บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 บอกย่าหลิวเรื่องมีคนรัก

หลิวชิงเหอคิดเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากเรื่องที่เธอมีคนรัก ถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ทว่าหากมันออกจากปากหลิวเหลียนแล้วล่ะก็ ทุกคนต้องเชื่อแน่ๆ

ทางออกที่ดี คือการบอกปู่กับย่าร่างเดิมด้วยตัวเอง นั่นน่าจะเป็นความคิดที่เข้าท่ากว่าที่จะรอแม่นางเอกเจ้าเล่ห์นั่นมาพูดก่อน

แม้นั่นจะไม่ใช่ความจริงก็เถอะ ในเมื่อพูดออกไปแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือโกหกมันอีกไปเรื่อยๆ นั่นแหละ มันอาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเท่าไหร่ แต่ใครว่าโลกนี้ดำรงอยู่ด้วยความถูกต้องกันล่ะ ใครใช้สมองได้ดีกว่า ก็เท่ากับว่าคนนั้นรอดต่างหาก

ตอนนี้หลิวชิงเหอกำลังจะเริ่มบอกย่าเรื่องที่เธอมีคนรัก แม้ใครจะใหญ่โตมาจากไหน แต่สำหรับในบ้านหลิวแล้วก็ไม่มีใครใหญ่ไปมากกว่าย่าของร่างเดิม แม้แต่คนเป็นปู่เองก็ต้องฟังย่าอยู่หลายส่วน

"คุณย่าคะ ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกแก่คุณย่า"

ย่าหลิวเหลือบสายตามองหลิวชิงเหออย่างไม่เข้าใจนัก ร้อยวันพันปี หลานสาวคนนี้ไม่เคยเข้าหาคนเป็นย่าโดยตรงแบบนี้มาก่อน วันนี้ถึงกับเข้าหา น่าจะมีเรื่องสำคัญจริงๆ

"มีอะไรก็พูดมาเถอะ ไม่เห็นว่าต้องเป็นกังวลเลยสักนิด"

ย่าหลิวบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ แม้เธอจะเข้มงวดกับค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่ด้านความสัมพันธ์ของคนในบ้านเธอค่อนข้างที่จะผ่อนคลายเป็นพิเศษ

"หนูมีคนรักแล้วนะคะ ตอนนี้เรากำลังคบหากันอยู่ หากพวกเราตกลงจะคบกันอย่างจริงจัง หนูจะพาเขามารู้จักกับครอบครัวของเรานะคะ"

ใบหน้าตกใจในตอนแรก หลังจากนั้นก็กลายมาเป็นรอยยิ้มที่ผ่อนคลายมากขึ้น ที่แท้ระยะหลังที่เสี่ยวชิงเหอเปลี่ยนไป เพราะเรื่องนี้เองสินะ นั่นนับว่าการมีคนรัก ระหว่างวัยหนุ่มสาวมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดนัก ย่าหลิวในวัยนี้ ตอนนั้นก็แต่งงานกับปู่หลิวไปแล้วเหมือนกัน

"ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง การที่หลานจะมีคนรักสักคน ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดเลยสักนิด หากการคบหานั่นอยู่ในจารีตที่ดีงาม"

นอกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย นอกจากย่าหลิวไม่ว่าอะไรแล้ว ยังออกไปในแนวที่เห็นดี เห็นงามด้วยเสียอย่างนั้น แต่เป็นแบบนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าการที่เธอบอกว่ามีคนรัก นั่นไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด แต่ป้องกันในอนาคต เธออาจซื้อของที่ราคาแพงมาใช้บ้าง อาจใช้เป็นข้ออ้างได้ว่า นั่นเป็นของที่คนรักซื้อให้

ถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าตอนนี้ว่าคนที่เธอแอบอ้าง จะรู้หรือเปล่านะ ว่าเขากลายเป็นคนรักของเธอไปซะแล้ว พาลคิดไปถึงใบหน้าหล่อเหลาของตงซานแล้ว หลิวชิงเหอรู้สึกใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา

