ตอนที่ 6 คนรักของฉันซื้อให้
"เสี่ยวชิงเหอ นั่นเธอไปเอาเสื้อผ้าดีๆ แบบนี้มาจากไหน"
คนที่เอ่ยถามคือป้าสะใภ้ใหญ่ ที่ไม่ค่อยชอบเธอมากเท่าไหร่นัก ว่ากันตามจริงป้าสะใภ้ใหญ่ก็ไม่เคยเห็นใครดีนอกจากลูกของตัวเอง
หลิวเซินที่เป็นลูกชายของป้าสะใภ้ใหญ่ ในเนื้อเรื่องบอกว่าเด็กชายคนนี้ มีความรู้สึกกับเพศเดียวกัน นักเขียนบรรยายไปกลางเรื่องแล้ว ในตอนสุดท้ายครอบครัวลุงใหญ่ที่มีภรรยาที่แสนอิจฉา ปราศจากความสุขในที่สุด แต่เธอกลับรู้สึกเห็นใจหลิวเซินที่มีแม่เหมือนป้าสะใภ้ใหญ่แบบนี้
"สวยใช่ไหมคะ พี่สาวสวยไหมหลิวเซิน"
เด็กชายวัยใกล้เคียงมองชุดใหม่ของหลิวชิงเหอด้วยสายตาที่ชื่นชม จะพูดอย่างไรดี เพราะเขาเองก็อยากจะสวมใส่เสื้อผ้าแบบนั้นบ้าง มันจะดีมากขนาดไหนกันนะ
"ครับ"
ป้าสะใภ้หันมองลูกชายด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไหร่นัก หลิวเซินก้มหน้ามองชามอาหารตรงหน้าอย่างสงบ เขารู้ดีว่าหลังจากที่แม่โกรธขึ้นมา นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากขนาดไหน เขาจดจำเอาไว้อย่างขึ้นใจว่าไม่อาจที่จะทำเรื่องที่ขัดใจแม่ของตนเองได้
"เอาล่ะๆ เสี่ยวชิงเหอมานั่งได้แล้ว ทุกคนกำลังรอหลานแค่คนเดียวนะ อย่าเสียมารยาทสิ"
เธอมองแขกของบ้านด้วยความไม่สบายใจเท่าไหร่ ทั้งที่เธอพยายามออกห่างจากตัวเองเหล่านี้กัน ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องมาเผชิญหน้ากันพร้อมทั้งพระเอกและนางเอกของเรื่องแบบนี้ แต่นี่คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ไปสักระยะ จนกว่าพี่สาวจะย้ายไปเรียนต่อในเมืองหลวง ถึงตอนนั้น ตัวประกอบที่จืดจางอย่างเช่นเธอ คงเป็นที่พูดถึงในเนื้อเรื่องที่น้อยลง และนักเขียนเองก็คงเน้นบรรยายถึงเส้นทางรักของพระนาง ที่ช่วยกันฝ่าฟันเรื่องราวต่างๆ จนกระทั่งถึงตอนจบ
อาหารในวันนี้ เป็นข้าวสวยกับยำผักกาดดอง และเนื้อสามชั้นตุ๋นอย่างดี ในบ้านหลิวไม่มีทางที่จะกินอาหารดีๆ แบบนี้ในทุกมื้ออย่างแน่นอน ถ้าหากว่าคนรักของพี่สาวไม่มากินข้าวด้วยกันในวันนี้ คิดหรือว่า เธอจะได้กินอาหารที่ดีเยี่ยมมากถึงขนาดนี้
โจวหลานเหลือบสายตามองน้องสาวคนรักอยู่หลายครั้ง แม้ว่าหลิวชิงเหอจะสวยและน่าสนใจขนาดไหน แต่ตอนนี้หัวใจของเขาก็ยังมีแต่คู่หมั้นสาวที่แสนดีอยู่เต็มหัวใจ
แม้ทุกคนจะเห็นว่าคู่รักที่นั่งกินข้าวไป จับมือใต้โต๊ะกันไปแบบนั้น เป็นภาพที่น่ารื่นรมย์มากขนาดไหน แต่เสี่ยวชิงเหอคิดว่าคนเรามันจะรักกันมากขนาดไหน ก็ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ไม่ใช่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำตามใจ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมนักเขียนบรรยายเอาเสียคู่พระนางอย่างกับเช่นเทวดากับนางฟ้านางสวรรค์เอาเสียขนาดนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้ว สองคนนี้ก็แค่มนุษย์ธรรมดาที่มีรักโลภโกรธหลงอยู่ในหัวใจ
ทุกคนดื่มด่ำกับอาหารมื้อสำคัญ จนผ่านไปเสร็จสิ้น เพราะว่าพี่สาวต้องใช้เวลาอยู่กับคนรัก เพราะเช่นนั้น ย่าของร่างเดิมถึงให้หลิวชิงเหอเป็นคนที่ทำหน้าที่เก็บกวาดล้างจานชามแทน แต่เมื่อคิดได้ว่าวันนี้พี่สาวทำอาหารเย็นแค่คนเดียว แค่เก็บจานล้างจานคนเดียว มันคงไม่ใช่เรื่องที่แย่เกินไปเท่าไหร่นัก
"ให้ช่วยไหม"
"พี่มาทำไมกัน ไม่ไปอยู่กับคุณโจวหรือไง"
"เขากลับไปแล้ว จริงสิ เสื้อผ้าพวกนี้แล้วก็น้ำหอมกลิ่นแบบนี้ เธอไปได้มันมาอย่างไรหรือ"
นึกว่าคนอย่างหลิวเหลียนจะมาทำดีด้วยเพราะอะไร ที่จริงเพราะอยากรู้ต่างหากว่าเธอได้เสื้อผ้าสวยๆ พวกนี้มาได้อย่างไร หลิวชิงเหอมองใบหน้าพี่สาวด้วยแววตาสงบ ก่อนที่จะพูดโกหกออกมาหน้าตาเฉย เพราะอยากเห็นใบหน้าน่าเกลียดของแม่นางเอกสักหน่อย
"พี่เองก็มีคนรักซื้อให้เหมือนกันนี่คะ ถ้าหากคนรักของฉันจะซื้อให้ฉันเหมือนกัน มันจะเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน"
"คนรักหรือ แต่พี่ไม่เคยเห็นเธอพูดเรื่องนี้เลยนะเสี่ยวชิงเหอ"
ไม่น่าล่ะ พักหลังๆ มานี่น้องสาวของเธอถึงเปลี่ยนแปลงไปหลายๆ อย่าง ทั้งการแต่งตัว แม้แต่การกล้าแสดงออกหลายๆ อย่าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นแบบนี้
ทุกคนจะมองว่าน้องสาวของเธอ เป็นน้องสาวที่ถูกตามใจจนเสียนิสัย ไม่ผิดหรอกเพราะว่าเธอตั้งใจให้ทุกคนมองน้องสาวที่แสนโง่งมของตนเองไปในทิศทางนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
คนเราหากคิดที่จะโดดเด่น ก็ต้องรู้จักใช้สมองให้เป็น แน่นอนว่าคนโง่ก็เป็นได้แค่คนที่ถูกหลอกใช้คนหนึ่งก็เท่านั้นเอง คิดว่าเธอที่อายุเพียงสิบหกปี ก็มีชีวิตที่ดีแบบนี้ได้อย่างไร หากไม่ใช้สมองในทิศทางที่ดี
"พี่คิดว่าว่าพี่สนใจเรื่องของฉันมากขนาดนั้นหรือไง เราทั้งสองคนอย่ามาวุ่นวายเรื่องของกันและกันดีกว่าค่ะ ลูกรักพระเจ้าอย่างพี่คงไม่มีทางเข้าใจคนที่ต้องพยายามมากแบบฉัน เรื่องล้างจานชามนี่ ฉันจัดการเองได้ เมื่อเย็นพี่คงเหนื่อยกับการเตรียมอาหารคนเดียวแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ"
