ตอนที่ 3 ขายกิ๊บหน้าโรงงาน
หลิวชิงเหอไม่คิดว่าเธอจะต้องมาเหนื่อยมากขนาดนี้ เพียงเพื่อแลกกับเงินเพียงไม่กี่หยวน แต่หากไม่ทำอะไรเลย อย่างไรเธอก็ยังต้องยืนอยู่ที่เดิม อย่าลืมว่าเธอไม่ใช่ลูกรักนักเขียน หากไม่พยายามอะไรบางอย่างแล้วก็มีหวังชีวิตตัวประกอบอันแสนจืดจางอย่างเธอ คงเป็นได้มากสุดแค่พนักงานประจำของโรงงานเล็กๆ เพียงแค่นั้น
ซึ่งคนอย่างหลิวชิงเหอ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ชีวิตของตนเองมีจุดจบแบบนั้น การใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่มีจุดหมายในชีวิต และตายไปอย่างเงียบๆ โดยไร้การเอ่ยถึงจากนักเขียน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ว่าหลิวชิงเหอเป็นน้องสาวของนางเอก นักเขียนน่าจะเห็นจะมองเห็นถึงความสำคัญของน้องสาวตัวเอกด้วย
สองมือถือถุงเศษผ้าเข้าบ้าน อย่างไม่สนใจใบหน้าที่บิดเบี้ยวของคนเป็นย่าและปู่ มีพี่สาวที่กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ไม่ห่างจากนั้น ฝีมือการซ่อมผ้าของพี่สาวช่างสมบูรณ์แบบ สมกับที่เป็นนางเอกที่สุดแสนจะสมบูรณ์แบบ
สายตาของหลิวเหลียนเองก็เหลือบสายตาขึ้นมามองน้องสาวกับเศษผ้าในถุงอย่างที่ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ทว่าการตั้งคำถามกับน้องสาวที่มีนิสัยที่รำคาญทุกอย่างบนโลกใบนี้ เหมือนว่านั่นจะเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
"เสี่ยวชิงเหอ นั่นหลานเอาเศษผ้าแบบนั้นมาทำอะไร ไม่ใช่ว่าบ้านเราขาดแคลนมากเสียถึงขนาดนั้นเสียเมื่อไหร่"
"ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่อยากจะเอามาทำให้อะไรคลายเครียดเท่านั้น"
หลิวชิงเหอไม่ต้องการที่จะบอกอะไรใครมากเท่าไหร่นัก หลังจากที่เข้าห้องของตนเอง เธอก็หยิบเอากระดาษและดินสอออกมา เพื่อที่จะทำการออกแบบลายกิ๊บติดผมที่คิดว่ามันน่าจะขายได้ และเป็นรูปแบบที่แปลกใหม่ บางลายก็เป็นลายผีเสื้อ ลายลูกเชอร์รี่ หรือลายสตรอว์เบอร์รีเล็กๆ น่ารัก มีลายหมีพร้อมกับหัวใจเล็ก
ในตอนนี้ไม่มีอุปกรณ์มากเท่าที่ต้องการเท่าไหร่นัก การที่ทำตามรูปแบบที่มีอยู่ไม่กี่อย่างก็ถือว่าใช้ได้มากแล้ว โชคดีที่บ้านหลิวอยู่ในเขตตัวเมือง มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึงแล้ว ต่อให้มืดสักหน่อยเธอก็สามารถที่จะทำงานต่อไปได้เรื่อยๆ
หลังจากที่ทดลองเย็บตัวอย่างขึ้นมาอย่างละลายเรียบร้อยแล้ว เธอรู้สึกพึงพอใจกับฝีมือของตนเองเป็นอย่างมาก หลังจากนี้ก็แค่ทำตามแบบที่เริ่มขึ้นมา แน่นอนว่าเศษผ้าที่ได้มามีหลายสีสัน กิ๊บทุกตัวก็ไม่สามารถที่จะใช้ผ้าสีเดียวกันได้หมดทุกชิ้น แต่การที่ทำแบบนี้ก็นับว่าเป็นชิ้นงานที่น่าสนใจขึ้นมาไม่น้อย
