ตอนที่ 8 แม่นางเอกอาสาทำอาหารเย็นคนเดียว
หลิวชิงเหอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในห้องเล็กๆ ในช่วงต้นฤดูหนาว หลังจากที่พี่สาวออกไปคนรักตั้งแต่เมื่อเช้านี้ กลับมาอีกครั้งก็เป็นช่วงบ่ายแก่แล้ว หากเป็นร่างเดิมที่ใช้ชีวิตอยู่ในตอนนี้ คงไม่คิดอะไรมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ชายหญิงที่หายออกไปด้วยกันครึ่งค่อนวันแบบนั้น จะแน่ใจได้อย่างไรว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นไม่ได้เลยเถิดไปขนาดไหนแล้ว
แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด เพราะเมื่อไหร่ที่ผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่ตงซานตัวร้ายของเรื่องที่เธอหมายปองมันเอาไว้ในก่อนหน้านี้ เพียงไม่ถึงวันก็ทำกิ๊บติดได้มากถึงหลายสิบตัวแล้ว ภายในสัปดาห์นี้ เธอเชื่อว่าต้องได้กิ๊บ ติดผมลายแปลกใหม่อีกหลายตัว เมื่อรู้ว่าสินค้าขายดี ก็ต้องเร่งรีบเท่าที่จะทำได้ อย่างไรแล้วเธอก็วางแผนที่จะเช่าอพาร์ทเม้นท์ข้างนอกอยู่หลังจากนี้ ถ้ายังพอที่จะหารายได้ด้วยตนเองได้ นั่นคงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาคิดจนเกินไป
มื้อเย็นของวันนี้ ไม่แน่ใจว่าคนรักของพี่สาว จะมาร่วมกินอาหารเย็นอย่างเช่นเมื่อวานนี้อีกหรือเปล่า สถานการณ์แบบนั้น มันคือสถานการณ์แห่งความอึดอัดชั้นดีเลย
มื้อเย็นวันนี้ เป็นหลิวเหลียน ที่เสนอตัวทำอาหารเย็นคนเดียว เพื่อเอาหน้ากับคนในครอบครัว ซึ่งหลิวชิงเหอคิดว่าเธอเองไม่ต้องการที่จะได้หน้าจากใคร การที่เธอไม่ต้องเหนื่อย แล้วเอาเวลาไปทำกิ๊บต่ออีกสักหน่อย มันไม่ดีกว่าตรงไหนกัน ในเมื่อใครอยากจะโดดเด่นมาก คนนั้นก็แค่เหนื่อยมากกว่าคนอื่น
"ถ้าอย่างนั้น พี่อย่ามาหาว่าฉันใจดำนะ ในเมื่อพี่เป็นคนที่เสนอตัวทำอาหารเย็นคนเดียว"
หลิวชิงเหอตั้งใจจะพูดให้ดังหน่อย เพราะว่าเมื่อครู่ เธอเห็นย่าหลิวเดินอยู่ไม่ไกลจากบริเวณห้องครัว ในตอนนี้เรื่องที่หลิวเหลียนเป็นคนเสนอตัวทำอาหารคนเดียว ย่าหลิวน่าจะรับรู้ได้แล้ว เมื่อเธอเดินออกมาเห็นโจวหลานนั่งร่วมกับทุกคนที่ห้องรับแขก ถึงได้รู้เหตุผลแล้วล่ะว่าที่แม่นางเอกที่แสนดี เสนอตัวทำอาหารคนเดียว เพราะจะแสดงให้คู่รักของตัวเองเห็นสินะ
ตัวเอกในนิยายเรื่องนี้ ทำไมถึงได้น่ารำคาญขนาดนี้กัน ทั้งที่ต่างคนแล้วต่างไม่ใช่คนที่ดีเยี่ยมสักเท่าไหร่ เธอค่อนข้างเกลียดการอวยของนักเขียนนิยายเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด
"เสี่ยวชิงเหอแล้วนั่นเธอจะไปไหนอีก ไม่คิดจะช่วยพี่สาวทำอาหารหรือยังไง"
