ทะลุมิติมาเป็นภรรยาตัวร้ายในยุค80

181.0K · จบแล้ว
มิลิน
70
บท
20.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เป็นแค่ตัวประกอบ คิดไปแอบรักพระเอก ร่างเดิมโง่เกินไป เป็นตัวร้ายต่างหากที่เธอคิดว่าน่าสนใจกว่าพระเอกของเรื่องเป็นไหนๆ หากเกาะขาทองคำคู่นั้นได้ ก็หมายความว่า ชีวิตนี้ของเธอ จะสบายไปทั้งชาติ

นิยายปัจจุบันนิยายย้อนยุคนิยายจีนโบราณนิยายรักเกิดใหม่ในนิยายข้ามมิติจีนโบราณยุค80โรแมนติกรักหวานๆ

ตอนที่1 ตัวประกอบที่จืดจาง

หลิวชิงเหอเป็นสถาปนิกเลื่องชื่อในยุค2000 ครอบครัวของเธอเปิดร้านรับผลิตเครื่องประดับ มีทั้งเพชร พลอย มรกต บุศราคัม หยก ตั้งแต่คุณภาพปากลางไปถึงคุณภาพสูง แม้ครอบครัวจะมีกิจการใหญ่โต แต่ทว่าเธอกลับต้องการทำงานตามที่ตนเองร่ำเรียนมา วันนี้เป็นวันหยุด หลิวชิงเหอถึงหยิบนิยายเรื่องหนึ่งขึ้นมาอ่าน รู้สึกขัดใจแม่ตัวประกอบเล็กน้อยในช่วงแรก ตอนกลางเรื่องต้องปวดร้าวอีกครั้ง เพราะเห็นว่าตัวร้ายที่รักนางเอกมากๆ ถูกหลอกใช้

เวลาตัวร้ายรักใครสักคนออกจะติดโรคจิตไปสักนิด หากแต่เขามีข้อดีที่มีเงิน มีอำนาจยิ่งกว่าพ่อพระเอกที่นักเขียนเอาแต่บรรยาไปมาถึงความแสนดี และเก่งกาจ อ่านไปจนจบเล่มตัวร้ายมีจุดจบที่ไม่ดีนัก ทว่าตัวเอกทั้งสองคนกลับครองคู่กันอย่างมีความสุข หลิวชิงเหอโยนหนังสือนิยายทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนที่จะหลับไป

ภายใต้ความหนาวเหน็บในช่วงต้นฤดูหนาว หลิวชิงเหอที่จำได้ว่าตนเองเพิ่งจะหลับไปเมื่อไม่นานมานี้ ตื่นขึ้นมาบนแท่นอิฐแข็งๆ มีฟูกรองนอน แข็งๆ ความทรงจำบางอย่างที่ผุดแล่นเข้ามาในหัวตอนนี้

ร่างนี้ชื่อว่าหลิวชิงเหอ ชื่อแซ่เดียวกับเธอก่อนหน้านี้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดหรือว่ามันยิ่งใหญ่มากเกินไปกว่าเรื่องที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ ถ้าเกิดว่าเธอทะลุมิติเข้ามาในร่างของหลิวชิงเหอ ตัวประกอบที่ทะลุเข้ามาในนิยายเพียงครึ่งเรื่อง ก็ไม่มีบทบาทอะไรที่สำคัญมากเกินไปกว่าตัวประกอบที่แอบรักพระเอกแค่คนหนึ่งเท่านั้น

เดิมทีร่างนี้เป็นน้องสาวของนางเอกของเรื่อง ทว่านั่นแหละน้องน้อยที่คิดแย่งชิงบทนางเอกจากพี่สาว หลิวเหลียนเป็นนางเอกของนิยายเรื่องนี้ คู่กับโจวหลาน ทหารที่มีอนาคตไกลคนหนึ่ง

มันเป็นเรื่องที่น่าเกลียดมาก ที่น้องสาวชื่นชอบว่าที่พี่เขยของตนเอง ทว่าหลิวชิงเหอไม่ใช่ตัวร้ายหญิงในเรื่อง ใช่จริงๆ แล้วนิยายเรื่องนี้มีตัวร้ายหลักๆ สองคน นั่นคือเหว่ยหลิน และตงซาน

เหว่ยหลินเป็นลูกสาวผู้บังคับบัญชาการของพระเอกในเรื่อง ส่วนตงซานเป็นผู้ชายที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในปักกิ่ง นอกจากใบหน้าที่หล่อเหลา ฐานะที่ร่ำรวย ไม่มีอะไรที่จะน้อยหน้าไปกว่าพระเอกในเรื่องเลย

