ารักๆ ทว่ากลิ่นตัวเธอก็ยังมีกลิ่นน้ำหอมที่เขาเลือกเอาไว้ให้ก่อนหน้านี้อยู่จางๆ
"ขายหมดแล้วหรือครับ"
เสียงพูดเย็บเหยียบของอีกฝ่าย ทำให้หลิวชิงเหอสะดุ้งตัวโยน ก่อนที่จะหันมาเห็นว่าเป็นตงซาน ตัวร้ายที่เธอหมายปองเอาไว้ตั้งแต่ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่องนี้
"ใช่ค่ะขายหมดแล้ว ว่าแต่คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันขายของ ไม่ใช่ว่าคุณส่งคนมาติดตามฉันอยู่หรอกนะคะ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันเองก็อดที่จะหลงตัวเองไม่ได้"
เธอก็แกล้งพูดทีเล่นทีจริงไปอย่างนั้น ผู้ชายคนนี้จะส่งคนมาติดตามเธอไปทำไมกัน ในเมื่อเธอไม่ใช่หลิวเหลียนนางเอกของเรื่องสักหน่อย
แต่ทว่าตงซานกลับรู้สึกร้อนตัวอย่างไรไม่รู้ แต่กลับกันเขากลับยิ่งรู้สึกชอบใจสาวน้อยตรงหน้ามากขึ้นไปอีก ผู้หญิงที่รู้ทันคนแบบนี้ จะไม่มีอะไรน่าสนได้อย่างไรกัน
"ไม่คิดว่าเธอจะรู้ทันกันด้วย"
เขาขยับแว่นชิดจมูกอีกครั้ง ก่อนที่จะก้มลงช่วยหญิงสาวเก็บร้านอย่างใจดี ปล่อยให้หลิวชิงเหอยืนคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น พลางคิดไปถึงผู้ชายคนนั้นที่เดินตามเธอก่อนหน้านี้ ก็วันที่บังเอิญเจอกับเขานั่นแหละ แต่นั่นก็ก่อนที่เธอจะเจอกับเขาไม่ใช่หรือไง มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน
"แสดงว่าผู้ชายคนนั้น เป็นคนของคุณสินะ"
"ใครกันล่ะ คนของฉันที่เธอบอก"
"ก็"
สายตาของหลิวชิงเหอมองไปเห็นใบหน้าคนขับรถนั่น ก่อนที่จะชี้ไปทางคนขับรถ ที่ยืนเฝ้าประตูรถอย่างตั้งใจ
"คนนั้นอย่างไรล่ะคะ คุณจ้างคนแบบนั้นตามฉันได้อย่างไรกัน ทำงานไม่ได้เรื่องเอาเลยนะ เล่นมาไล่ตามกันแบบนั้นเป็นใครจะไม่รู้ตัวบ้างกันล่ะจริงไหม"
"จริงอย่างที่คุณว่านั่นแหละ ผมไม่น่าส่งเจ้านั่นไปเลยจริงๆ"
"แต่เข้าเรื่องเถอะค่ะ คุณเคยเจอฉันมาก่อนหน้านี้หรือคะ แต่บอกไว้ก่อนนะฉันชื่อหลิวชิงเหอ ไม่ใช่หลิวเหลียน"
เขาหัวเราะก่อนที่จะถามออกไป
"แล้วทำไมผมต้องคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงคนนั้นด้วยล่ะ"
"ไม่รู้สิคะ ก็บางครั้งพี่สาวของฉันอาจโดดเด่นกว่าฉันหลายส่วนล่ะมั้ง"
"ผมชอบคุณจริงๆ ดูเหมือนว่าคุณจะรู้ทันผมไปเสียทุกอย่าง"
ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มขึ้นมาอย่างยินดีจริงๆ นานๆ ครั้งเขาถึงจะเจอผู้หญิงที่ฉลาด รู้จักพูดมากขนาดนี้ นับว่าเป็นการเจอกันอีกครั้ง และเป็นการเจอกันที่น่ายินดีมากจริงๆ
"ให้ผมไปส่งไหม"
"เหมือนว่าคุณเองเหมือนจะต้องการพักผ่อนมากเลยนะคะ ฉันไม่รบกวนดีกว่า พอดีตอนนี้ฉันไม่อยากกลับบ้าน ว่าจะเดินหาอพาร์ทเม้นท์ราคาถูกๆ แถวนี้สักหน่อย"
"คุณจะย้ายออกมาอยู่อพาร์ทเม้นท์อย่างนั้นหรือ แล้วเรื่องนี้พ่อแม่ของคุณ"
เขาถามเธออย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ไม่ใช่ว่าหลิวชิงเหอยังเรียนไม่จบไม่ใช่หรือ แล้วคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะยินยอมให้ลูกออกมาอยู่อพาร์ทเม้นท์คนเดียวแบบนั้นได้อย่างไรกัน
"ฉันคุยกับที่บ้านแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"ที่จริงถ้าคุณสนใจ ผมมีอพาร์ทเม้นท์ในย่านเหิงตงอยู่ มันใกล้กับโรงเรียนมัธยมเหิงตงเดินทางไปกลับไม่ลำบาก ถ้าหากว่าสนใจจะไปดูกับผมเลยก็ได้"
ถึงแม้ว่าตัวร้าย จะดูร้ายกาจขนาดไหน แต่เธอที่รู้จักนิสัยผ่านปลายปากกานักเขียน ก็พอจะรู้ว่าคนอย่างตงซาน มีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ทำอะไรผู้หญิงที่ไม่ยินยอม แต่กลับกันเขาหล่อเอาเสียขนาดนั้น เธอยินยอมตั้งแต่หน้าประตูแล้วล่ะ
"ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกนะคะ ที่สำคัญยิ่งโรงเรียนมัธยมเหิงตงแล้วล่ะก็ พ่อแม่ฉันคงไม่มีเงินมากพอที่จะส่งฉัน"
เธอไม่จำเป็นที่ต้องโกหกเขา เพราะว่าไม่ว่าอย่างไร คนอย่างตงซาน ไม่มีทางที่ใครจะสามารถหลอกเขาได้ เว้นเสียจากหลิวเหลียนนางเอกของเรื่องนี้ ที่หลอกใช้ตัวร้ายอย่างตงซานได้อย่างน่าเจ็บแสบ
"มาทำงานให้ฉัน แลกกับเงินเดือนสามพันหยวน พร้อมที่พักและส่งเธอเรียนจนจบ"
หลิวชิงเหอตาลุกวาวเมื่อได้ยินแบบนั้น สำหรับคนอย่างเสี่ยวชิงเหอแล้ว สิ่งที่ทำให้เธอตื่นตาได้มากที่สุดน่าจะเป็นข้อเสนอที่น่าตื่นเต้นเหล่านั้น
"เด็กที่ยังไม่เรียนจบแม้มัธยมปลายแบบฉัน สามารถทำงานอะไรให้คุณกันได้ล่ะคะ"
"ไม่ใช่ว่าเธอมีฝีมือการออกแบบเครื่องประดับหรอกหรือ"
ที่แท้เขาน่าจะให้คนตามเธอตั้งแต่ตอนที่เธอเริ่มขายกิ๊บหน้าโรงงานครั้งก่อนแล้วสินะ คนที่ฉลาดและตาคมอย่างตงซานแล้ว มักมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่งจริงๆ ถ้าหากเธอเกาะตัวร้าย และขัดขวางไม่ให้นางเอกเข้าใกล้เขาได้ ชีวิตของเธอหลังจากนี้คงสบายเอาเสียมากๆ เชียวล่ะ
"สายตาของคุณตงซานที่แหลมจนน่าใจหายจริงๆ นะคะ แต่เด็กอย่างฉันน่ะ จะทำงานใหญ่ให้คุณได้ขนาดไหนกันเชียว"
"ฉันรู้ว่าเธอจะเป็นคนที่เก่งจนน่าใจหายในอนาคต สรุปว่าเธอตกลงรับข้อเสนอของฉันรึเปล่าล่ะ"
เขาเริ่มรอคอยคำตอบจากหญิงสาวด้วยท่าทางจริงจัง เพราะหากเป็นคนอื่นที่ได้รับข้อเสนอที่สุดแสนยั่วน้ำลายมากขนาดนี้ คงรีบตะครุบตอบรับมันไปแล้ว ไม่ใช่เก็บของใส่กระเป๋าอย่างใจเย็นแบบนี้ หลิวชิงเหอคงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาร้อนรนใจต่อคำตอบของเธอมากถึงขนาดนี้
"เราไปหาอะไรทานกันก่อนดีหรือเปล่าคะ เหมือนว่าคุณเองก็น่าจะยังไม่น่าจะได้กินอะไรมาเหมือนกัน"
"ดีเลย ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ"
เขาลืมตัวจูงมือเธอเหมือนกับที่เคยจูงมือน้องสาวในอดีต กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เห็นใบหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติของหลิวชิงเหอเข้าแล้ว
"เออผมขอโทษ"
"ช่างเถอะค่ะ ฉันไม่ถือเรื่องเล็กน้อยแบบนั้นสักหน่อย"
จะบอกว่าเธอไม่ถือเรื่องนั้นก็ไม่ถูก ต้องบอกว่าเฉพาะเขาแค่คนเดียวต่างหากที่เธอไม่ถือ เธอจำได้ว่าตัวร้ายในนิยายเรื่องนี้ ชื่นชอบกินปลาตุ๋นผักกาดดองเป็นอย่างมาก มันอาจเป็นอาหารที่เรียบง่าย ทว่าตงซานกลับชอบที่จะกินมัน ด้วยเหตุผลอะไร เธอก็ยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก เพราะในเรื่องนี้เธอน่าจะอ่านข้ามมันไป
ต้องเรียกได้ว่าเป็นการกินอาหารเช้าที่ออกจะเกินไปสักหน่อย ในเมื่อที่นี่มันเป็นภัตตาคาร ในเขตเหิงตง หลังจากที่พนักงานยื่นเมนูมาให้ อาหารอย่างแรกที่เธอสั่งนั่นก็คือปลาตุ๋นผักกาดดอง เป็ดปักกิ่ง และเป็นข้าวสวยเป็นอย่างสุดท้าย ทุกเมนูล้วนเป็นอาหารที่ตัวร้ายชอบทั้งนั้น
แต่ในส่วนของตงซาน เขาไม่คิดว่าเสี่ยวชิงเหอจะชอบทานอาหารเหมือนน้องสาวของเขาไม่มีผิด ยิ่งรอยยิ้มแบบนั้นอีก ความสดใสของเธอช่างเหมือนกับตงอวี้จิงไม่มีผิด
"คุณไม่สั่งหรือคะ"
หลิวชิงเหอหันไปถามชายหนุ่ม ที่จ้องมองใบหน้าเธออย่างไม่ละสายตา เอาเข้าจริงๆ เสี่ยวชิงเหอก็รู้สึกเก้อเขินมาเหมือนกัน กับการที่มีใครสักคนมาแอบจ้องหน้าตัวเองอยู่ตลอดแบบนี้