สายตาของอาหญิงเล็กมองมาที่เธออย่างตัดพ้อ ทว่าก่อนที่เธอจะเอ่ยปากแก้ตัว ย่าหลิวที่เดินมาจากอีกด้านก็เอ่ยขึ้นก่อนพอดี
"จะไปว่าหลานทำไมกันลูกสาม ในเมื่อเสี่ยวเหลียนเป็นคนเสนอตัวที่จะทำอาหารเย็นคนเดียว"
"คุณย่า"
หลิวชิงเหอแกล้งทำเป็นตกใจในเรื่องที่ย่าของเธอเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งที่ตอนนี้ในใจเธอดีใจยิ่งเสียกว่าอะไร เพราะย่าหลิวเดินตามแผนที่เธอวางเอาไว้ตั้งแต่ในตอนแรก
"จริงหรือคะแม่ ก็ฉันไม่รู้นี่คะ ปกติแล้วก็เห็นว่าเสี่ยวชิงเหอ เธอมักจะเอาเปรียบพี่สาวอยู่บ่อยครั้ง"
หลิวชิงเหอก้มหน้าลง อย่างกับว่าเสียใจกับเรื่องที่อาหญิงเล็กโทษเรื่องต่างๆ ใส่เธอ และตอนนี้แหละ ที่เธอจะเสนอเรื่องบางอย่างออกมา โดยที่ไม่มีใครที่จะขัดขวางเธอเอาไว้ได้
"ในสายตาของทุกคนในบ้าน ฉันคงเป็นตัวไร้ประโยชน์ และทำดีอย่างไรก็ไม่ดีเท่าพี่สาวของฉันเลยสินะคะ ตอนนี้ฉันอายุครบสิบห้าปีแล้ว ในเมื่ออยู่บ้านหลังนี้แล้วฉันเป็นคนที่ย่ำแย่เอาเสียขนาดนั้น หลังจากที่อะไรลงตัวฉันจะออกไปเช่าอพาร์ทเม้นท์ ทุกคนไม่ต้องกังวลนะคะ นอกเหนือจากค่าเทอมแล้ว ฉันคงไม่รบกวนอะไรพ่อกับแม่อีก"
เอ่ยจบหลิวชิงเหอก็เดินกลับเข้าห้องไป ทว่าน้ำเสียงของการดูถูกจากป้าสะใภ้ใหญ่ก็ตามติดมาอีกครั้ง
"ถ้าจะอวดดีขนาดนั้น ก็อย่าพึ่งพาค่าเทอมจากพ่อแม่ของเธอด้วยสิ"
หลิวชิงเหอหันกลับมามองป้าสะใภ้ใหญ่ด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ก่อนที่จะตอกกลับด้วยคำพูดที่อีกคนเอ่ยอะไรไม่ออกเลย
"ป้าสะใภ้เป็นพ่อแม่ของฉันหรือคะ หรือที่พูดออกมานี่ช่วยส่งเสียฉันบ้างหรือเปล่า"
ทุกคนในห้องโถงเงียบสนิท แม้ย่าหลิวกับปู่หลิวก็ไม่ได้เอ่ยว่าอะไรไปมากกว่าถามความสมัครใจของลูกสะใภ้รอง กับลูกรองของตน
"แล้วเธอล่ะคิดอย่างไรสะใภ้รอง ลูกรองด้วย"
สองสามีภรรยาหันมองหน้ากัน หลังจากที่เห็นแล้วว่าลูกสาวของตนเองมีความสามารถมากขนาดไหน ทั้งสองคนเชื่อว่า ไม่ว่าอย่างไรแล้วลูกก็โตแล้ว สิ่งที่ต้องทำนั่นก็คือเคารพการตัดสินใจของลูกสาว
"ผมคิดว่า เราควรเคารพการตัดสินใจของเสี่ยวชิงเหอครับ ขออภัยคุณโจวด้วยที่ต้องมาเจอเหตุการณ์วุ่นวายขนาดนี้"
หลังจากที่ตอบแม่ ไม่ลืมที่จะหันไปขอโทษแขกคนสำคัญ ที่กำลังจะกลายมาเป็นลูกเขยของเขาในอนาคตอันใกล้นี้
"ไม่เห็นต้องขอโทษกันเลยครับ อย่างไรแล้วเราก็คนกันเองกันทั้งนั้น แต่การที่คุณน้าปล่อยหลิวชิงเหอไปแบบนั้น มันจะเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ หรือครับ"