ตงซานรู้สึกว่าวันนี้เขาจามเหมือนจะเป็นหวัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะป่วยง่ายๆ เอาเสียสักหน่อย หรือว่าวันนี้ อากาศจะหนาวยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่เขาก็แน่ใจว่าสวมเสื้อกันหนาว แน่นหนาพอแล้ว

คิดถึงเสื้อกันหนาวแล้ว เมื่อวานนี้ เขาลืมหยิบเสื้อโค้ตบุฝ้ายดีๆ ให้หลิวชิงเหอสักสองสามตัว อากาศหนาวแบบนี้ เธอยังคงสวมใส่ชุดที่ไม่ได้ป้องกันความหนาวเลยสักนิด คนของเขาบอกว่าเธอเอาสินค้าไปวางขายหน้าโรงงานทอผ้า ขายทั้งยังสวมใส่ชุดแบบนั้นนี่นะ ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขามีความกังวลแบบนี้มาก่อน ทั้งที่เพิ่งจะพูดคุยเป็นครั้งแรกเท่านั้น ให้ตายเถอะนี่เขากำลังเป็นอะไรกันแน่

"คุณตงครับ สินค้ารอบใหม่จะมาถึงเมืองเราอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้านี้"

"ทำไมถึงล่าช้าขนาดนั้น มีทางอื่นที่ให้สินค้ามาถึงเร็วกว่านั้นหรือเปล่า"

"มีแค่ทางเดียวครับ เราอาจต้องไปรับสินค้าพวกนั้นเอง"

"ก็จัดการตามนั้น ทำทุกอย่างให้สินค้าถึงทันกำหนดตามที่ลูกค้านัดหมายเอาไว้ เราไม่ควรผิดคำพูด"

เพราะเขาไม่ใช่คนที่ผิดคำพูดกับใคร และไม่ชอบที่คนอื่นผิดคำพูดกับตนเองเท่าไหร่นัก เกิดเป็นคน สิ่งที่ต้องรักษามากที่สุด คือสัจวาจา

"ครับคุณตง"

เขาถอนหายใจออกเล็กน้อย ภาวนาให้สินค้ามาถึงตามเวลาที่กำหนด สิ่งที่ทำให้คนอย่างเขาเครียดได้ คือเรื่องแบบนี้ เขาไม่ชอบอะไรก็ตามที่ต้องผิดคำพูดกับคนอื่น ต่อให้มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ก็ตาม แต่ก็พยายามที่จะแก้ไขให้ถึงที่สุดก่อน

บนตึกชั้นที่สาม ในมือจับแก้วบรั่นดีดื่มเข้าไปอย่างสงบ ที่จริงรสชาติแอลกอฮอล์แบบนี้ มันไม่ใช่สิ่งที่น่าพิสมัยเลยสักนิด แต่เขารู้สึกว่าการดื่มแบบนี้ มันทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายได้พอสมควร

ชุดนอนผ้าซาตินที่สวมใส่เปิดให้เห็นอกหนาแน่นเปลือย ถึงกระนั้น ในห้องนอนของผู้เป็นนาย ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใครเข้ามา ก่อนที่จะได้คำสั่งจากเจ้าของ

ตงซานสูญเสียคนในครอบครัวคนสุดท้ายไปก่อนหน้านี้ คนคนนั้นคือน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน น้องสาวของเขา ชื่อตงอวี้จิง ตอนนั้นน้องสาวของเขากำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีสุดท้าย น้องสาวของเขาชื่นชอบเพื่อนชายของเขาที่ชื่อว่าโจวหลาน

ตอนนั้นโจวหลานเพิ่งจะสมัครเข้ากองทัพ เหมือนว่าทั้งคู่จะเริ่มชอบพอกัน เขาคุยกับสหายอย่างเปิดอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้โจวหลานอย่าทำให้เสี่ยวอวี้จิงเสียใจเป็นอันขาด