ให้พูดกันตามตรง ไม่ใช่ว่าหลิวชิงเหอจะชอบใบหน้าของพี่สาวตนเองมากเท่าไหร่ ไม่รู้สิเธอไม่ชอบสายตาที่มองคนอื่นอย่างเหนือกว่าแบบนั้น แต่อย่างไรก็พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางรักชะตาดอกท้อของทั้งคู่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ช่วงนี้นับว่าเป็นต้นฤดูหนาวอยู่ คืนนี้หลิวชิงเหอเก็บของที่ตงซานซื้อให้เข้าที่ในตู้เล็กๆ ของตนเอง ก่อนที่จะกลับมาจัดการทำกิ๊บรอบใหม่ให้ได้มากที่สุด เมื่อรู้ว่ามีคนสนใจสินค้าของเธอมากถึงขนาดนั้น การเร่งผลิตสินค้าให้ได้มากๆ เป็นสิ่งที่เธอต้องรีบกอบโกย
ในตอนนี้รีบกอบโกยได้ก็ต้องรีบกอบโกย อีกหน่อยก็มีคนเลียนแบบ และออกสินค้ามาขายกดราคา ปัญหานี้เป็นปัญหาที่พ่อค้าแม่ค้าเผชิญอย่างไม่จบสิ้นมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
แต่ตอนนี้หลิวเหลียนมีเรื่องที่ต้องไปบอกพ่อกับแม่ เธอไม่รู้หรอกว่าคนรักของหลิวชิงเหอจะเป็นใครมาจากไหน แต่ทว่าเรื่องแบบนี้พ่อกับแม่ต้องไม่ยินยอมแน่ๆ หนักสุดแล้ว น้องสาวที่แสนโง่งมของเธอ อาจไม่ได้เรียนและออกมาทำงานในโรงงานเล็กๆ แทน
"แม่คะ เสี่ยวชิงเหอบอกว่าเสื้อผ้ากับน้ำหอมที่น้องใช้ คนรักของน้องเป็นคนซื้อให้"
เหมยฮัวได้ยินสิ่งที่เสี่ยวเหลียนเอ่ยออกมาก็ตกใจไม่น้อย เธอไม่เคยได้ยินลูกสาวคนเล็กบอกมาก่อนว่ามีคนรักมาก่อน คนวัยหนุ่มสาวคบกันมันอาจไม่ใช่เรื่องที่ผิดนัก
ทว่าตอนนี้ครอบครัวยังไม่มีใครรู้ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครนี่สิ ในตอนแรกเธอคิดว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นลูกสาวอาจใช้เงินที่ขายของเมื่อตอนกลางวันซื้อมาก็ได้ แม้ไม่อยากเชื่อเสี่ยวเหลียนมากเท่าไหร่ ทว่าเสี่ยวเหลียนก็ไม่ได้มีนิสัยชอบโกหกเลยสักนิด เห็นทีว่าพรุ่งนี้เช้าก่อนที่จะออกไปทำงาน เธอคงมีเรื่องที่คุยกับหลิวชิงเหอสักหน่อยแล้ว
"เข้าใจแล้ว พรุ่งนี้แม่จะถามน้องเอง ลูกเองก็กลับไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ"
เห็นแม่สงบแบบนี้ เหนือเกินความคาดหมายของหลิวเหลียนไปเล็กน้อย อย่างน้อยก็อยากเห็นแม่มีท่าทางร้อนใจมากขึ้นกว่านี้บ้าง พูดกันตามตรงหากแม่ไม่กระตือรือร้นในเรื่องนี้ เธอวางแผนที่จะบอกปู่กับย่าเรื่องนี้
รุ่งเช้าเสี่ยวชิงเหอต้องเข้ามาคุยเรื่องบางอย่างกับแม่และพ่อในห้องนอนของทั้งสอง ไม่คิดว่าแม่นางเอกพี่สาวของเธอจะเป็นคนที่ปากเปราะได้มากถึงขนาดนี้ คงเป็นแม่ดอกบัวขาวอย่างแท้จริงสินะ แม่นางเอกของนิยายเรื่องนี้
"พี่เป็นคนบอกแม่อย่างนั้นหรือคะ"
หลิวชิงเหอถามแม่อย่างสงบ เธอไม่ได้มีท่าทีลนลานหรือว่าหวั่นวิตกเหมือนที่คนเป็นแม่คิดเอาไว้
"ใช่ค่ะ คนรักของหนูเป็นคนซื้อให้แม่กับพ่อคงไม่ว่าอะไรนะคะ เพราะเห็นว่าพี่เองก็หมั้นหมายตั้งแต่สิบห้าปีไม่ใช่หรือไง"
"เสี่ยวชิงเหอ นี่ลูกมีคนรักจริงๆ อย่างที่พี่เขาบอกจริงๆ หรือ"
พ่อถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ออกไปทางตะคอกเอาเสียมากกว่า ทั้งๆ แม่นางเอกนั่น มีคนรักเอาก่อนเธอเสียอีก ไม่เห็นว่าตอนที่พี่คบหากับคุณโจวหลาน จะมีคนในบ้านหลิวขัดขวางเลยสักคน
"ใช่ค่ะ"
ความภาคภูมิใจเมื่อวานนี้เกี่ยวกับลูกสาวคนเล็กผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง จริงๆ แล้วการที่ลูกจะคบหรือชอบใครมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดนัก แต่ผู้ชายคนนั้นควรที่จะมาแสดงตัวกับครอบครัวหลิวบ้างไม่ใช่หรือ
"เอาล่ะ จะคบหากับใครพ่อกับแม่ไม่เคยว่า เพียงแต่คนคนนั้นควรจะมาแสดงความจริงใจกับบ้านหลิวบ้างไม่ใช่หรือ"
เอ่ยจบพ่อกับแม่ก็ไม่มีเวลามากไปกว่านี้แล้ว เพราะทั้งคู่ต้องรีบปั่นจักรยานไปทำงานกัน พ่อจะให้เธอพาคนรักมาแสดงตัวที่บ้านหลิว จะบ้าหรือไง คนรักที่เธอโอ้อวดพี่สาวก่อนหน้านี้ มันไม่เห็นว่าจะเป็นความจริงเลยสักนิด ก็ใครจะคิดว่าแม่นางเอกที่แสนดีของเรื่อง จะเป็นคนที่ปากรั่วขนาดนั้น
และหากเธอพาเขามาที่บ้านหลิวไม่ได้ ทุกคนอาจมองว่าเธอไม่ดีไปเลยก็ได้ ในเมื่อแม่นั่นกล้าที่จะบอกพ่อกับแม่ แล้วทำไมจะไม่กล้าบอกปู่กับย่าเจ้าของร่างเดิมเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน
คิดจะเล่นแบบนี้กับคนอย่างหลิวชิงเหอใช่หรือเปล่า หลิวเหลียนอย่าลืมนะว่าตอนนี้เธอไม่ใช่ตัวประกอบที่จืดจางให้แม่หล่อนใช้เป็นหมาก ในการที่ทำให้คนในบ้านมองเห็นแม่หล่อนเป็นแม่นางเอกที่น่าสงสารอีกต่อไป
พ่อพระเอกสุดแสนจะเพรียบพร้อม กับแม่นางเอกที่สวมใส่ชุดกระโปรงสีหวาน ถักเปียสองข้าง ลอกเลียนแบบทรงผมของเสี่ยวชิงเหอก่อนหน้านี้ไปอย่างหน้าด้านๆ
ใบหน้าแบบนั้นมองด้วยตาข้างเดียวก็รู้ได้ว่า แม่นางเอกของเรื่องนี้ไม่ได้แสนดีอย่างที่นักเขียนร่ายเอาไว้เสียขนาดนั้น แม้แต่นางเอกในเรื่องก็บิดเบี้ยวขนาดนี้ แล้วพระเอกและตัวร้ายในเรื่องล่ะ เนื้อเรื่องจะบิดเบี้ยวไปถึงขนาดไหนกัน
สายตาก่อนที่จะเดินออกจากบ้าน หันมามองน้องสาวด้วยรอยยิ้มที่หลิวชิงเหอดูออก ว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่แสนจะเยาะเย้ยเอาเสียมากกว่า
ถ้าหากว่านางเอกเป็นคนที่นิสัยร้ายกาจแบบนี้ นั่นเท่ากับว่านิยายเรื่องนี้ก็น่าสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้วล่ะสิ ไม่น่าแปลกที่ตอนจบทั้งคู่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้ แท้จริงแล้วหลิวเหลียนไม่ได้อ่อนแออย่างที่นักเขียนบอกเอาไว้สักหน่อย คนที่เล่ห์เหลี่ยมมากขนาดนั้น จะเรียกได้ว่าอ่อนแอไม่ทันโลกได้อย่างไร