เพราะได้ยินคนรักเล่าเรื่องน้องสาวให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง นิสัยของเสี่ยวชิงเหอค่อนข้างที่จะแตกต่างกับหลิวเหลียนมากพอสมควร ไหนจะเรื่องที่หลิวชิงเหอชอบเอาเปรียบพี่สาว ไหนจะเรื่องที่เธอมีคนรักอยู่นอกบ้านอีกแบบนั้น คาดว่าหากปล่อยน้องสาวของหลิวเหลียนออกสู่โลกภายนอกแบบนั้น อีกไม่นานหลิวชิงเหอจะต้องเสียคนอย่างแน่นอน แต่ทว่าตอนนี้ เขาไม่สามารถพูดอะไรไปได้มากกว่าเอ่ยออกไปเพียงแค่นั้น ในเมื่อคนเป็นพ่อตัดสินใจไปแล้ว
"ผมมั่นใจครับ ว่าเสี่ยวชิงเหอเธอเก่งมากกว่าที่เราคิดเอาไว้"
ป้าสะใภ้ใหญ่แบะปากเล็กน้อย เมื่อได้ยินน้องชายสามีพูดออกมาอย่างมั่นใจแบบนั้น เด็กคนนั้นน่ะหรือที่เก่ง กับไอ้แค่ทำงานบ้านยังสู้หลิวเหลียนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ คิดว่าหลังจากที่ย้ายไปอยู่ข้างนอกได้ไม่นาน หลังจากนั้นคงเอาความเดือดร้อนมาให้คนในบ้านหลิวอีกแน่ๆ
แม้แต่ลูกสาวคนเล็กของบ้านหลิว ก็มีสีหน้าที่ไม่ดีนักเท่าไหร่ แม้จะต่อว่าหลิวชิงเหอหลายครั้ง แต่ในใจแล้วเธอก็หวังดีกับหลานสาวเสมอ
เรื่องวันนั้น การที่เสี่ยวชิงเหอลงมาจากรถผู้ชายคนนั้น มันค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ไม่รู้ว่าเธอจะห้ามอย่างไรดี ก่อนหน้านี้ก็ห้ามไปแล้ว ทว่าความดื้อเงียบของหลิวชิงเหอแล้ว เธอคิดว่าหลังจากนี้ต้องเกิดเรื่องที่ไม่ดีกับหลานสาวคนนี้ขึ้นอย่างแน่นอน
หลิวชิงเหอทนต่อความหิวในค่ำคืนนี้ เธอเลือกที่จะไม่กินอาหารเย็นมื้อนี้ และทำงานจากช่วงเย็นจนถึงช่วงเที่ยงคืน เธอต้องทนกับความหิวไปจนกระทั่งมีเสียงเคาะประตู เป็นแม่ที่ถือชามข้าว กับเนื้อสองชิ้น และผัดผักอีกชามหนึ่ง
"แม่รอจนทุกคนหลับไปแล้ว เสี่ยวชิงเหอลูกมากินข้าวก่อนเถอะ อดอาหารแบบนั้นจะทำให้ปวดท้องเอาได้นะ"
น้ำเสียงแห่งความห่วงใยเอ่ยขึ้นมา อย่างเป็นกังวล แม่ของเธออุตส่าห์เก็บอาหารในส่วนของเธอเอาไว้ เพราะกลัวว่าเธอจะทนหิวอย่างนั้นหรือ ร่างเดิมคนนี้ช่างน่าอิจฉาเกินไปแล้ว
"ไม่เห็นว่าแม่ต้องลำบากเลยนี่คะ เที่ยงคืนแล้ว ถ้าแม่พักผ่อนน้อยแบบนี้ พรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไหวได้อย่างไรกัน"
"แม่ตื่นไหว แต่ตอนนี้ลูกรีบกินข้าวก่อน แม่จะได้เอาไปเก็บให้"
สายตาของเหมยฮัว เหลือบไปเห็นกิ๊บ กับกองเศษผ้ามากมายที่กระจัดกระจายเต็มห้อง ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าลูกสาวน่าจะนอนไปแล้ว แต่กลับมานั่งทำงานดึกดื่นขนาดนี้ เสี่ยวชิงเหอพยายามมากเลยสินะ เห็นแบบนี้แล้ว เธอกับสามีถึงเชื่อว่าลูกสาว สามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกบ้านได้เป็นอย่างดี แม้ว่าอีกใจหนึ่งจะเป็นห่วงลูกสาวอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ว่าใครก็ต้องเติบโต และออกไปมีชีวิตเป็นของตัวเองหรอกหรือ