เขามารู้ตัวตอนในที่น้องสาวของเขาสิ้นใจลง พร้อมกับจดหมายตัดพ้อโจวหลานที่ทำงานอยู่ในค่ายทหาร แม้ในพิธีศพของตงอวี้จิง ไอ้ชั่วนั่นยังไม่โผล่หน้ามาเลยสักวัน การกระทำแบบนั้น ทำให้ตงซานสัญญากับวิญญาณของน้องสาวมาโดยตลอด ว่าจะทำให้ไอ้ชั่วนั่นสำนึกให้ได้

พอคิดถึงภาพร่างกายของน้องสาว ในฉากสุดท้าย ก่อนที่จะไม่เจอกับน้องสาวอันเป็นที่รักตลอดไป ภายในใจอดที่จะปวดแปลบที่หัวใจไม่ได้

น้ำตาที่หางตาไหลออกมา เมื่อคิดถึงในเรื่องนี้ ทั้งที่ในตอนนั้นเจ้าโจวหลานสัญญากับเขาเป็นอย่างดิบดีแล้ว ว่าจะไม่ทำให้น้องสาวของเขาเสียใจ

ถึงไม่สำนึกก็ไม่เจ็บแค้น เท่ากับแม้น้องสาวของเขาก็ตายไป เจ้านั่นยังไม่มาร่วมไว้อาลัย ทั้งที่น้องสาวของเขารักมันสุดหัวใจ มาถึงตอนนี้เจ้านั่นกลับมั่นหมายกับหลิวเหลียน มีความรักอันชื่นมื่น ลืมชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องตายไปเพราะตัวมันเอง ไม่ว่าอย่างไรเจ้าคนชั่วนั่นจะต้องได้รับรู้ว่า ความเจ็บปวดสุดแสนทรมานมันเป็นอย่างไร

ในขณะนั้นโจวหลานกับหลิวเหลียน ก็เดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้าอย่างมีความสุข ตอนนี้เธอกำลังออดอ้อนคนรัก ให้ซื้อชุดใหม่ที่สีหวานอย่างเช่นชุดที่น้องสาวสวมใส่เมื่อวานนี้

"คุณอยากได้ชุดใหม่อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นเลือกไปมากหน่อยเถอะ เผื่อน้องสาวของคุณสักชุด"

หลิวเหลียนมองหน้าคนรักด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นัก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเธอจะซื้ออะไรเขาก็ไม่เคยบอกว่า ให้ซื้อเผื่อน้องสาวเลยสักครั้ง หรือเพราะว่าเพราะความโดดเด่นของหลิวชิงเหอเมื่อวานนี้ ถึงทำให้คนรักของเธอหันเหความสนใจไปที่คนเป็นน้องสาว ตอนนี้หลิวเหลียนกำลังหึงหวงคนรักของตนเองอย่างไม่มีเหตุผล

"คิดว่าคงไม่ต้องรบกวนคุณโจวหรอกค่ะ เสี่ยวชิงเหอน่ะ มีคนรักแล้ว เมื่อวานนี้คนรักของเธอก็ซื้อข้าวของให้ตั้งมากมาย"

เอ่ยไปพลางเลือกชุดสีหวานไปด้วย วันนี้ไม่รู้ทำไมในห้างสรรพสินค้าถึงมีแต่ของที่ไม่ถูกใจเธอเลยสักนิด ที่จริงในย่านการค้าฝั่งคนรวยอีกด้าน น่าจะมีรูปแบบเสื้อผ้าที่น่าพอใจมากกว่านี้

"ฉันคิดว่า ในห้างสรรพสินค้าไม่เห็นมีอะไรที่น่าสนใจเลยสักนิด แถมราคายังแพงเกินไปอีกต่างหาก เราไปที่ย่านเหิงตง ดีหรือเปล่าคะ"

ในคำพูดเหมือนว่าจะเกรงใจคนรัก ที่ต้องซื้อของราคาแพงให้ แต่เอาเข้าจริงๆ เธอแค่ต้องการสิ่งของที่ตนเองต้องการเท่านั้น พูดกันถึงเรื่องราคาเขตเหิงตงต่างหาก ที่สินค้าราคาแพงมากกว่าสินค้าในห้างสรรพสินค้าแบบนี้ ส่วนใหญ่คนที่มีเงินจะนิยมซื้อของในเขตเหิงตงทั้งสิ้น ด้วยความรักที่บังตาโจวหลานก็คิดว่าคู่หมั้นสาวคงเกรงใจเขามากเกินไป แต่ไม่ว่าเธอต้องการอะไร เขาก็ยินดีที่จะตามใจเธอทุกอย่าง