โชคดีที่หลิวชิงเหอทะลุมิติเข้ามาตอนที่ครอบครัวกำลังจะตัดสินใจเลือกให้ระหว่างเธอและพี่สาวคนใดคนหนึ่งได้เข้าเรียน ในเนื้อเรื่องอย่างไรแล้วหลิวเหลียนก็เป็นแม่นางเอกที่แสนดี เสียสละอนาคตเพื่อน้องสาวเพียงคนเดียว อย่างไรแล้วตนเองก็มีสามีในอนาคตที่มีฐานะที่มั่นควงแล้ว การเรียนดูเหมือนว่ามันคงเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นนัก

ซึ่งจริงๆ แล้วอย่าคิดว่านางเอกที่แสนดีจะสูญเสียการเรียนต่อไป ลูกรักนักเขียนแบบนั้นย่อมมีพระเอกขี่ม้าขาววิ่งเข้ามาช่วยอย่างแน่นอน เพราะว่าตัวตนเดิมของหลิวชิงเหอโง่เกินไปสักหน่อย ครั้งนั้นเธอแสดงความเห็นแก่ตัวโดยไม่คัดค้านที่พี่สาวเสียสละให้ตนเองเรียนต่อ อย่างไรในสายตาของทุกคนในบ้าน เธอก็คือน้องสาวที่รั้งคอยแต่เอาเปรียบพี่สาวของตนเองอยู่เสมอ

เสียงแม่เข้ามาเรียกเธอให้รีบไปล้างหน้าล้างตา ในบ้านนอกจากมีครอบครัวของเธอแล้วยังมีครอบครัวลุงใหญ่ และอาหญิงเล็กที่ยังไม่ได้แต่งงานออกไปอีกหนึ่งคน อย่างไรแล้วอาหญิงเล็กก็เรียนจบมัธยมปลาย และมีหน้าที่การงานที่ดีในโรงงานผลิตอาหารสัตว์ ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากตัวบ้านมากเท่าไหร่นัก

ส่วนลุงใหญ่และป้าสะใภ้เองก็ทำงานอยู่ในโรงงานผลิตยาสูบไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ในปี ค.ศ.1981 เป็นปีที่อะไรหลายๆ อย่างคลี่คลายขึ้นมามากพอสมควร เห็นว่าประชาชนหลายๆ ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยกเว้นครอบครัวชาวนา ที่นับว่าค่อนข้างที่จะฟื้นฟูได้ยากกว่าชนชั้นแรงงานที่อาศัยอยู่ในเมือง คนชนบทมักจะได้รับสวัสดิการจากรัฐเป็นลำดับรั้งท้ายเสมอ

นับว่าเป็นความโชคดีของตระกูลหลิวที่ไม่ต้องอยู่ในชนบท ใช้แรงงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ทั้งที่ได้รับการตอบแทนไม่คุ้มค่ากับเรี่ยวแรงที่สูญเสียไปมากนัก

แม่ของหลิวชิงเหอกับหลิวเหลียนพี่สาวที่อายุห่างกันแค่หนึ่งปี จะต้องเป็นฝ่ายที่เลือกว่าใครจะเรียน หรือออกมาทำงานในโรงงานทอผ้า ด้วยความที่พ่อแม่ทำงานอยู่ในโรงงานนั้นนานพอสมควร เมื่อมีตำแหน่งว่างพวกคนงานเก่าที่มีเส้นสาย มักจะหวงแหนตำแหน่งที่ว่างนั้นเอาไว้ให้ญาติๆ ของตน

เมื่อหลิวชิงเหอล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ในบ้านที่มีพื้นที่ไม่ได้กว้างมากนัก แม้อยู่กันอย่าเบียดเสียด ทว่าทุกคนต่างมีห้องส่วนตัว ที่แยกเป็นสัดส่วนได้อย่างพอดี

เงินเดือนของพ่อแม่ส่วนหนึ่งต้องลงกองกลางของครอบครัวครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าครอบครัวลุงใหญ่เองที่มีลูกถึงสองคนก็จะต้องทำเช่นนั้น หากแต่ลูกสาวของลุงใหญ่เพิ่งจะแต่งงานออกไปเมื่อปีก่อน อย่างไรในบ้านก็ยังมีห้องว่างอยู่หนึ่งห้อง

ใบหน้าของหลิวเหลียนแดงก่ำ แต่ก่อนร่างเดิมมักจะอิจฉาใบหน้าที่งดงามของพี่สาวตนเอง ร่างเดิมลืมไปหรือเปล่าว่า ตนเองก็เป็นน้องสาวของหลิวเหลียน ให้ตายอย่างไรก็ไม่ได้งดงามน้อยไปกว่าคนเป็นพี่สาวสักเท่าไหร่นัก ทว่าตอนนี้เธอที่รู้ว่าเส้นเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป คงไม่ดันทุรังเข้าไปขวางชะตาดอกท้อที่นักเขียนอุตส่าห์ตั้งใจเขียนมาตั้งขนาดนั้น