"ลูกนั่งทำงานดึกขนาดนี้เลยหรือ เหนื่อยมากหรือเปล่าลูก แม่ขอโทษ"
หลิวชิงเหอมองใบหน้าที่รู้สึกผิดของแม่อย่างไม่เข้าใจมากนัก ความทรงจำที่ผ่านมา จำได้ว่าพ่อแม่ของร่างเดิม ปฏิบัติต่อลูกสาวทั้งสองคนอย่างเท่าเทียมกัน ความเหลื่อมล้ำบางอย่างมีขึ้นหลังจากที่พี่สาวมีคนรัก ข้าวของอะไรหลายๆ อย่าง ที่พี่สาวมีมากกว่า ส่วนใหญ่ก็มาจากคนรักของหลิวเหลียน มันห้ามไม่ได้ที่ร่างเดิมจะแอบอิจฉาพี่สาว และอยากได้พี่เขยของตนเองมาครอบครอง
"ทุกอย่างไม่ใช่ความผิดแม่เลยนะคะ หนูแค่อยากมีเงินเพื่อที่จะใช้จ่าย การที่หนูพยายามแบบนี้ เพื่ออนาคตของหนูเองต่างหาก แม่อย่าคิดมากเลยนะคะ"
ในที่สุดอาหารในชาม กับผักผัดน้ำมันก็เกลี้ยงชาม เหมยฮัวเก็บชามตะเกียบออกไปล้างเก็บไว้ ถึงจะเข้านอนอย่างสงบใจได้ หลังจากที่รู้ได้ว่าลูกสาวคนเล็กไม่ต้องหิ้วท้องทนความหิว
ภาพที่แม่เอาอาหารไปให้น้องสาวถึงห้องนอน อยู่ในสายตาของหลิวเหลียนทุกอย่าง ก่อนที่คนรักจะกลับเธอได้รู้บางอย่างเข้า น้องสาวตัวดีของเธอวางแผนที่จะย้ายออกไปจากบ้านหลิว แน่นอนว่าสำหรับเธอแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก ในเมื่อไม่มีน้องสาวที่น่ารำคาญคนนั้น ความสนใจของพ่อแม่ก็อยู่ที่ตัวเธอเพียงคนเดียว
เรื่องการเรียนต่อ คนรักรับปากกับคนบ้านหลิวเอาไว้แล้ว ว่าเขาจะเป็นคนที่รับผิดชอบในส่วนนี้เอง เพราะฉะนั้นเธอไม่มีเรื่องที่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป อย่างไรแล้ว ถ้าเป็นโจวหลาน เขาต้องมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธออย่างแน่นอน
ในส่วนของน้องสาวคงได้เรียนในโรงเรียนมัธยมเล็กๆ เท่านั้น แต่ในส่วนของเธอ คนรักวางแผนที่จะให้เธอเรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัยที่โด่งดัง แค่คิดถึงอนาคตที่โดดเด่นแล้ว ก็พาลรู้สึกชอบใจขึ้นมา ถ้าเป็นแบบนั้นหลังจากนี้เธอควงต้องเป็นพี่สาวที่แสนดี สนับสนุนให้น้องสาวออกไปจากบ้านหลิวให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้แล้ว
เมื่อตัวน่ารำคาญออกไปจากบ้าน หลังจากนี้ชีวิตของเธอน่าจะทำอะไรๆ ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากนัก ทำตัวเป็นหลานสาวอันเป็นที่รัก ลูกที่แสนกตัญญู คิดดูเอาสิ สิ่งพวกนี้จะทำให้เธอดูดีในสายตาทุกคนมากขนาดไหนกัน
มือบางปิดประตูห้องนอนลงอย่างสงบสุขอีกครั้ง ในที่สุดหลังจากนี้เธอก็จะกลายเป็นสาวน้อยที่น่าเอ็นดูในบ้านเหมือนเดิม