เมื่อคืนหลิวชิงเหอรู้สึกว่าคนเองนอนไปหลังเที่ยงคืนแล้ว ตื่นมาอีกครั้งในตอนเช้า หลังจากที่กินอาหารเช้าร่วมกับทุกคนและช่วยพี่สาวทำงานบ้านเล็กน้อย ก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำอีก รีบเข้ามาจัดการกับธุรกิจของตนเองอย่างเร่งรีบ ภายในห้าวัน กิ๊บลายน่ารักทั้งหนึ่งกิโลถูกทำจนเสร็จสิ้น เศษผ้าเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง หลิวชิงเหอวางแผนที่จะขายสินค้าที่ทำเสร็จแล้วออกไป หลังจากนั้นค่อยออกไปซื้อกิ๊บเป๊าะแปะกลับบ้านมาอีกสักกิโล
เธอไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะขายสินค้าได้ทั้งหมด แต่ตอนนี้ตั้งราคากิ๊บลายน่ารักเอาไว้ที่ตัวละสามหยวนเท่านั้น แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับเวลาทั้งหมดที่เธอสูญเสียไป นี่ถือว่าราคาออกที่จะถูกไปด้วยซ้ำไป เธอหยิบถุงผ้ามาหอบกิ๊บเหล่านั้นลงไป ก่อนออกจากบ้านคงให้ใครเห็นไม่ได้ว่าเธอถือของพวกนี้ออกไป
ถึงจะหาว่าเห็นแก่ตัวก็เถอะ แต่เงินที่เธอขายของได้มา คงไม่มีทางเอาไปลงกองกลางของบ้านหรอกนะ ดูสิในขณะที่พี่สาวมีของต่างๆ ที่ช่วงวัยพวกเธอต้องมี แต่หลิวชิงเหอกลับไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แม้แต่น้ำหอมสักขวดยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ร่างเดิมอยากได้ว่าที่พี่เขยของตนเองมากเสียขนาดนั้น
แต่นางร้ายตัวจริงกับตัวร้ายของเรื่อง ถึงตอนนี้แล้วยังไม่มีใครโผล่มาเลยสักคน ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้เป็นตอนต้นของเรื่องเท่านั้น
เป้าหมายของหลิวชิงเหอในวันนี้ คือหน้าโรงงานที่มีแรงงานผู้หญิงมากกว่าโรงงานอื่น นั่นคือโรงงานทอผ้า ที่พ่อแม่ของตนเองทำงานอยู่ แม้จะหลีกเลี่ยงเจอพ่อแม่ของร่างเดิมไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่เกินไปนัก
พ่อแม่ของหลิวชิงเหอ น่าจะพูดคุยได้กว่าปู่กับย่าร่างเดิม แม้ว่าความจริงแล้วเธอจะมีความเห็นว่าพ่อกับสมควรที่จะแยกบ้านจากบ้านหลิวไปตั้งนานแล้วก็ตาม แต่นั่นแหละเรื่องที่อยู่อาศัยมันต้องใช้เงินจำนวนมาก
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พ่อแม่ใช่เงินเก็บครึ่งหนึ่งหลังจากแบ่งเข้าบ้านใหญ่มาส่งเสียลูกสาวทั้งสองคนให้เรียนจนจบมัธยมต้น ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใจเมื่อตอนขึ้นมัธยมปลายพ่อกับแม่ต้องเลือกส่งเสียคนเดียวเท่านั้นเพราะค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น และเงินที่เหลือเก็บก็แทบไม่พอแล้ว
ก่อนพักเที่ยงหลิวชิงเหอหาร่มไม้แถวหน้าโรงงาน เพื่อที่จะปูผ้าและจัดเรียงกิ๊บติดผมลวดลายต่างๆ ด้วยความน่ารักของมัน ถึงได้เรียกความสนใจจากพนักงานโรงงานได้อย่างไม่ยากนัก และราคาของมันอยู่ที่ตัวละสามหยวนเท่านั้นเอง
เห็นพนักงานคนอื่นๆ ได้เครื่องประดับที่มีราคาแค่สามหยวน ทั้งยิ่งน่ารักเอาเสียมากๆ คนเป็นแม่อย่างเหมยฮัว ถึงได้สะกิดบอกสามี ว่าตนเองควรซื้อติดมือไปฝากเสี่ยวชิงเหอ กับเสี่ยวเหลียนคนละตัว ลูกสาวทั้งสองคนน่าจะดีใจที่ได้รับมัน
"ซื้อไปฝากลูกสักคนละชิ้นเถอะค่ะ"
"ก็ดีนะครับ คุณไปเลือกเถอะ"
หลิวเฉียนคนเป็นสามี ไม่ได้ขัดใจภรรยา เพราะเขาเห็นว่ากิ๊บนั่นราคาไม่ได้แพงมากเกินไปจนซื้อไม่ได้ คนงานผู้หญิงรุมล้อมจนเหมยฮัวแทบจะแทรกเข้าไปซื้อของไม่ได้ แต่หลังจากที่ได้ยินว่าสินค้าหมดแล้ว ทุกคนที่รุมแม่ค้าตัวน้อยอยู่ก็แยกย้าย
"ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ สัปดาห์หน้าฉันจะนำของมาขายอีกครั้ง แต่น่าจะเป็นลวดลายอื่น"
เหมยฮัวรู้สึกคุ้นหูน้ำเสียงนั่นอย่างบอกไม่ถูก หลังจากที่คนงานคนหนึ่งถอยออกไป ถึงได้เห็นเต็มตา ว่าแม่ค้าขายกิ๊บนั่นคือเสี่ยวชิงเหอ
"เสี่ยวชิงเหอ ลูกมาที่นี่ได้ย่างไรกัน อย่าบอกนะว่าลูกมาขายของ"
หลิวชิงเหอดูตกใจในตอนแรก ก่อนที่ใบหน้าจะแปรเปลี่ยนมาสงบนิ่ง
"ใช่ค่ะ หนูแค่เอาของที่หนูทำมาขาย"
ใบหน้าเรียบนิ่งตอบแม่ ในขนาดที่ม้วนผ้าเก็บร้าน ด้วยรูปแบบกิ๊บที่แปลกใหม่และสวยงามก่อนหน้านี้ คนเป็นแม่ไม่คิดว่าของพวกนั้นจะเป็นลูกสาวคนเล็กที่ทำขึ้นมา กลับคิดว่าลูกสาวอาจรับจากไหนมาขายต่ออีกครั้ง หรือบางครั้งหลิวชิงเหออาจเป็นลูกจ้างของใครสักคน แต่เมื่อครู่ลูกสาวบอกเองว่าของเหล่านั้นเป็นของที่เธอทำขึ้นมาเอง
"ลูกทำมาเองอย่างนั้นหรือ"
"ใช่ค่ะ "
"ทำไมล่ะ หรือว่าลูกขาดเหลืออะไร"
หลิวชิงเหอเหลือบสายตามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเฉย ที่จริงแม่ของร่างเดิมก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายนัก
"แม่วางใจเถอะค่ะ หนูแค่อยากได้ของบางอย่าง ซึ่งมันราคาแพงมันจนไม่อยากรบกวนพ่อกับแม่"
ไม่นานคนเป็นพ่อก็เดินเข้ามาอีกคน ใบหน้าของหลิวเฉียนตกใจเมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กอยู่ที่นี่
"เสี่ยวชิงเหอ ลูกมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"
ปกติแล้วในช่วงปิดภาคเรียน เสี่ยวชิงเหอลูกสาวคนเล็ก มักจะไม่ชอบออกจากบ้านไปไหนมาไหน การที่เห็นลูกสาวคนโตที่นี่ดูจะเป็นเรื่องปกติที่จะกว่าการเจอลูกสาวคนเล็กแบบนี้
"พ่อกับแม่อย่าบอกกับใครนะ ว่าเห็นหนูมาขายของแบบนี้"
หลังจากที่เสี่ยวชิงเหอกลับบ้านไป เหมยฮัวก็บอกเรื่องที่ลูกสาวบอกมาก่อนหน้านี้กับผู้เป็นสามี คนเป็นพ่อก็ตกใจไปไม่น้อยกว่าคนเป็นแม่ แต่เห็นว่าลูกสาวคิดทำงานหาเงินด้วยตนเองเป็น ในใจส่วนหนึ่งก็รู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อย
"ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องที่ดูออกจะน่าตกใจไปสักหน่อย แต่การที่ลูกรู้จักทำงานหาเงินด้วยตนเองแบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว"
หลังจากนั้นไม่นานก็ใกล้จะถึงเวลาทำงานอีกแล้ว ตอนนี้แค่รีบไปกินอาหารกลางวันกันอย่างเร่งรีบไปก่อน เพื่อนร่วมงานบางคนที่รู้ว่าเด็กสาวที่มานั่งขายกิ๊บนั่นเป็นลูกสาวของสองสามีภรรยา อดที่จะชื่นชมไม่ได้
"ทั้งสองคนสอนลูกได้อย่างไร ถึงได้รู้จักหาเงินตั้งแต่ตอนนี้"
เหมยฮัวกับหลิวเฉียนอดที่จะใบหน้าโตขึ้นมาไม่ได้ การที่ทุกคนชื่นชมลูก ก็เหมือนว่าชื่นชมพ่อแม่อย่างพวกเขา ตอนนี้เริ่มมีข้อเปรียบเทียบระหว่างเสี่ยวเหลียนกับเสี่ยวชิงเหอ ทั้งที่เสี่ยวเหลียนมีอายุมากกว่าน้องตั้งหนึ่งปี ที่จริงคนเป็นพี่น่าจะมีความคิดมากกว่าน้องสาวไม่ใช่หรือยังไง แต่เอาเถอะ อย่างไรในอนาคตเสี่ยวเหลียนก็ไม่ได้ลำบาก เพราะว่าที่ลูกเขยก็เหมือนมีชามข้าวเหล็กที่มั่นคงแล้ว พวกเขาตัดสินใจถูกต้องแล้ว ที่เลือกให้เสี่ยวชิงเหอได้เรียนต่อ
กิ๊บเป๊าะแปะทั้งหมดหนึ่งกิโล ประมาณสองร้อยตัวใช้เวลาในการทำห้าวัน มันดูเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเกินไป เธอจำได้ว่าต้นทุนแค่สิบหกหยวนรวมค่าเข็มกับด้ายมาแล้ว
คนในโรงงานมีกำลังซื้อมากขนาดนั้นเชียวหรือ วันนี้เพียงวันเดียวเธอขายได้หกร้อยหยวน หักต้นทุนออกไปสิบหกหยวน เหลือกำไรห้าร้อยแปดสิบสี่หยวน
ต้นทุนที่มากขึ้น ทำให้หลิวชิงเหอมีความคิดที่จะซื้ออุปกรณ์ที่ดีมากหน่อย เพื่อที่จะสร้างมูลค่าสินค้าให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม ครั้งต่อไป เธอวางแผนที่จะไปขายที่โรงแสดงละครเวทีอีกครั้ง ในช่วงที่หลังจัดแสดงในตอนนั้นผู้คนคงมีใครสนใจซื้อติดมือกลับไปบ้าง ขายของเกี่ยวกับผู้หญิงน่ะ แค่สวยงามและน่าสนใจก็ขายออกไปได้ไม่ยากแล้ว
ตงซานเจอผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว ในมือของเธอยังคงถือกิ๊บเป๊าะแปะมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ซ้ำยังมีเศษผ้าที่เหมือนว่าจะเป็นเศษผ้าที่ดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
คนของเขาบอกว่าสาวน้อยคนนี้เปิดแผงขายกิ๊บติดผมลายสวยงามแถวหน้าโรงงานทอผ้า น่าแปลกใจที่ของจำนวนมากถูกขายหมดไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งได้ยินแบบนี้ตงซานยิ่งรู้สึกสนใจขึ้นมามากขึ้น รอยยิ้มมุมปากกระตุกขึ้นมาอย่างชอบใจ ตัวแค่นี้รู้จักทำธุรกิจอย่างนั้นหรือ นับว่าน่าสนใจ