"ถึงเวลาที่ลูกทั้งสองคนต้องตกลงกันแล้วว่าใครจะเรียนต่อ หรือว่าใครจะไปทำงานในโรงงานทอผ้า"

ไม่ใช่แค่พ่อกับแม่เท่านั้น ตอนนี้ครอบครัวลุงใหญ่กับหลิวเซินลูกชายของลุงใหญ่ก็อยู่ ทั้งปู่ย่า และอาเล็กที่กำลังจะออกไปทำงานพอดี อย่างไรแล้วเมื่อมีปัญหาครอบครัวขึ้น คนในครอบครัวก็อยู่รับรู้กันหมดทุกคน เพราะการเรียนของเด็กทั้งสองคน พ่อกับแม่จะต้องเลือกส่งเสียได้แค่คนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าในเนื้อเรื่องนักเขียนต้องวาดตัวละครเอกให้สมบูรณ์ และฉลาดมากที่สุด

มันจะเป็นไปได้อย่างไร น้องสาวนางเอกที่เป็นตัวประกอบ จะโดดเด่นมากไปกว่านางเอกของเรื่อง เพียงไม่นานหลิวเหลียนก็เช็ดน้ำตา ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาอย่างเข้มแข็ง

"ฉันไปทำงานเองค่ะ แม่ให้เสี่ยวชิงเหอเถอะค่ะ อย่างไรแล้วน้องน่าจะทำหน้าที่ตรงนั้นได้ดีกว่าหนู"

ทุกคนหันมองหน้าลูกสาวคนโต ก่อนที่จะมองไปที่หลิวชิงเหออย่างรอฟังคำตอบ ทุกคนคาดเดาสถานการณ์เอาไว้แล้ว ว่าอย่างไรเสี่ยวเหลียนคงเสียสละให้เสี่ยวชิงเหออีกตามเคย

"อย่าเลยค่ะ ให้ฉันทำหน้าที่ในโรงงานเถอะค่ะ ในอนาคตพี่จะต้องแต่งงานกับพี่เขย พี่เขยเองก็เป็นทหาร ในอนาคตไม่แน่ว่าพี่สาวอาจได้เป็นคุณนายทหารหรือไม่ ฉันเองเรียนไปก็ไม่ได้สร้างประโยชน์เพื่อสามีได้เท่ากับพี่ เพราะฉะนั้นพี่เรียนเถอะนะคะ"

ใครจะคิดว่าวันนี้เสี่ยวชิงเหอจะพูดขึ้นอย่างเห็นอกเห็นใจพี่สาวมากถึงขนาดนี้ แต่ในคำพูดนั้นหากคนเป็นพี่สาวเข้าเรียนก็เท่ากับว่าเห็นแก่ตัวอย่างเป็นที่สุด เพราะนอกจากมีสามีหน้าที่การงานดีแล้ว ยังมีการศึกษาที่ดี ซึ่งแตกต่างจากเสี่ยวชิงเหอ ที่นอกจากตำแหน่งในโรงงานเธอก็ไม่มีอะไรเลยที่มั่นคง

ใบหน้าของนางเอกสาวลูกรักของนักเขียนซีดเผือด ไม่คิดว่าหลังจากที่เธอเสียสละให้น้องสาวเรียนต่อ จะได้รับการปฏิเสธ ซ้ำหลังจากที่น้องสาวปฏิเสธสิทธิ์ในการเรียนแบบนั้นแล้ว แม้เธอจะอยากเรียนอย่างไรก็เหมือนว่าจะน่าเกลียดเกินไปสักหน่อย

หลังจากที่หลิวเหลียนเงียบไป คนเป็นย่าก็เอ่ยขึ้นมาอย่างที่ไม่มีใครกล้าที่จะคัดค้าน ในเมื่อเสี่ยวเหลียน เองก็มีชามข้าวเหล็กที่มั่นคงแล้ว ทว่าเสี่ยวชิงเหอกลับไม่มีอะไรที่มั่นคงเลยนอกจากตำแหน่งงานในโรงงานทอผ้าเล็กๆ ของเมืองเท่านั้น เพราะคนที่อนาคตลำบากที่สุดน่าจะเป็นหลานสาวคนนี้

เพราะอย่างนี้ทำให้สิทธิ์การเรียนของหลิวชิงเหอได้รับมาอย่างโปร่งใส อย่างน้อยเธอก็แสดงความมีน้ำใจกับพี่สาวให้คนอื่นๆ ในครอบครัวได้เห็น การปรองดองกับนางเอกของเรื่องที่เป็นพี่สาวมันมีแต่เรื่องที่ดีไม่ใช่หรือไง เธอคงไม่โง่ให้ชีวิตตนเองต้องกลายเป็นตัวประกอบที่ถูกใช้แล้วทิ้งอย่างที่นักเขียนนิยายเรื่องนี้ทำขึ้นมาหรอกนะ

หลังจากที่คนทำงานทั้งห้าคนแยกย้ายกันออกไปทำงานกันตามหน้าที่ หลิวชิงเหอ กับหลิวเหลียน ก็ต้องทำงานบ้านทั้งหมด ปกติแล้วคนเป็นน้องสาวมักจะเอาเปรียบพี่สาวให้เห็นอยู่ ทุกครั้ง

ย่าหลิวลอบสังเกตนิสัยที่เปลี่ยนไปของเสี่ยวชิงเหออย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ หรือว่าหลานสาวคนนี้ของนางจะโตจนเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างในชีวิตแล้ว และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทุกคนในบ้านย่อมยินดีในสิ่งที่มันเกิด

"ทำไมวันนี้เธอถึงเลือกที่จะสละการเรียนนั่นให้พี่กันล่ะ เสี่ยวชิงเหอ"

หลิวเหลียนเอ่ยถามน้องสาวอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก เอาจริงๆ เธอก็ต้องการให้น้องสาวเรียนนั่นแหละดีแล้ว อย่างน้อยน้องสาวของตน จะได้ไม่ต้องมีเวลามาวุ่นวายกับคู่หมั้นของตนเอง ใช่เธอหึงหวงน้องสาวตนเอง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงมากพอให้ทำร้ายน้องสาวตัวเองหรอกนะ

"ที่จริงต่อให้ครอบครัวเราไม่ส่งพี่ให้เรียนต่อ พี่โจวหลานคู่หมั้นของพี่ก็ต้องดิ้นรนให้พี่เรียนต่ออยู่ดีนี่คะ ฉันก็แค่พูดให้ไม่น่าเกลียดเกินไปสำหรับที่ฉันจะได้รับสิทธิ์การเรียนจากครอบครัวก็เท่านั้นเอง"

หลิวเหลียนหน้าซีดเผือดอีกครั้งหนึ่ง ใบหน้าของเธอตอนนี้กำลังฉายสิ่งที่สมองคิดอยู่ ไม่คิดว่าน้องสาวที่มักจะขี้เกียจ และชอบใช้กำลังมากกว่าสมอง จะคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้

"เธอรู้ได้อย่างไรว่าคุณโจวจะส่งพี่เรียนหนังสือ"

"ไม่เห็นจะยากเลย แค่เราทั้งสองได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัยมันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง"

พี่สาวของเธอทั้งผิวทั้งใบหน้าที่อ่อนหวานมากถึงขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลยที่ร่างเดิมอิจฉานักหนา ที่จริงแล้วเธอก็คิดว่ารูปร่างของหลิวชิงเหอก็ไม่ได้แตกต่างกับพี่สาวมากนัก แค่น่าจะเป็นคนที่ขี้เกียจดูแลตัวเอง

"หน้าพี่ขาวดีนี่ ฉันเองก็อยากสวยบ้าง"

"เสี่ยวชิงเหอ เธอพูดจริงหรือเปล่า"

อย่างไรแล้วร่างเดิมก็ไม่เคยเอ่ยชมพี่สาวตรงๆ แบบนี้มาก่อน การเอ่ยชื่นชมตรงๆ ทำให้อีกฝ่ายเขินหน้าแดงขึ้นมาไม่น้อย

"ถ้าอยากสวยก็แค่บำรุงผิวหน้าของเธอบ้างสิ เพียงแต่ว่าพี่ไม่มีเงินซื้อครีมบำรุงให้เธอหรอกนะ ครั้งล่าสุดก็เป็นครีมที่คุณโจวซื้อมาฝาก"

ได้ยินพี่สาวพูดอย่างนั้น หลิวชิงเหอก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็เป็นแค่เด็กอายุสิบห้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง ในเมื่อไม่มีงานทำ จะมีเงินไปซื้อครีมดีๆ แบบนั้นมาใช้ได้อย่างไร

"วาสนาพี่กับฉันนี่มันแตกต่างกันจริงๆ "

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ในความคิดของเธอไม่มีความคิดที่จะอยากได้คู่หมั้นของพี่สาวมาเลยสักนิด ผู้ชายที่เธอสนใจคือตัวร้ายที่ร่ำรวยของเรื่องต่างหาก

พระเอกที่เป็นทหารลูกจ้างรัฐ หรือจะมีทางร่ำรวยไปกว่าตัวร้ายที่มีกิจการมากมายเป็นของตนเอง แค่คิดก็รู้สึกถึงความสุขสบายในอนาคตแล้ว ถ้าหากเธอทำให้เขาสนใจได้