"เอาสิครับ ไปที่ไหนก็ได้ คุณอยากได้อะไรก็ซื้อไปได้เลยนะ อย่าเกรงใจกันเลย"

โจวหลานโอบแขนคนรักเดินลงไปชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าคนรักอยากได้อะไรเขาคนนี้ยินยอมพร้อมใจที่จะจ่ายไปอย่างไม่คิดมาก ไม่ว่าวันใดวันหนึ่ง หลิวเหลียนก็ต้องเป็นภรรยาของเขาอยู่แล้ว และการที่ภรรยาใช้เงินของสามี มันจะเป็นเรื่องที่ผิดไปได้อย่างไรกัน

รอยยิ้มประทับอยู่บนริมฝีปากของหลิวเหลียน ไม่ได้จางหายจากใบหน้า เพราะสิ่งที่โจวหลานชอบที่สุดในใบหน้าของเธอ นั่นก็คือรอยยิ้มที่แสนสดใส เธอรู้ในข้อนี้ดี เพราะฉะนั้นทุกๆ ครั้งที่อยู่กับคู่หมั้น บางครั้งรอยยิ้มเหล่านั้นก็เป็นแค่การฝืนยิ้มออกมาก็เท่านั้นเอง

สาเหตุที่โจวหลานรักหลิวเหลียนสุดหัวใจ เพราะว่าครั้งหนึ่งเธอเคยใช้ตัวเอง บังตัวเขาจากคมมีดของใครบางคนที่ปองร้ายเขาในตอนนั้น ท่ามกลางเรื่องยุ่งเหยิง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพาหญิงสาวในชุดนักเรียนไปส่งที่โรงพยาบาลให้สำเร็จจงได้ หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปมาก จนเรียกได้ว่ามันเป็นความรักที่ดีงามเลยก็ว่าได้

จนกระทั่งโจวหลาน ให้ทางพ่อแม่มามั่นหมายกับหญิงสาวเอาไว้ด้วยความรัก เพราะเห็นว่าทั้งคู่รักกันดี ทางพ่อแม่ฝ่ายชายก็ไม่ได้ขัดขวางอันใด อาจมีบ้างที่แม่ของโจวหลานไม่ชอบหลิวเหลียนมากเท่าไหร่นัก แต่ทว่าก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น อีกอย่างลูกชายของตนเองก็โตแล้ว ซ้ำยังมีหน้าที่การงานที่ดีแล้ว การเลือกคู่ครองก็แล้วแต่ลูกชายเถอะ

ทั้งสองคนมายืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าในเขตเหิงตง พนักงานของร้านต้อนรับลูกค้าอย่างดี เพราะว่าลูกค้าทั้งคู่ที่มาใช้บริการในวันนี้ต่างแต่งตัวดูดี ซ้ำยังขับรถยนต์ด้วย

ลูกค้าที่มีรถยนต์ใช้ จะมีฐานะที่ย่ำแย่ได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องขายสินค้าออกไปได้หลายอย่างแน่นอน

"สวัสดีค่ะ เชิญด้านในค่ะลูกค้า"

หลิวเหลียนรู้สึกได้หน้า เพราะการต้อนรับอย่างนอบน้อมกับพนักงาน พลางคิดถึงน้องสาวของเธอคนนั้น หากหลิวชิงเหอมาที่ร้านแบบนี้ คงทำเรื่องที่น่าอาย แค่คิดถึงเรื่องนี้ ก็นึกถึงเรื่องสนุกขึ้นมาอีกครั้ง เธอมีความคิดว่าหลังจากที่คู่หมั้นกลับไป เธออาจพาน้องสาวมาที่ร้านนี้อีกสักครั้ง เพื่อความสนุกบางอย่าง รอยยิ้มร้ายกระตุกขึ้นเล็กน้อย โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นมัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel